บทเรียนที่ 1 เดือนกรกฎาคม 1996 หัวข้อเรื่อง อับราฮัม วีรบุรุษแห่งความเชื่อ จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงหน้าที่แรกของชาย คือเป็นหลักของความเชื่อ และถ่ายทอดความเชื่อนั้นให้แก่ลูกหลานและผู้อื่นตามแบบอย่างของอับราฮัม |
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
แสดงละครเรื่อง “อับราฮัมบุรุษแห่งความเชื่อ” ครูเป็นผู้บรรยาย หรือจะใช้อัดเทปก็ได้ นักเรียนเป็นผู้แสดงเพียงท่าทาง
ฉากที่ 1 พระเป็นเจ้าทรงเรียกอับราฮัม
เปิดฉาก อับราฮัมและซาราห์คุกเข่าอยู่
บรรยาย ที่เมืองเออร์มีชายคนหนึ่งชื่ออับราฮัม ภรรยาชื่อซาราห์ ทั้งสองเป็นคนดี
มีใจซื่อตรง เป็นที่โปรดปรานของพระเป็นเจ้า พระองค์จึงตรัสเรียกท่านว่า
พระเป็นเจ้า อับราฮัม เจ้าจงออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองที่เราจะบอกให้ เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่
เราจะอวยพรเจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเจ้าจะทำให้ผู้อื่นได้รับพระพร
อับราฮัม ซาราห์ (ก้มกราบ) พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะไปตามที่พระองค์สั่ง
บรรยาย แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางโดยทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเมืองนั้นเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน
ฉากที่ 2 พระเป็นเจ้าประทานบุตรสืบเชื้อสาย
เปิดฉาก อับราฮัมและซาราห์ที่แผ่นดินคานาอัน
บรรยาย อับราฮัมและซาราห์เดินทางมาตั้งหลักแหล่งที่แผ่นดินคานาอัน
พระเป็นเจ้าทรงโปรดปรานความเชื่อของท่านมาก พระองค์จึงกล่าวกับท่านว่า
พระเป็นเจ้า อับราฮัม เราจะทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น
เราจะให้บุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้าโดยอาศัยนางซาราห์ ภรรยาของเจ้า
บรรยาย อับราฮัมอายุมากแล้ว และซาราห์ภรรยาก็เป็นหมัน จะเกิดบุตรได้อย่างไร
อับราฮัมจึงซบหน้าลงหัวเราและคิดในใจว่า
อับราฮัม ชายที่มีอายุร้อยปีแล้วจะมีบุตรได้ยังไงกัน?
และซาราห์ที่มีอายุเก้าสิบปีและเป็นหมันจะให้กำเนิดบุตรได้อย่างไร?
บรรยาย นางซาราห์เองพอได้ยินก็หัวเราะและคิดในใจเหมือนกันว่า
ซาราห์ ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะตั้งครรภ์มีบุตรได้หรือ?
ใคร ๆ ได้ยินจะมิหัวเราะกันทั่วเมืองหรือ?
บรรยาย แต่พระเป็นเจ้าตรัสว่า
พระเป็นเจ้า ทำไมเจ้าจึงหัวเราะ? มีสิ่งใดที่อัศจรรย์เกินพระเจ้าจะทำได้หรือ?
