ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

 พระเยซูเจ้า: ผู้ไถ่บาปมนุษย์

บุคคลในประวัติศาสตร์ความรอด บทเรียนที่ 20
พระเยซูเจ้า: ผู้ไถ่บาปมนุษย์

จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
        1. รู้จักเรื่องราวชีวิตและคำสอนของพระเยซูเจ้า
        2. เห็นคุณค่าในพันธกิจพระผู้ไถ่ของพระเยซูเจ้าและตระหนักถึงคำสอนของพระองค์ในชีวิตประจำวัน
        3. ดำเนินชีวิตเป็นคริสตชนที่ดีตามแบบบอย่างและคำสอนของพระเยซูเจ้า

กิจกรรม   เพลง “ภารกิจแห่งรัก” อัลบั้ม สุดแต่น้ำพระทัย

เพลง “ภารกิจแห่งรัก”
เริ่มต้นด้วยรัก รักอันยิ่งใหญ่ พระบิดาทรงชัยทรงสร้างเรามา
สร้างตามฉายาพระองค์ มีเจตจำนงเสรี และมีชีวิตเพื่อรักรับใช้พระองค์
แต่เป็นมนุษย์ ที่พลั้งพลาดผิด ปล่อยชีวิตของตนอยู่บนหนทางชั่วช้า
พระยังคงความเมตตา ส่งพระเยซูบุตรามาไถ่บาปเรา ทนทุกข์และตายเพื่อเรา
(รับ) โอ.... พระเยซู โอ..... พระเยซู พระองค์คือสุดยอดดวงใจ
หากไร้พระองค์ ลูกคงไม่อาจทำสิ่งใด ฝากชีวิตไว้มอบให้พระองค์แลดู
สุดท้ายก็รัก รักยังคงอยู่ รักของพระเยซูสัมผัสใจเรา
เราจึงมีภารกิจ คือชีวิตที่เป็นพยานต่องานความรัก ความรักของพระเยซู

อุปกรณ์      1. เนื้อเพลงตามจำนวนผู้เรียน หรือเขียนลงบนกระดาน/กระดาษชาร์ต
                   2. ไฟล์เพลง อัลบั้ม สุดแต่น้ำพระทัย หรือดาวน์โหลดจาก www.Youtube.com
                   3. คอมพิวเตอร์/ลำโพงบลูทูธ

ดำเนินการ
   1. ผู้สอนเตรียมเนื้อเพลงมาแจกให้ผู้เรียน และเปิดเพลงให้ผู้เรียนฟัง 1-2 รอบ
                    2. ผู้สอน สอนผู้เรียนร้องเพลงทีละท่อนจนจบ และฝึกให้ร้องเพลงได้อย่างถูกต้อง
                    3. ให้ผู้เรียนแต่ละคนเลือกคำหรือประโยคที่ตนเองรู้สึกชอบและประทับใจ
                    4. ให้ผู้เรียนจับคู่กับเพื่อนและแบ่งปันกันว่า ทำไมจึงเลือกคำหรือประโยคนี้ ให้เวลา 2-3 นาที (หากมีเวลาเพียงพอขออาสาสมัครแบ่งปันให้ทุกคนในห้องฟัง)

 

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน           
            1. ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร (อบอุ่น, สุขใจ, รักพระเยซูเจ้า, ศรัทธา ฯลฯ)
            2. เพลงนี้พูดถึงเรื่องอะไรบ้าง (ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบ)
            3. จากเพลงนี้ ผู้เรียนคิดว่าภารกิจรักของพระเจ้า เริ่มต้นจากสิ่งใด (พระบิดาทรงสร้างเราแต่ละคนมาตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์)
            4. เมื่อมนุษย์ทำบาป พระเจ้าก็ยังรักและเมตตา ด้วยการส่งใครมา เพื่อทำสิ่งใด (ส่งพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ลงมาบังเกิด เพื่อไถ่บาปมนุษย์ด้วยการทนทุกข์ทรมาน ถูกตรึงกางเขน และสิ้นพระชนม์)
            5. เรามีหน้าที่ในภารกิจรักของพระเจ้าอย่างไร (เป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของเรา, ส่งต่อความรักของพระเยซูเจ้าไปสู่บุคคลรอบข้าง)
            6. เราแต่ละคนจะเป็นพยานต่องานความรักของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่นได้อย่างไรบ้าง (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)

