Q : อยากให้คุณพ่ออธิบายคำว่า Self-Esteem อีกครั้ง ฟังในห้องเรียนไม่ถนัด (นักศึกษาวิทยาลัยแสงธรรม)
A : ขอบใจที่สนใจ
คำว่า Self-Esteem นี้มีความสำคัญในเรื่องของการฝึกอบรมเด็กและเยาวชนของเรา
SE นี้เป็นคุณลักษณ์ที่ดีประการหนึ่งที่เราทุกคนต้องเสริมสร้างและพัฒนาเพื่อจะได้เป็นของคนที่มีสมบูรณ์
SE หมายถึงการเคารพตนเอง การยอมรับตนเองอย่างที่เป็น เช่น การยอมรับในความสามารถของเรา ในการเรียน การเล่นกีฬา รูปร่างหน้าตา ทักษะความชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ฯลฯ
ถ้าเรายอมรับตัวตนของเราได้ เราย่อมเกิดความรู้สึกที่ดีและภูมิใจในตนของเราเอง
ตรงกันข้าม ถ้าเราไม่สามารถยอมรับตนเองได้ เราย่อมมีแต่ความกังวลใจ ความกลุ้มใจ และความทุกข์ใจ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตัดสินใจต่อการดำเนินชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ไม่ถูกต้อง
คนที่มี SE ต่ำมักจะมองตนเองในแง่ลบ เช่น
ฉันไม่เก่ง ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่สวย ฉันไม่มีวันชนะเขา ไม่มีใครรักฉัน ชีวิตฉันไร้ค่า ฉันเป็นตัวถ่วงความเจริญ…
พฤติกรรมของคนประเภทนี้ คือ
เก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว ไม่มีความมั่นใจตนเอง ชอบโศกเศร้า กลัว ตัดสินใจไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้ ชอบวิพากวิจารณ์คนอื่น และตนเองก็ทนไม่ได้ถ้าถูกใครวิจารณ์ตนเอง ฯลฯ
แต่…ยังมีการยอมรับหรือการเคารพตนเองที่สูงกว่าแค่เรื่องของความสามารถและรูปร่างหน้าตา นั้นคือ
การยอมรับและการเคารพตนเองในเรื่องของความประพฤติ ในเรื่องของการทำคุณงามความดี
หมายความว่า รู้ว่าตนเองสามารถทำคุณงามความดีตามหลักคำสอน หรือปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของสังคมได้มากน้อยเพียงไร เช่น สำหรับนักเรียนนั้นการทำการบ้านเองหรือการลอกการบ้าน การช่วยเหลือผู้อื่นหรือการเห็นแก่ตัว การต้องมาเรียนตามกำหนดเวลาหรือการไม่มา การต้องส่งงานตามกำหนดหรือไม่ส่ง
ถ้าผู้นั้นรู้สึกว่าตัวเองว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ด้วยตนเอง ความรู้สึกนี้ คือ การเคารพตนเอง การยอมรับตนเองที่ถูกต้อง
ตรงกันข้ามสำหรับบุคคลที่ไม่ยอมทำตามกฎระเบียบ หลบๆเลี่ยงๆ นึกว่าทำผิดแล้วไม่มีใครจับได้หรือไม่มีใครรู้ บุคคลเหล่านี้นอกจากไม่เคารพมโนธรรมของตนเองแล้ว ยังไม่เคารพผู้อื่นอีกด้วย ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับคนอื่น แต่กับตนเองอย่างแท้จริง …เพราะเราหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตนเองและพระเจ้าไม่ได้
การยอมรับและเคารพตนเองมีพื้นฐานมาจากข้อความเชื่อที่ว่า เราแต่ละคนเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า เราแต่ละคนเป็น “ภาพลักษณ์” ของพระเจ้า เรามีความคล้ายกับพระเจ้า
เราทุกคนจึงมีดี เป็นคนดี เป็นคนที่มีค่า เป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงรัก และแน่ใจได้เลยไม่มีใครรักเราเท่ากับพระเจ้า ดังนั้นขอให้เรารักตนเอง และเราจะสามารถรักผู้อื่น ให้เรายอมรับตนเอง แล้วเราจึงจะสามารถยอมรับผู้อื่น พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่า “ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”(มธ.22:39) และ “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไรก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด”(มธ.7:12)
ข้อควรระวังในเรื่องการยอมรับหรือการเคารพตนเองก็คือ การยึดตนเองเป็นหลัก ซึ่งก็คือการหยิ่งจองหองนั้นเอง การที่คนหนึ่งมักจะมองตนเองในแง่ลบ เราเรียกว่า Low Self-Esteem ส่วนที่ยึดตนเองจนเกินไป ก็กลายเป็นคน Over คนอวดตน คนเห็นแก่ตัว คนที่ยึดตนเองไม่ศูนย์กลาง
ดังนั้นเราจึงต้องเดินสายกลางไว้ อยากให้นักศึกษาอ่านชีวิตของ ยอห์น บัปติส ในลูกา 3:1-13 ชีวิตของพระเยซู ในมัทธิว 4:1-11 ชีวิตของแม่พระในลูกา 1:46-55. แล้วพูดคุยกับเพื่อนๆถึงเรื่องที่ได้อ่านและรำพึงนี้
ขอพระเจ้าประทานพร
คุณพ่อวัชศิลป์