บรรยาย ท่านทั้งสองจึงเชื่อในพระองค์ พระเป็นเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า
พระเป็นเจ้า จงตั้งชื่อบุตรที่จะเกิดมานั้นว่า “อิสอัค” (แปลว่า เขาหัวเราะ)
ฉากที่ 3 อับราฮัมบูชาอิสอัค
บรรยาย และแล้วนางซาราห์ก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง
เขาตั้งชื่อบุตรนั้นว่า อิสอัค ตามที่พระเป็นเจ้าทรงสั่ง นางซาราห์กล่าวว่า
ซาราห์ พระเป็นเจ้าทรงทำให้ข้าพเจ้าหัวเราะและทุกคนที่ได้ยินก็จะพลอยหัวเราะไปด้วย
ต่อไปนี้ใคร ๆ ก็จะพูดกับอับราฮัมว่า ดูซิ นางซาราห์ได้คลอดบุตรให้อับราฮัม
เมื่อท่านมีอายุมากแล้วดูซิ นางซาราห์ให้นมเลี้ยงบุตรเมื่อแก่แล้ว
บรรยาย แล้วพระเป็นเจ้าก็ทรงทดลองความเชื่อของอับราฮัมอีก พระองค์ตรัสว่า
พระเป็นเจ้า ดูเถิดอับราฮัม บัดนี้อิสอัคบุตรคนเดียวของเจ้าก็โตแล้ว
เจ้าจงนำอิสอัคไปฆ่าบูชาแก่เราบนภูเขาที่เราจะบอกแก่เจ้าเถิด
บรรยาย อับราฮัมได้ยินก็ใจหาย อิสอัคบุตรคนเดียวที่จะเป็นผู้สืบเชื้อสายกำลังน่ารักจะต้องถูกฆ่าเป็นบูชา
แล้วที่พระเป็นเจ้าเคยตรัสสัญญาไว้ว่า “เราจะให้เจ้าเป็นเชื้อสายของชนชาติใหญ่”
จะสำเร็จ ได้อย่างไร? แต่อับราฮัมก็เชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงทำได้เพราะพระองค์ทรงทำมาแล้ว
จึงตัดสินใจนำอิสอัคไปฆ่าบูชาตามที่พระเป็นเจ้าทรงสั่งอับราฮัมจึงให้อิสอัคแบกฟืนสำหรับเผาเครื่องบูชา
ส่วนตัวท่านเองถือมีดและไฟออกเดินทางไปยังภูเขาที่พระเป็นเจ้าทรงบอกอิสอัคถามอับราฮัมว่า
อิสอัค คุณพ่อครับ เรามีฟืน มีมีด มีไฟ แล้วแกะสำหรับฆ่าบูชาอยู่เสียที่ไหนเล่า?
บรรยาย อับราฮัมตอบว่า
อับราฮัม ลูกเอ๋ย พระเป็นเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับฆ่าเป็นบูชาด้วยพระองค์เอง
บรรยาย เมื่อมาถึงภูเขาที่พระเป็นเจ้าทรงบอก อับราฮัมก็จัดแจงตั้งแท่นบูชา เรียงฟืนเป็นระเบียบ
แล้วจับอิสอัคมัดวางไว้บนกองฟืน คว้ามีดขึ้นมาจะฆ่าอิสอัค ทันใดนั้นเทวดาของพระเป็นเจ้า
ก็เข้ามายึดมือของอับราฮัมไว้ร้องว่า
เทวดา ช้าก่อน อับราฮัม อย่าแตะต้องเด็กคนนี้เลย ท่านได้พิสูจน์แล้วว่ายำเกรงพระเป็นเจ้าเหนือสิ่งใด
จนมิได้หวงแม้ชีวิตของบุตรของท่านเอง พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยในความเชื่อของท่านแล้ว
บรรยาย อับราฮัมเหลียวไปเห็นแกะตัวหนึ่ง เขาของมันติดเถาวัลย์อยู่ในพุ่มไม้
จึงไปจับแกะตัวนั้นมาฆ่าเป็นบูชาแทน พระเป็นเจ้าจึงทรงอวยพรอับราฮัมว่า
พระเป็นเจ้า เพราะเจ้าเชื่อเรามากยิ่งกว่าชีวิตของอิสอัคบุตรของเจ้าเอง เราจะอวยพรเจ้าแน่
เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้นดังดวงดาวในท้องฟ้าและเม็ดทรายที่ชายทะเล
ประชาชาติทั้งหลายจะได้รับพรเพราะเชื้อสายของเจ้า
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามความรู้สึกของนักเรียนหลังชมการแสดงดังต่อไปนี้
ฉากที่ 1 พระเป็นเจ้าทรงเรียกอับราฮัม
1. ถ้ามีใครมาบอกให้เราทิ้งพ่อแม่ พี่น้อง บ้านช่อง ไปอยู่ที่อื่น ที่ที่เราไม่รู้จัก เราจะไปหรือไม่? ทำไม?