 

                 สรุป   ภารกิจรักของพระเจ้าช่างแสนยิ่งใหญ่ จากบทเรียนแรกที่เราได้เรียนรู้ไปแล้วในเรื่องของอาดัมเอวา พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากจึงทรงสร้างแต่ละคนมาด้วยความรัก ให้มีภาพลักษณ์และเป็นเหมือนพระองค์ ภารกิจของพระองค์ค่อย ๆ ดำเนินไป และสำเร็จลงผ่านทางบุคคลสำคัญต่าง ๆ ในพันธสัญญาเดิม ที่มีส่วนร่วมในการช่วยชาวอิสราเอลให้รอดพ้นจนมาถึงในพันธสัญญาใหม่ แต่ละบุคคลถูกเตรียมมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด และในบทเรียนสุดท้ายนี้ คือเรื่องราวของพระเยซูเจ้า ผู้มีส่วนสำคัญในภารกิจรักของพระเจ้า พระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อไถ่บาปเราด้วยชีวิตของพระองค์เอง และเราแต่ละคนก็มีหน้าที่ในการสืบสานภารกิจรักของพระเจ้าต่อไปด้วยการดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงความรักของพระเยซูเจ้า

 

คำสอน                                                              

               1. คำว่า “ไถ่” แปลว่าอะไร ความหมายจากพจนานุกรมแปล ไทย-ไทยราชบัณฑิตยสถาน บอกไว้ว่า “ไถ่” หมายถึง ชำระหนี้เพื่อถอนคืนทรัพย์สินที่จำนำไว้, ซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากไว้คืนภายในกำหนดเวลา, ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนเสรีภาพของผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ถามหรือพูดคุย ฉะนั้นคำว่า “ไถ่” เราจึงเคยได้ยินได้ฟัง ในบริบทของการไถ่ทาส ไถ่ตัวประกัน ไถ่เงิน ไถ่ทอง ถามไถ่ แต่หากพูดถึงคำว่า “ไถ่”ในบริบทของคริสตชน คงคิดถึงใครไปไม่ได้ นอกจากพระเยซูเจ้าพระองค์ไม่ได้ไถ่โดยใช้ทรัพย์สินเงินทอง แต่พระองค์ยอมเสียสละชีวิตของพระองค์เองเป็น “พระผู้ไถ่” ด้วยการยอมถูกจับกุม ยอมรับทรมานยอมถูกตรึงกางเขน และสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์

 

              2. พระเยซูเจ้าเป็นบุตรของนักบุญโยเซฟและพระนางมารีย์ พระองค์บังเกิดมาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้าตามเหตุการณ์ที่ทูตสวรรค์ได้แจ้งข่าวเรื่องการประสูติของพระเยซูเจ้าแก่พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ และขณะที่โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ เพื่อไปลงทะเบียนสำมโนประชากรที่เมืองเบธเลเฮม พร้อมกับพระนางมารีย์ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ ก็ถึงเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล พระนางประสูติพระโอรส ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายวางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย เวลาเดียวกันทูตสวรรค์ก็ได้ปรากฏองค์ต่อหน้าบรรดาผู้เลี้ยงแกะในบริเวณนั้น กล่าวว่า “ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว...” เป็นการยืนยันถึงการเป็นพระผู้ไถ่ของพระกุมารที่ทรงบังเกิดมา (เทียบ ลก. 2:1-12) ช่วงหนึ่งที่นักบุญโยเซฟและพระนางมารีย์ ต้องพาพระกุมารหนีจากการถูกตามฆ่าของกษัตริย์เฮโรด (มธ. 2:13-16) ด้วยความเสียสละและการเลี้ยงดูอย่างดีทำให้พระเยซูเจ้าค่อย ๆ เติบโตขึ้น ทรงปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นการเข้าสุหนัตและการทำพิธีชำระมลทิน (ลก. 2:21-22) รวมถึงการไปร่วมฉลองเทศกาลปัสกาทุกปีพระเยซูเจ้าทรงเจริญวัยร่วมกับนักบุญโยเซฟและพระนางมารีย์อย่างเงียบ ๆ ในเมืองนาซาเร็ธ พระองค์ทรงแข็งแรงขึ้นทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตกับพระองค์ (ลก. 2:39-40)

