ป้าชลิต ครูคำสอนตามบ้าน
ป้าชลิต บุญประดิษฐ์ (เกิด พ.ศ.2474) ข้าราชการเกษียณจากกรมอู่ทหารเรือวัย 89 ปี นั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างไปสอนคำสอนตามบ้านไม่ว่าใกล้หรือไกล โดยไม่เรียกร้องอะไรจากใคร ทำด้วยใจที่อยากให้คนรู้จักพระเจ้า
เตี่ยคือครูคำสอนคนแรก
ความเชื่อศรัทธาของป้าชลิตมาจากการอบรมบ่มเพาะของเตี่ย เรื่องที่ติดหูติดตา จนกลายเป็นคุณธรรมประจำใจ คือ การหลีกหนีบาป ความเกรงกลัวต่อบาป โดยเตี่ยจะสอนว่าถ้าใครทำบาป ก็จะเป็นพรรคพวกของผีปีศาจ ไปไหนผีก็จะตามไปเล่นงาน ไม่มีความสุข ถ้าใครทำบาปผีจะจดบันทึกความผิดบาปลงในหนังอีแร้ง ด้วยหมึกที่ทำมาจากขี้อีแร้งตากแห้งมาละลายน้ำ คนที่ทำบาปตายไปจะต้องตกนรก ที่นรกนั้นผีจะคอยรังแกทุกวัน ไม่สนุก มีแต่ความทุกข์ ส่วนคนที่ทำดี เป็นลูกของพระเจ้า ไปไหนพระก็จะไปด้วย พระจะคอยปกป้องคุ้มครองดูแล สวรรค์มีแต่ความสุข อะไรที่ทำให้เรามีความสุขในโลกนี้สวรรค์มีให้เราหมด
ประสบการณ์ช่วยตอกย้ำ
ตอนเล็ก ๆ ก็เคยทำบาป บาปที่ป้าชลิตยังจดจำได้ คือ มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบรังแกป้า ป้ารู้ว่าเพื่อนคนนี้ต้องเดินผ่านสวนของป้าทุกหัวค่ำ จึงได้เตรียมอาวุธร้ายคือเอาดินใส่กระป๋องนมจนแน่น พอเพื่อนเดินผ่าน ป้าก็ขว้างกระป๋องใส่ทันที กะให้หัวร้างข้างแตกไปเลย แต่เดชะบุญเหมือนพระช่วยทำให้ปาไม่โดน เมื่อเตี่ยรู้เข้า เตี่ยจึงสอนว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ไปสวรรค์แน่นอน จึงเป็นการตอกย้ำเรื่องนรกและสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งคือการขโมย ป้าชลิตตอนเป็นเด็กเคยขโมยตะขอเกี่ยวมุ้ง มันสวยมากอยากได้จึงขโมย เมื่อเตี่ยเห็น เตี่ยบอกว่า "นี่ไม่ใช่ของบ้านเรา ไปเอามาจากไหน ให้เอาไปคืนเจ้าของแล้วบอกด้วยว่าขโมยมา ถ้าเตี่ยถามแล้วรู้ว่าไม่บอกจะโดนตี" ตะขอนี้เป็นของป้า ป้าขายเครื่องนอน ธรรมดาเตี่ยไม่เคยตีใคร เมื่อไปสารภาพกับป้า ป้าบอกว่าให้เอามือวางบนเขียง ป้าจะเอามีดมาตัดนิ้ว ป้าบอกว่าในฐานะที่เป็นหลานจึงแค่ตัดนิ้ว แต่ถ้าเป็นคนอื่นจะเอาให้หัวแบะเลย ตั้งแต่นั้นมาป้าชลิตจึงไม่เคยขโมยของใครอีกเลย
กล้าที่จะแสดงตัวว่าเป็นคริสต์
เคยถูกตีหน้าแถว เพราะตั้งใจทำร้ายเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้ชอบล้อเลียนเรื่องการนับถือศาสนาคริสต์ของป้า โดยล้อว่า "พระเยซูกินข้าวกับหัวปลาทู กินอิ่มแล้วขึ้นสวรรค์แคะขี้ฟันให้พระอินทร์ดม พระอิมทร์ถีบกระเด็นลงรูปู" เมื่อเพื่อนคนนี้ร้องคำว่าพระเยซู เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ร้องต่อกันเสียงดัง ป้าชลิตเก็บความแค้นไว้จนวันหนึ่งมีการแข่งวิ่งเปรี้ยว ป้าชลิตวิ่งคู่กับเพื่อนคนนี้พอดี ป้าเร่งฝีเท้าแซงได้แล้วจึงกางมือออกเหวี่ยงเข้าที่หน้าอก เพื่อนคนนั้นล้มกลิ้งลงไป ครูจึงลงโทษหน้าแถวด้วยการถูกเฆี่ยนอย่างนับไม่ถ้วน ดีที่ป้าใส่กะโปรงหลวม ๆ ไม้เรียวจึงไม่กระทบถึงเนื้อ แต่ยังดีที่มีครูที่เข้าใจและอนุญาตให้ไม่ต้องสวดก่อนเข้าเรียนแบบนักเรียนทั่วไปสวด ครูบอกให้สวดตามศาสนาคริสต์ได้ จากนั้นมาไม่มีใครมาล้อเลียนเรื่องศาสนาอีก เรื่องการนับถือศาสนาคริสต์นี้เตี่ยสอนว่า "ไม่ต้องกลัว เราต้องไม่ปิดบังว่าเป็นคริสต์" ป้าจึงกล้าแสดงตนตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน
เตี่ยแม่สอนสวด
เรื่องการสวดภาวนา บ้านป้าอยู่คลองละมุด ตอนเล็ก ๆ บ้านจะสวดค่ำพร้อมกัน เตี่ยเป็นคนที่ศรัทธา เวลาสวดเตี่ยอยู่ข้างหนึ่งแม่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง ป้าชลิตอยู่ตรงกลาง สวดไปสวดมาป้าชลิตนอนหลับ หัวไปโขลกไปพื้นเจ็บมาก ตั้งแต่นั้นมาจึงตั้งใจสวดมากขึ้น
เป็นครูคาสอนจิตอาสา
เนื่องจากได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าตลอดมาและต้องการให้คนรู้จักพระเจ้า จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกพลมารีย์ และอาสาสอนคำสอน เริ่มต้นที่วัดซาตาครูส กรุงเทพฯ โดยสอนคำสอนให้คนยากจนที่มาหากินที่กรุงเทพ ซึ่งมีความยากลำบาก ข้าวปลาไม่พอกิน ป้าจึงช่วยดูแลทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ เมื่อเกษียณแล้วจึงได้กลับมาอยู่บางนกแขวก สมุทรสงคราม โดยอาสาสอนคำสอนให้กับคนที่ต้องอยู่ติดบ้านเพราะมีลูกอ่อน หรือป่วยติดเตียง หรือคนที่ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง หรือมาเรียนคำสอนพร้อมกับคนอื่นที่วัดได้ ป้าชลิตจะไปสอนให้ถึงบ้านโดยนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างหรือรถเมล์ไป และไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น บางรายสอนไปแกว่งเปลไป ป้อนข้าวไป นอกจากนั้นป้ายังอาสาพาคุณพ่อไปส่งศีลมหาสนิทตามบ้านในวันศุกร์ต้นเดือน โดยตั้งใจว่าจะรับใช้พระเจ้าอย่างนี้ตลอดไป
ปัจจุบันป้าชลิตรับใช้พระเจ้าประจำอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก และวัดนักบุญยอห์น บอสโก ราชบุรี