2. แต่อับราฮัม พอพระเป็นเจ้าบอกว่า “จงออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองที่เราจะบอกให้” ก็ไปทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเมืองอะไร อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร แสดงว่าอับราฮัมเป็นคนอย่างไร?
(เชื่อพระเป็นเจ้าแบบถวายหัวว่าพระองค์จะสามารถนำพาไปยังที่ที่ดีและปลอดภัย)
ฉากที่ 2 พระเป็นเจ้าประทานบุตรสืบเชื้อสาย
1. ปกติคนที่จะมีบุตรได้ต้องมีอายุประมาณเท่าใด? คนที่มีอายุร้อยปีอย่างอับราฮัมหรือเก้าสิบปีอย่างซาราห์จะมีบุตรได้หรือไม่? ทำไม?
2. แต่เมื่อพระเป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะให้บุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้าโดยอาศัยซาราห์ภรรยาของเจ้า” ครั้งแรกทีเดียวอับราฮัมและซาราห์ทำและคิดอย่างไร? แต่ต่อมาอับราฮัมและซาราห์ทำอย่างไร?
(เชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงทำได้ ไม่มีสิ่งใดที่อัศจรรย์เกินพระเจ้าจะทำได้)
ฉากที่ 3 อับราฮัมบูชาอัสอัค
1. อับราฮัมมีบุตรคนเดียว พระเป็นเจ้าสัญญาว่าจะให้ท่านเป็นเชื้อสายของชนชาติใหญ่ แต่กลับสั่งให้เอาบุตรนั้นไปฆ่าเป็นบูชา ถ้านักเรียนเป็นอับราฮัมจะรู้สึกอย่างไร? ทำไม
2. แต่อับราฮัมทำตามที่พระเป็นเจ้าสั่งทันทีโดยไม่บิดพลิ้ว นักเรียนคิดว่าอับราฮัมเป็นคนอย่างไร?
(มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าอย่างแน่นแฟ้นว่า พระองค์ซื่อสัตย์และสามารถทำให้พระสัญญาสำเร็จไปได้)
สรุป จากเหตุการณ์ทั้งสามที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ และนักเรียนได้เห็นมาแล้วนี้
เราพอจะสรุปได้แน่นอนว่า อับราฮัมเป็นคนที่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ
ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น จึงสมแล้วที่เราจะขนานนามท่านว่า “บุรุษแห่งความเชื่อ”
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. พระเป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้เมื่อมนุษย์คู่แรกทำบาปว่าจะส่งพระผู้ไถ่มาไถ่กู้มนุษย์ บัดนี้พระองค์ก็ทรงเริ่มทำตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น กล่าวคือ พระองค์ทรงเตรียมผู้ที่จะมาเป็นต้นตระกูลของพระผู้ไถ่ บาปของมนุษย์คู่แรก คือ ไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า จงใจฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ พระผู้ไถ่ที่จะมาไถ่กู้มนุษย์ก็ต้องปฏิบัติตรงกันข้าม คือ ต้องเชื่อฟังและนอบน้อมต่อพระเป็นเจ้าอย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำจนถึงกับยอมรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (เทียบ ฟป 2.8) ฉะนั้นผู้ที่จะมาเป็นต้นตระกูลของพระผู้ไถ่ก็ควรจะต้องเป็นผู้ที่เชื่อฟังและนอบน้อมต่อพระเป็นเจ้าเช่นกัน และผู้นั้นก็คือ “อับราฮัม” ดังที่เราได้เห็นมาแล้ว