 

              3. เมื่อพระเยซูเจ้ามีพระชนมายุได้ 30 ปี ทรงเริ่มภารกิจแห่งรักด้วยการถ่อมตนทำเหมือนกับทุกคน ด้วยการขอรับพิธีล้างจากท่านยอห์น ณ แม่น้ำจอร์แดน และทรงได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จากนั้นพระจิตเจ้าทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลา 40 วัน พระองค์ทรงเอาชนะการผจญต่าง ๆ และทรงเริ่มภารกิจในการเทศนาสั่งสอน ทรงเลือกศิษย์ 12 คน แต่งตั้งให้เป็นอัครสาวก เพื่อเป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์ธรรมเทศนาบทแรกคือเรื่อง ความสุขแท้จริง เป็นแนวทางที่สำคัญในการดำเนินชีวิตเพื่อบรรลุถึงสวรรค์บ้านแท้นิรันดร (มธ. 5:1-12; ลก. 6:20-26) คำสอนหลักของพระเยซูเจ้าคือบทบัญญัติเอก “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน และท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มธ. 22:34-40) เหนือสิ่งอื่นใด การให้อภัยและความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใด ๆ คือคำสอนสำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงเน้นย้ำเสมอ นอกจากการเทศนาสั่งสอนแล้ว พระองค์ยังทรงกระทำอัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าจะรักษาโรค ช่วยเหลือผู้คนและขับไล่ปีศาจ เพื่อทุกคนจะได้รอดพ้นจากความทุกข์ยากและความเจ็บปวด พระเยซูเจ้าทรงเทศนาสั่งสอนตามที่ต่าง ๆ มากมาย เราสามารถอ่านและศึกษาเรื่องราวของพระองค์ได้ในพระวรสารทั้ง 4 เล่ม

 

              4. ช่วงสุดท้ายของชีวิต พระเยซูเจ้าทรงล่วงรู้วันและเวลาของพระองค์ที่กำลังมาถึง ยูดาสหนึ่งในอัครสาวกเป็นผู้นำทหารมาจับกุมพระองค์ โดยให้สัญญาณด้วยการเข้าไปจุมพิตพระองค์ เขาขายพระองค์ในราคา 30เหรียญ พระองค์ถูกจับไปไต่สวนพิจารณาคดีในสภาซันเฮดริน พวกเขากล่าวโทษพระองค์ นำพระองค์ไปมอบให้ปีลาต แม้จะไม่พบความผิดและปีลาตต้องการจะปล่อยพระองค์ แต่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสยังคงยืนยันเรียกร้องให้เอาผิดพระองค์ให้ได้ พวกเขาเสี้ยมสอน ยุยงประชาชน เพื่อขอให้ปล่อยบารับบัสและประหารชีวิตพระเยซูเจ้า ปีลาตจึงตัดสินใจล้างมือต่อหน้าประชาชนไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับโลหิตของผู้นี้้ สั่งให้ปล่อยบารับบัสตามคำเรียกร้องของประชาชน สั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้านำไปตรึงบนไม้กางเขน เหตุการณ์นี้เองแสดงให้เห็นถึงความรักที่มากล้นของพระเยซูเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ แม้มนุษย์จะตกในบาปและไม่ยอมกลับใจ แต่กลับเป็นพระองค์เองที่ยอมเสียสละ ถูกรับทรมาน ถูกโบยตี ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ตลอดเส้นทางกางเขน กว่าจะถึงเนินเขากัลวารีโอ ช่างทุกข์ทรมานแสนสาหัส เมื่อมาถึง บรรดาทหารตรึงพระองค์บนไม้กางเขน แต่พระองค์ก็ยังทรงอภัยให้พวกเขา ตรัสว่า“พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” เวลาบ่าย 3 โมง ดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาด พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” และทรงสิ้นพระชนม์ บรรดาศิษย์นำพระศพของพระองค์ไปฝังไว้ในคูหา จากนั้นสามวันก็ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลา แก่บรรดาสตรีและแก่บรรดาอัครสาวก ในหลาย ๆ เหตุการณ์ยืนยันว่าเป็นพระองค์อย่างแน่นอน แล้วทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (เทียบมธ. 26:47-28:20; มก. 14:32-16:19; ลก. 22:47-24:53;ยน. 18:1-21:25)

