ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

"จงมุ่งมั่นเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า"
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2012

ชีวิตทางศาสนาของเรา บางครั้งก็เบื่อ บางครั้งก็เซ็ง บางวันขยันสวด แต่บางวันขี้เกียจ บางวันก็ท้อแท้ เรามักจะใช้อารมณ์และความรู้สึกของเราเป็นตัวตั้ง แต่จากการอ่านพระคัมภีร์ประจำวันอาทิตย์แล้ว เราจะเบื่อ จะเซ็งในการทำหน้าที่คริสตชนของเราไม่ได้เสียแล้ว เพราะพระเยซูเจ้าทรงไม่เบื่อ ไม่ท้อแท้ ในการทำหน้าที่ของพระองค์


เราจะเห็นได้ว่า ชีวิตของพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงภาวนาอยู่เสมอ พระองค์ไม่เบื่อในการภาวนา ทรงตื่นแต่เช้าเพื่อภาวนาตามลำพัง ทรงพาสานุศิษย์ไปยังที่สงัดเงียบเพื่อภาวนา ทรงสอนศิษย์ให้ภาวนา ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาที่คับขันพระองค์ทรงภาวนาอย่างหนักหน่วง ตัวอย่างจากบทอ่านในวันอาทิตย์นี้ นักบุญเปาโลเล่าให้เราฟังว่า “ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดิน พระองค์ทรงอธิษฐานทูลขอ คร่ำครวญ และร่ำไห้ต่อพระเจ้า” และในบทพระวรสารนักบุญยอห์นได้บันทึกถึงคำภาวนาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสล่วง หน้าถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ซึ่งฟังน้ำเสียงแล้วแสดงให้เห็นว่าพระองค์ ทรงมีความหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ในเวลาไม่นานนี้ “บัดนี้ใจของเราหวั่นไหว เราจะพูดอะไรอีกเล่า จะพูดหรือว่า ‘ข้าแต่พระบิดาเจ้าโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเวลานี้’ ไม่ใช่...เพราะข้าพเจ้ามาก็เพื่อเวลานี้” อะไรที่ทำให้พระองค์ต้องหวาดหวั่นเช่นนี้ ก็การถูกจับกุม การถูกสวมมงกุฎหนาม การถูกเฆี่ยนตี การถูกตบ การแบกไม้กางเขน การถูกตะปูตอกตรึงกับกับกางเขน ฯลฯ แม้ว่าจะดูโหดร้ายและจะต้องเจ็บปวดสักเพียงไร พระองค์ไม่ทรงท้อถอย แต่ยินดีที่จะกระทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาด้วยใจมุ่งมั่น “ข้าพเจ้ามาก็เพื่อเวลานี้” “ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตายมันก็จะบังเกิดผลมากมาย” “ผู้ที่รักชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้ก็ย่อมจะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับ ชีวิตนิรันดร”

“การมุ่งมั่น” ในหน้าที่ได้ขนาดนี้ต้องมาจาก “การภาวนา” อย่างจริงจังนั้นเอง

ในระหว่างเวลาต่อจากนี้ไปเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน เพราะเรากำลังเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกไม่นานนักที่เราจะได้เร่งรัดเอาจริงเอาจังกับชีวิต ฝ่ายจิตของเรา ด้วยการสวดภาวนา จำศีลอดอาหาร พลีกรรมใช้โทษบาป และทำกิจกุศลต่างๆ

เรื่องที่ขอแนะนำให้กระทำเป็นพิเศษก็คือ “การภาวนา”

การภาวนาคือการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้า การภาวนาเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า ยิ่งเราภาวนามากเท่าไร เรายิ่งสนิทแนบแน่นกับพระเจ้ามากเท่านั้น เหมือนกับคนเราที่ไปมาหาสู่พูดคุยติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งทำอย่างนี้ยิ่งสนิทกันมากยิ่งขึ้น การภาวนาช่วยให้เรื่องที่ร้ายกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี การภาวนาทำให้ใจของเราสงบและมีสันติ การภาวนามีพลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราได้

เราสามารถสวดภาวนาได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา และในทุกกิจกรรม แต่อย่างไรก็ตาม เราควรจัดเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการภาวนาส่วนตัวของเรา เราต้องสวดให้เป็นกิจวัตรประจำวันของเรา เหมือนกับเราตื่นขึ้นมาต้องเปิดโทรทัศน์ดูข่าว หรือดื่มกาแฟ หรืออ่านหนังสือในยามเช้า

และอยากจะแนะนำให้ทุกครอบครัวจัดแท่นพระให้สวยงามเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการ ภาวนาในบ้าน การภาวนาต่อหน้ารูปพระทำให้เกิดความรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า แม่พระ และนักบุญทั้งหลายในบ้านของเรา เราต้องทำบ้านให้เป็นวัดน้อยๆ ในช่วงเวลาที่เหลือก่อนถึงวันฉลองปัสกานี้ควรที่จะสวดภาวนาอย่างน้อยก่อนนอน พร้อมกับทั้งครอบครัว เพราะครอบครัวใดที่สวดภาวนาพร้อมกัน ครอบครัวนั้นก็จะด้วยกันด้วยความสุข

ส่วนวิธีการสวดนั้น ขอเสนอสูตร TSP คือ T=Thank you เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์สำหรับพระทัยดีที่พระองค์ประทานสิ่งที่ดีๆให้กับชีวิตของเรา S=Sorry คือ ขอโทษพระเจ้าสำหรับความผิดบาปต่างของเราและตั้งใจว่าจะไม่ทำอีก P=Please คือ ขอความกรุณาจากพระเจ้าได้โปรดประทานพระพรที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันในฐานะที่เป็นลูกของพระองค์ได้อย่างดีและเหมาะ

ขอให้เราอย่าเบื่อ อย่าเซ็งการภาวนาเลย ถ้าเราทำได้เชนนี้ การฉลองปัสกาของเราและครอบครัวจะมีความสุขอย่างแท้จริง

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์