2. ความเชื่อในพระเป็นเจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของพระสัญญาของพระเป็นเจ้า ในพันธสัญญาเก่าโดยมีลูกหลานของอับราฮัม หรือประชากรชาวอิสราแอลเป็นรูปแบบ และเป็นความสำเร็จสมบูรณ์ของพระสัญญานั้นในพันธสัญญาใหม่ในองค์พระเยซูคริสต์โดยมีประชากรอิสราแอลใหม่ คือคริสตชนทั้งหลายเป็นรูปแบบลักษณะของความเชื่อของอับราฮัมก็ดี และของพระเยซูคริสต์ก็ดี อยู่ที่การอุทิศตนโดยสิ้นเชิงให้แก่พระเป็นเจ้า สุดแล้วแต่พระองค์จะทรงพอพระทัยอย่างไรก็พร้อมที่จะน้อมรับทุกอย่างด้วยความสมัครใจ เป็นความเชื่อที่มีกิจการเป็นเครื่องพิสูจน์ (เทียบ ยก 2.26)
3. ชายก็อยู่ในฐานะเดียวกันกับอับราฮัม คือเป็นหัวหน้า ผู้ปกครอง ต้นตระกูลของลูกหลานที่ใช้นามสกุลของชายผู้เป็นบิดา ชายจึงต้องดำรงชีวิตในความเชื่อเพื่อถ่ายทอดไปยังลูกหลานต่อ ๆ ไป มิใช่เพียงถ่ายทอดนามสกุลเท่านั้น ในการนี้ชายจะต้องเริ่มต้นปลูกสร้างความเชื่อของตนโดยบำเพ็ยตนเป็นคนดี มีใจซื่อตรงเหมือนอับราฮัม และที่สำคัญก็คือต้องสำแดงความเชื่อของตนนี้ออกมาให้ปรากฏในรูปของกิจการ คือปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์สุจริตเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ต่อพระเป็นเจ้า (พระบัญญัติ 3 ประการแรก) หน้าที่ต่อเพื่อนมนุษย์ (พระบัญญัติ 7 ประการหลัง) หรือรวมเรียกว่าหน้าที่แห่งความรักนั่นเอง ที่บอกว่า “โดยซื่อสัตย์สุจริต” ก็คือแม้ว่าจะยากลำบากสักเท่าใด แม้จะมีอุปสรรคขัดขวางมากสักเพียงใด ก็ไม่ยอมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตามตัวอย่างของอับราฮัมที่ได้วางไว้ให้
4. ให้นักเรียนลองนึกถึงชายคนหนึ่งที่ตนเคยรู้เคยเห็นว่าเป็นคนดี ศรัทธา ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รักพระเป็นเจ้า รักครอบครัว พี่น้อง เพื่อนมนุษย์ ฯลฯ สมควรยกย่องและเอาเป็นแบบอย่าง ลองออกมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังหน้าชั้น (ส่วนครูเองก็เล่าประสบการณ์เดียวกันถึง “บุรุษแห่งความเชื่อ” ให้นักเรียนฟังด้วย)
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. “พระเยซูคริสต์ทรงถ่อมองค์ยอมสิ้นพระชนม์ แม้กระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน” (ฟป 2.8)
2. อับราฮัมเชื่อฟังพระเป็นเจ้าแม้ในสิ่งที่ยากและดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ พระเป็นเจ้าจึงทรงยกย่องท่านให้เป็นบิดาของชนชาติใหญ่ เป็นบุรุษแห่งความเชื่อ
3. ชายทุกคนมีศักดิ์ศรีเป็นหัวหน้า เป็นต้นตระกูล ความภาคภูมิใจของชายคือการได้ประพฤติตนเป็นต้นตระกูลแห่งความเชื่อ มากยิ่งกว่าเป็นต้นตระกูลด้วยนามสกุล
ข. กิจกรรม
เปิดโอกาสให้นักเรียนอาสาออกมาพูดหน้าชั้นอย่างสั้น ๆ ในหัวข้อต่อไปนี้
1. ความนอบน้อมเชื่อฟังคืออะไร? ทำไมจึงต้องนอบน้อมเชื่อฟัง? นอบน้อมเชื่อฟังแล้วจะเกิดผลดีอย่างไร?
2. ความไม่นอบน้อมเชื่อฟังคือย่างไร? มีผลเสียอะไรบ้าง?
3. เตือนเพื่อน ๆ ด้วยกันให้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เช่น ไปวัด สวดภาวนา แก้บาป รับศีล เรียนคำสอน ฯลฯ
ค. การบ้าน
ให้นักเรียนแสดงความเชื่อของตนโดยทำสำคัญมหากางเขน เมื่อเริ่มกิจการใด ๆ ก่อนและหลังรับประทานอาหาร เมื่อเดินผ่านวัดหรือรูปศักดิ์สิทธิ์ แม้ที่บ้านของตนด้วย