 

              5. แม้เวลาจะล่วงเลยมามากกว่า 2,000 ปี แต่ความรักและคำสอนของพระเยซูเจ้า ยังคงมีคุณค่าเตือนสอนใจเราและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ขอความรักและภารกิจต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงกระทำสัมผัสหัวใจเราแต่ละคนให้เราจะได้ละม้ายคล้ายคลึงและเป็นเหมือนกับพระองค์เพื่อเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า ด้วยการปฏิบัติตนเป็นคริสตชนที่ดี หมั่นสวดภาวนา อ่านพระวาจา ไปร่วมมิสซาในวันอาทิตย์ รับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาปสม่ำเสมอ เป็นแบบอย่างให้คนรอบข้างได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูเจ้า ผ่านการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานของเราในทุก ๆ วัน และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติตามแบบอย่างและคำสอนของพระเยซูเจ้า เพื่อภารกิจรักของพระเจ้าจะสำเร็จสมบูรณ์บนแผ่นดินนี้

 

ก. ข้อควรจำ
      1. พระเยซูเจ้าเป็นบุตรของนักบุญโยเซฟและพระนางมารีย์ พระองค์บังเกิดมาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า ทรงเจริญวัยร่วมกับนักบุญโยเซฟและพระนางมารีย์อย่างเงียบ ๆ ในเมืองนาซาเร็ธ
      2. เมื่อพระเยซูเจ้ามีพระชนมายุได้ 30 ปี ทรงเริ่มภารกิจแห่งรักด้วยการถ่อมตนทำเหมือนกับทุกคน ขอรับพิธีล้างจากท่านยอห์น ณ แม่น้ำจอร์แดน และได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม
      3. พระเยซูเจ้าทรงเทศนาสั่งสอนตามที่ต่าง ๆ ทรงกระทำอัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าจะรักษาโรค ช่วยเหลือผู้คนและขับไล่ปีศาจ เราสามารถอ่านและศึกษาเรื่องราวของพระองค์ได้ในพระวรสารทั้ง 4 เล่ม
      4. ให้เราจะได้ดำเนินชีวิตประจำวันอยู่ร่วมกับทุกคนด้วยการแสดงออกและปฏิบัติตามแบบอย่างที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอน
      5. ให้เราเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้าด้วยการปฏิบัติหน้าที่เป็นคริสตชนที่ดี หมั่นสวดภาวนา อ่านพระวาจาไปร่วมมิสซาในวันอาทิตย์ รับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาปสม่ำเสมอ
      6. ให้เราเป็นแบบอย่างให้กับคนรอบข้างได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูเจ้า ผ่านการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานของเราในทุก ๆ วัน

 

ข. กิจกรรม     เพลง สอนด้วยชีวิต เพลงประกอบการสอนคำสอน ชุด “เพื่อนช่วยเพื่อน (ยุวธรรมทูต)"

อุปกรณ์ 1. รูปภาพพระเยซูเจ้า
              2. กระดาษโน็ต(โพสต์อิท) รูปหัวใจ ตามจำนวนผู้เรียน
              3. ไฟล์เพลง สอนด้วยชีวิต ดาวน์โหลดที่ www.kamsondeedee.com
              4. คอมพิวเตอร์/ลำโพงบลูทูธ

 

เพลง สอนด้วยชีวิต
** มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากบอกเธอ มันล้นเอ่ออยู่ในใจดวงนี้
มีผู้หนึ่งรักฉันจนพร้อมยอมพลี สูญสิ้นชีวีเพื่อฉันและเธอเช่นกัน
คือพระเยซูผู้ทรงรักฉันมากมาย และทรงรักเธอด้วยใจไม่เดียดฉันทา
ชีวิตพระองค์สอนให้เรารู้ว่า พูดด้วยวาจาไม่ล้ำค่าเท่าการกระทำ
*** จงรัก (จะรัก) รับใช้และให้อภัย แบ่งปันน้ำใจให้แก่ทุกคน
ยามใครเดือดร้อนปลอบประโลมให้คลายกังวล
โดยมีพระองค์เป็นแบบอย่าง
ซ้ำ ** / *** ตอนจบ *** (จะรัก)

