ฟื้นฟูจิตใจครูคาทอลิกและครูคำสอนสังฆมณฑลราชบุรี 2566
หัวข้อ “ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าที่ต้องก้าวเดินไป”
ศูนย์คริสตศาสนธรรมราชบุรีจัดการฟื้นฟูจิตใจให้กับครูคาทอลิกและครูคำสอนในสังฆมณฑลราชบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 – วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2566 หัวข้อ “ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าที่ต้องก้าวเดินไป” ณ บ้านหาดหฤทัย โดย คุณพ่อพิพัฒน์ มือแป คณะเยสุอิต เป็นผู้นำการฟื้นฟูจิตใจ มีผู้เข้าร่วมจำนวน 29 คน
ในช่วงแรก “ใจของเราเร่าร้อนเป็นไฟอยู่ภายใน” คุณพ่อพิพัฒน์ มือแป ได้ชวนเราเดินตามรอยเท้าของศิษย์สองคนที่เดินทางกลับบ้าน ยอมแพ้ เพราะคิดว่าตนเองล้มเหลว ระหว่างทางใจของทั้งสองหดหู่ มีใบหน้าที่เศร้าหมอง จนจำพระเยซูเจ้าผู้เสด็จเข้าในร่วมเดินทางกับเขาไม่ได้ แต่เมื่อพระองค์อธิบายพระคัมภีร์ให้เขาฟัง ตาของเขาก็สว่างและจำพระองค์ได้ แต่แล้วพระองค์ก็หายไปจากสายตาของเขา
ชีวิตของเราก็เช่นกัน อย่าโฟกัสกับเรื่องราวต่างๆ จนลืมพระองค์ อย่าปล่อยชีวิตเราให้เป็นเหมือนเครื่องจักร ทำงานแต่ไม่มีเวลาเพื่อพระเจ้า แต่ละวันจงใช้เวลากับพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์และสวดภาวนา เพราะหากว่าเราไม่รู้พระคัมภีร์ก็เป็นการยากที่เราจะจดจำพระเจ้าได้ และการเสียพระเจ้าไปก็ทำให้ชีวิตของเรามืดมน
ในช่วงที่สอง “ดวงตาของเรา “เปิดออกและจำพระองค์ได้” คุณพ่อได้ให้ชวนเราคิดถึงสิ่งซึ่งจะทำให้เราจดจำพระเจ้าได้จากการภาวนาและพิธีบูชาขอบพระคุณ แต่แน่นอนว่ามีบางสิ่งที่ทำให้เราไม่อยากไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ เมื่อกลับไปมองเรื่องราวของศิษย์สองคนที่เอมมาอูส เพราะใจที่เร่าร้อนด้วยพระวาจาของพระเจ้าพวกเขาได้เชิญผู้ร่วมทางแปลกหน้าให้เข้ามาพักกับพวกเขา พระเยซูเจ้าหายไปจากสายตาของพวกเขาแต่เข้าไปอยู่ในหัวใจของบรรดาศิษย์
สิ่งที่กระตุ้นให้เราแต่ละคนออกเดินทางคือ ประสบการณ์การพบพระคริสตเจ้าในเรื่องราวที่เรียบง่าย และทำให้เราจำพระองค์ได้ เพราะหากเราตกหลุมรักพระองค์ เราจะเต็มใจกระทำสิ่งต่างๆ ได้ง่าย ให้เราแต่ละคนจะได้คิดถึงประสบการณ์ในชีวิตของเราว่า “ฉันมีประสบการณ์พบปะกับพระเจ้าในเวลาใด กับใคร ในเหตุการณ์ไหน
โดยคุณพ่อให้เราได้แบ่งปันกันในการพิจารณาไตร่ตรองประสบการณ์ชีวิตแบบเป็นกลุ่ม เป็นการแบ่งปันชีวิตจิตให้แก่กันและกัน และจากการไตร่ตรองประสบการณ์ร่วมกันนี้ เราได้พบพระเจ้าองค์แห่งความรักในชีวิตของเราแต่ละคน และเป็นพระองค์ที่ก้าวเข้ามาร่วมทางกับเราในแต่ละวัน
ในช่วงสุดท้าย “เท้าของเราก้าวไปตามทางด้วยความยินดี” คุณพ่อได้เชิญชวนเราให้มองศิษย์สองคนที่รีบออกเดินทางกลับบ้านเพื่อไปบรรเทาใจให้ผู้อื่น และนี่คือพันธกิจและเป้าหมายชีวิตของเราครูคาทอลิกและครูคำสอน ให้เราจุดไฟแห่งความกระตือรือร้น เพื่อก้าวออกไปช่วยคนอื่นแบกกางเขน เพราะปัญหาของโลกก็คือปัญหาของเราด้วย ที่สุดแล้วให้เราใช้ชีวิตแต่ละวันและไม่ลืมที่จะไตร่ตรองว่า ฉันพบพระองค์ที่ไหนหรือในเหตุการณ์ใดบ้างหรือไม่และฉันได้มอบสันติให้กับผู้อื่นบ้างหรือไม่