พระสันตะปาปาฟรังซิส กำหนดให้วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ในเดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นวันปู่ย่าตายายและผู้สูงอายุ
พระวาจาพระเจ้าบอกเราด้วยเช่นกัน ถึงความสำคัญของการให้ความเคารพและการให้เกียรติพวกท่าน
ท่านจะต้องลุกขึ้นต่อหน้าผู้อาวุโสและแสดงความเคารพต่อผู้ชรา ดังนี้ท่านจะยำเกรงพระเจ้า เราคือพระยาห์เวห์ (เลวีนิติ 19:32)
จงฟังบิดาของเจ้าผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้าเมื่อนางแก่ (สุภาษิต 23:22)
ท่านจงไปอยู่ในกลุ่มของบรรดาผู้อาวุโส ถ้าผู้ใดมีปรีชาก็จงเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับเขา (บุตรสิรา 6:34)
อย่ามองข้ามคำสั่งสอนของบรรดาผู้อาวุโส เพราะเขาก็ได้เรียนรู้มาจากบรรพบุรุษ เช่นเดียวกัน ท่านจะเรียนรู้จากเขาให้รู้จักคิดและรู้จักวิธีตอบตามกาลเทศะ (บุตรสิรา 8:9)
สิ่งที่น่าชื่นชมยิ่ง คือคนผมขาวที่รู้จักวินิจฉัย และผู้อาวุโสที่รู้จักให้คำแนะนำ (บุตรสิรา 25:4)
อย่าว่ากล่าวผู้อาวุโสอย่างรุนแรง แต่จงบอกกล่าวอย่างที่กระทำต่อบิดา จงปฏิบัติต่อผู้ที่อ่อนวัยอย่างน้องชาย (1 ทิโมธี 5:1)
จงปฏิบัติต่อสตรีอาวุโสอย่างมารดา และปฏิบัติต่อสตรีที่อ่อนวัยอย่างน้องสาวด้วยใจบริสุทธิ์แท้จริง (1 ทิโมธี 5:2)
จงเอาใจใส่ดูแลหญิงม่ายที่ไร้ญาติ ถ้าหญิงม่ายคนใดมีบุตรหลาน ก็ให้บรรดาบุตรหลานเหล่านั้นเรียนรู้หน้าที่ต่อครอบครัวเสียก่อน และทดแทนบุญคุณบิดามารดาของตน เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย” (1 ทิโมธี 5:3-4)
ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อและเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก (1 ทิโมธี 5:8)
ผู้อาวุโสที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีควรได้รับรางวัลเป็นสองเท่า โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหนักในการเทศน์และการสอน (1 ทิโมธี 5:17)
คนหนุ่มทุกคน จงอยู่ใต้อำนาจบรรดาผู้อาวุโส จงมีความถ่อมตนต่อกันเถิดเพราะพระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่งจองหอง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน (1 เปโตร 5:5)