 

วิธีการ       1. ผู้สอนเตรียมภาพพระเยซูเจ้าภาพใดก็ได้ อาจเป็นภาพที่มีอยู่แล้ว หรือพิมพ์มาขนาด A3 หรือใหญ่กว่าติดไว้บนกระดานหรือบริเวณหน้าห้อง เพื่อทุกคนจะได้เห็นได้อย่างชัดเจน
                 2. แจกกระดาษโน้ต(โพสต์อิท) รูปหัวใจให้ผู้เรียนคนละ 1 แผ่น ให้แต่ละคนเขียนว่า ฉันจะเป็นเหมือนกับพระเยซูเจ้าได้อย่างไรบ้าง สามารถเขียนได้มากกว่า 1 ข้อ แล้วแต่ผู้เรียน เช่น รักและให้อภัยผู้อื่นเสมอ ช่วยเหลือทุกคน เป็นต้น
                 3. เมื่อทุกคนเขียนเสร็จแล้ว ผู้สอนนำผู้เรียนภาวนาสั้น ๆ เพื่อขอพรจากพระเยซูเจ้าให้เราแต่ละคนจะได้สามารถดำเนินชีวิตร่วมในภารกิจรักของพระเจ้าได้อย่างมั่นคงเข้มแข็ง จากนั้นให้แต่ละคนนำกระดาษที่เขียนออกไปติดที่รูปพระเยซูเจ้า ขณะที่แต่ละคนนำกระดาษไปติด ให้ร่วมกันร้องเพลง “สอนด้วยชีวิต” (หากมีเวลาผู้สอนอาจสอนให้ผู้เรียนร้องเพลงนี้ให้ได้ก่อน)

 

ค. การบ้าน              

        - อ่านใบความรู้เรื่องพระเยซูเจ้า เพิ่มเติม
        - ให้ผู้เรียนกลับไปเล่าเรื่องราวของพระเยซูเจ้าให้สมาชิกในครอบครัวฟัง
        - ให้ผู้เรียนดำเนินชีวิตเป็นคริสตชนที่ดีและปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสอน

       ::: Download  บทเรียนที่ 20 ::

 

 พระเยซูเจ้า

 พระเยซูเจ้า: ผู้ไถ่บาปมนุษย์

(มัทธิว 3:13-17, 4:1-11, 10:1-16 ลูกา 1:26-56, 2:1-52)

 

            พระเยซูเจ้าเป็นบุตรของโยเซฟและพระนางมารีย์ พระองค์ประสูติในขณะที่โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ ในแคว้นกาลิลีพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ เพื่อไปจดทะเบียนสำมะโนครัวยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด (เทียบ ลก. 2:1-20) พระเยซูเจ้าปฎิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างครบถ้วนดังชาวยิวคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสุหนัต (มธ. 1:18-24, ลก. 2:21) การทำพิธีชำระมลทิน (ลก. 2:22-40) และการไปร่วมฉลองเทศกาลปัสกาในทุกปี (ลก. 41-52)

 

พระเยซูเจ้า: ผู้ไถ่บาปมนุษย์            พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างบาปจากยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ณ แม่น้ำจอร์แดน (มธ. 3:13-17) ซึ่งเป็นการเริ่มภารกิจแห่งรักของพระองค์ ต่อจากนั้นพระจิตเจ้าทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นทรุกันดารเพื่อให้มารผจญ พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 วันกับมาร ที่เข้ามาท้าทายพระองค์ และพระเยซูเจ้าทรงเอาชนะการผจญนั้นมาได้ (เทียบ มธ. 4:1-11) ทรงเรียกศิษย์ 12 คนเพื่อมาเป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์ ทรงตั้งเขาให้เป็น “อัครสาวก” ประทานอำนาจให้พวกเขาขับไล่ปีศาจ รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด ให้ประกาศความจริงและคำสั่งสอนของพระองค์ (เทียบ มธ. 10:1-16)

 

             คำสอนหลักของพระเยซูเจ้า เน้นที่การให้อภัยและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เช่น การรักศัตรูการเมินเฉยต่อคำดูถูกการพยายามเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ (เทียบ มธ. 5:20-48) บทบัญญัติเอก (มธ. 22:34-40) และยังมีคำสอนอีกมากมายที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ภาคพัธสัญญาใหม่โดยเฉพาะในพระวรสารทั้งสี่ คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ภารกิจของพระเยซูเจ้านอกจากการประกาศ การเผยแผ่คำสั่งสอนแล้ว มีผู้คนจำนวนมากมาเฝ้าพระองค์เพื่อให้ช่วยรักษาโรค หรือแม้แต่ปลุกคนให้พ้นจากความตาย ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของพระองค์ ทรงเดินทางเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ทักทายผู้ที่มาต้อนรับเป็นจำนวนมาก (เทียบ มธ. 21:1-11) ทรงสอน รักษาคนเจ็บป่วย และทรงขับไล่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าออกจากพระวิหาร เพราะทรงมองว่าพระวิหารเป็นที่สำหรับการอธิษฐาน ไม่ใช่ที่ขูดรีดหรือเอาเปรียบผู้คน จนทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งเกลียดชัง เคียดแค้นและต้องการฆ่าพระองค์

 

              พระเยซูเจ้าทรงล่วงรู้ว่าเปโตรจะปฏิเสธไม่รู้จักพระองค์ (เทียบ ลก. 22:31-34) และจะถูกทรยศจากคนหนึ่งในอัครสาวก เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับเหล่าอัครสาวก หลังจากมื้ออาหารได้สิ้นสุดลง ยูดาสหนึ่งในสาวก 12 คนได้ขายพระองค์ด้วยเงิน 30 เหรียญให้กับพวกปุโรหิต และพาทหารมาจับพระเยซูขณะที่กำลังอธิษฐานในสวนเกทเสมนี และด้วยความกลัวทำให้บรรดาอัครสาวกได้พากันหนีไปจากพระองค์ (มธ. 26:14-25, 36-56)

 

              พระเยซูเจ้าถูกนำมาอยู่ต่อหน้าปีลาต ผู้ว่าราชการหลังการสอบสวนปีลาตไม่พบความผิด จึงต้องการปล่อยพระองค์ แต่ว่าบรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสยังคงยืนยันในความผิดของพระองค์ ปีลาตเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรมีแต่จะวุ่นวาย จึงนำน้ำมาล้างมือต่อหน้าประชาชนสั่งให้ปล่อยบารับบัสและให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วมอบพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน พวกเขาดูหมิ่นโบยตีและทรมานพระองค์ ตลอดการเดินทางไปสู่กางเขนในพระวรสารนักบุญยอห์นบันทึกว่า เมื่อพระองค์ทรงเห็นพระนางมารีย์พระมารดา และศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ ๆ เชิงกางเขน พระองค์จึงได้มอบศิษย์ให้เป็นลูกของพระมารดา และมอบฝากพระมารดาให้ศิษย์ดูแลในฐานะแม่ของตน (เทียบ ยน. 19:25-27)

 

              ที่บนไม้กางเขน พระเยซูเจ้าทรงร้องด้วยเสียดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” และทรงสิ้นพระชนม์ หลังจากนั้นสามวันพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพมารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรกที่มาพบพระคูหาว่างเปล่า นางจึงไปบอกเปโตรกับศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักเปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงวิ่งไปยังพระคูหา ก็เห็นผ้าพันพระศพวางอยู่กับพื้น แต่ไม่พบพระศพของพระองค์ หลังจากนั้นพระองค์ทรงแสดงองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก ถัดมาเป็นบรรดาศิษย์ และแก่โทมัสผู้ที่ไม่เชื่อว่าพระองค์กลับคืนชีพ เพราะไม่ได้อยู่กับบรรดาอัครสาวกเมื่อพระองค์ปรากฎองค์แก่พวกเขา (เทียบ ยน. 20:1-29)

 

              ก่อนเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงแสดงองค์แก่บรรดาศิษย์ที่ทะเลสาบทิเบเรียส ทรงกินอาหารร่วมกับพวกเขา ทรงถามเปโตรถึงสามครั้งว่า “เปโตร ท่านรักเรามากกว่าคนเหล่านี้รักเราไหม” และทรงมอบภารกิจให้เปโตรปกครองดูแลฝูงแกะแทนพระองค์ (เทียบ มธ. 16:189; ลก. 22:3; ยน. 21:1-19)

 

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหาและบทเรียน