คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 21
มีความหวังในชีวิตเสมอ
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. บอกและอธิบายความหมายของคุณธรรมความหวังได้
2. มีความหวังและส่งต่อความหวังไปสู่เพื่อนพี่น้องรอบข้าง
3. ดำเนินชีวิตอย่างมีความหวัง โดยการสวดภาวนาและอ่านพระวาจาอยู่เสมอ
กิจกรรม ฉันคิดว่า ฉันสามารถจะ.....
วิธีการ ให้ผู้เรียนเขียนเป้าหมายสิ่งที่ต้องการจะทำให้เป็นจริงขึ้นมาในระยะเวลาอันใกล้ คนละ 1 อย่างลงในกระดาษ และบอกให้เพื่อน ๆ ในชั้นเรียนทุกคนได้ฟังว่า“ฉันคิดว่า ฉันสามารถจะ.........................................”
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. ผู้เรียนจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้สมหวัง (กำหนดเป้าหมาย, ฝึกฝน, อดทน, เพียรพยายาม, ตั้งใจ ฯลฯ)
2. ทำไมผู้คนจึงยอมลงทุนกับเรื่องการเสี่ยงโชค สอยดาว หรือร่วมรายการกล่องสุ่มต่าง ๆ (เพราะหวังว่าจะได้รับรางวัล, หวังว่าจะได้สิ่งดี ๆ ฯลฯ)
3. ผู้เรียนเคยมีประสบการณ์กับการสมหวัง หรือไม่สมหวังบ้างหรือไม่ เป็นเพราะอะไร
สรุป ความหวัง เป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งความหวังบางเรื่อง เราอาจจะต้องตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่หวังไว้ เช่น หวังอยากเป็นนักกีฬา ก็ต้องฝึกซ้อมให้เชี่ยวชาญ หวังว่าจะเรียนเก่ง ก็ต้องขยันอ่านหนังสือและทำการบ้าน หวังอยากเล่นดนตรีได้ก็ต้องหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ เป็นต้น และแน่นอนว่าเมื่อมีความหวัง ตั้งเป้าหมายไว้ ก็อาจจะต้องเจอกับอุปสรรคบ้าง หากเราหมดหวัง ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรคเสียก่อน ความหวังนั้นก็อาจจะไม่เป็นจริงได้ ดังนั้น เพื่อให้สิ่งที่หวังเป็นจริงขึ้นมา ตั้งเป้าหมายแล้วก็ต้องลงมือทำ เพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริงให้ได้
คำสอน
1. วันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ดูจะเป็นวันแห่งความหวังของคนไทยหลายล้านคนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง แม้โอกาสที่จะถูกรางวัลใหญ่ เช่น รางวัลที่ 1 จะมีเพียง 1 ในล้าน หรือ 0.0001% และความน่าจะเป็นที่จะถูกรางวัลใดรางวัลหนึ่งก็มีอยู่แค่เพียง 1.41% เท่านั้น แต่คนไทยจำนวนมากก็ยังคงซื้อลอตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ด้วยความหวังว่า “งวดนี้ โชคอาจจะเข้าข้างเรา” ได้เลื่อนชั้นเป็นเศรษฐี มีอันจะกินกับเขาเสียที การซื้อลอตเตอรี่ยังเป็นความสุขของคนกลุ่มหนึ่ง ผู้ซื้อลอตเตอรี่อาจหวังแค่ความสนุกที่จะได้ลุ้น มากกว่าที่จะหวังรวยจากลอตเตอรี่จริง ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จริงจังกับการเสี่ยงดวงกับตัวเลข เห็นได้จากการทุ่มเทหาเลขเพื่อมาซื้อหวย เราอาจเคยได้ยินคนพูดกันว่า การซื้อหวยคือการลงทุน คือการซื้อความหวัง ดังนั้น เรื่องความหวังจึงไม่ใช่เรื่องนามธรรม หรือเรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่เห็นได้จากคนใกล้ตัวของเรา
2. เมื่อปลายปี ค.ศ. 1990 นักวิทยาศาสตร์ด้านสังคมศาสตร์ (Social scientist) ได้ให้คำนิยาม “ความหวัง” ไว้ว่าเป็นการคาดการณ์ (Expectation) ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และยังมีบางแนวคิดได้ให้คำนิยามของ “ความหวัง” ว่าเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อเรามีความเชื่อมั่นต่อตนเองว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างประสบความสำเร็จ (Edwards, 2009) จะเห็นได้ว่าความหวังเป็นแรงจูงใจด้านบวกในชีวิต เช่น บางคนมักจะคิดอยู่เสมอว่า “ฉันทำได้” (I can do it) หรือ “ฉันสามารถแก้ปัญหานี้ได้” (I can solve this problem) และแรงจูงใจนี้ก็ช่วยให้เขาสามารถทำบางสิ่งบางอย่างสำเร็จตามความหวังของเขา และความหวังยังเป็นพลังที่ช่วยให้เราพยายามเอาชนะความยากลำบาก และอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตไปได้
3. ความหวังยังเป็นคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้า ที่ช่วยเราให้ใฝ่หาอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดร ซึ่งความหวังและความสุขของคริสตชนก็คือ การได้อยู่กับพระเจ้านั่นเอง (เทียบ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 1817)
4. พระเยซูเจ้าทรงเป็นความหวังของผู้คนที่พบพระองค์ เช่น เมื่อเสด็จเข้าไปในศาลาธรรม ทรงพบชายมือลีบคนหนึ่ง ประชาชนบางคนถามพระองค์ว่า “ธรรมบัญญัติอนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” ทั้งนี้เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรงตอบเขาว่า “ท่านใดมีแกะอยู่ตัวเดียว และแกะนั้นตกบ่อในวันสับบาโต เขาจะไม่ไปจับมันและฉุดขึ้นมาดอกหรือ มนุษย์คนหนึ่งย่อมมีค่ากว่าแกะมากนัก ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงอนุญาตให้ทำความดีในวันสับบาโตได้” แล้วพระองค์ตรัสกับชายผู้นั้นว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาจึงเหยียดมือ และมือนั้นก็กลับเป็นปกติเหมือนกับมืออีกข้างหนึ่งชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงเสด็จไปจากที่นั่น ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไปพระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้ เพื่อให้พระวาจาที่ตรัสทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า........
“นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปรานเราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติเขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึงจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะเขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติจะมีความหวังในนามของเขา”(มัทธิว 12:9-21)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสอนว่า พระวรสารตอนนี้สอนเราถึงเรื่องการมีความหวังได้เป็นอย่างดี พระเยซูเจ้าทรงรักษาชายมือลีบ แต่ถูกพวกธรรมาจารย์และฟาริสีจ้องจับผิด อัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้ชายคนนี้หายจากโรค แสดงให้เราเห็นถึงอิสรภาพและความหวัง เพราะที่ใดไม่มีความหวัง ที่นั่นก็จะไม่มีอิสรภาพการรักษาคนป่วยในวันนี้ พระเยซูเจ้าต้องการแสดงให้เราเห็นถึงฤทธานุภาพของพระเจ้าที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ผ่านทางพระองค์เอง พระเยซูเจ้าคือองค์ความหวัง และทรงเป็นผู้รวบรวมอัศจรรย์แห่งการซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ในพระศาสนจักร ในชีวิตพ่อ ในชีวิตของเราทุก ๆ คนพระเยซูเจ้าคือเหตุผลที่ทำให้เรามีความหวัง และความหวังนี้ไม่เคยสูญสลายเลย
5. ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังในพระเจ้าอยู่เสมอ โดยให้เราดูแบบอย่างของพระนางมารีย์ ผู้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้าและพระบุตรของพระนาง และทรงเป็นแบบอย่างให้เราในการดำเนินชีวิตสนิทกับพระเยซูเจ้า นานถึง 30 ปี คอยติดตามตลอดเวลาทำงานของพระองค์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ถูกทรมานและแบกกางเขน จนถึงวาระสุดท้าย ณ เชิงกางเขน พระนางมารีย์ทำให้เราเห็นว่า แม้เราจะตกอยู่ในช่วงเวลายากลำบาก ความหวังในพระเจ้าก็ช่วยให้วันที่ทุกข์ใจผ่านพ้นไปได้ ความหวังในพระเจ้าช่วยฟื้นฟูสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ เมื่อพระนางได้รับการยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ หลังจากที่พระนางได้ทำหน้าที่ในโลกนี้เสร็จสิ้นแล้ว พระนางอยู่ในสวรรค์กับพระบุตรในฐานะที่เป็นราชินีแห่งเมืองสวรรค์ (คำสอนพระศาสนจักรฯ ข้อ 966) ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เมื่อเรามีความเชื่อและความหวังในพระเจ้าเสมอ เราจะได้รับรางวัลในสวรรค์เช่นเดียวกัน
6. เราสามารถเพิ่มพูนความหวังในใจของเรา ด้วยการอ่านพระวาจาของพระเจ้า ให้พระวาจาของพระองค์ช่วยเพิ่มพูนความหวังในใจของเรา และในเวลาเดียวกันเราต้องเป็นบุตรแห่งความสว่าง คือเป็นผู้จุดประกายความหวัง ด้วยการช่วยเหลือ ให้กำลังใจแก่กันและกัน ทำดีต่อกันและไม่ดับความหวังในใจของใคร
ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. ความหวัง เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเรามีความเชื่อมั่นต่อตนเอง ว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างประสบความสำเร็จ (Edwards, 2009)
2. ความหวัง ยังเป็นคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้าที่ช่วยเราให้ใฝ่หาอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดร ซึ่งความหวังและความสุขของคริสตชน ก็คือการได้อยู่กับพระเจ้านั่นเอง (เทียบ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 1817)
3. พระเยซูเจ้าเป็นความหวังของผู้คนที่พบพระองค์ เช่น ชายมือลีบ เป็นต้น
4. พระเยซูเจ้าคือเหตุผลที่ทำให้เรามีความหวัง และความหวังนี้ไม่เคยสูญสลายเลย
5. เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังในพระเจ้าอยู่เสมอ โดยดูเแบบอย่างของพระนางมารีย์ ผู้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้า
6. เราต้องส่งต่อความหวังให้กับผู้อื่นและไม่ดับไฟแห่งความหวังใจในของใคร
ข. กิจกรรมสรุปบทเรียน ส่งต่อความหวังจากพระวาจาของพระเจ้า
อุปกรณ์ 1. กระดาษ A4 2. ใบงานส่งต่อพระวาจาแห่งความหวัง
วิธีการ
1. ให้ผู้เรียนเลือกข้อความพระวาจา 1 ข้อ สุ่มหยิบ และเขียนข้อความพระวาจาที่ระบุไว้ลงในกระดาษ A4
2. ให้ผู้เรียนนำกระดาษA4 ที่เขียนพระวาจาเสร็จแล้ว มาพับเป็นเครื่องบิน
3. เมื่อผู้เรียนทุกคนพับเครื่องบินเสร็จแล้ว ให้มายืนเป็นวงกลม
4. ให้ผู้เรียนส่งต่อความหวัง โดยร่อนเครื่องบินกระดาษของเราไปให้เพื่อนที่อยู่ตรงข้ามกับเรา
5. เมื่อได้รับเครื่องบินแห่งความหวัง ให้แต่ละคนเปิดอ่านและจดจำข้อความนั้น และให้ข้อความที่เราได้รับเป็นแรงบันดาลใจให้เรามีความหวังอยู่เสมอ
*** หรือ ร้องเพลง “ความหวัง” อัลบั้ม ฉันจะบิน
เพลงความหวัง
อาจจะผ่านเรื่องราวมากมาย อาจจะผ่านเรื่องราวร้อยพัน แต่มีบางสิ่งที่ไม่อาจลืม
จดและจำขึ้นใจ ว่ามีใครสักคน เขาทำให้โลกของฉัน ให้ใสสว่าง
(รับ) เขาเปลี่ยนความทุกข์ ให้เป็นความหวัง เขานำความรักที่จริงใจ
ฉันได้พบหนทาง ความหวัง กำลังใจ หากเจอสิ่งร้ายฉันไม่หวั่นเกรง
หากจะผ่านเรื่องราวมากมาย หากจะผ่านเรื่องราวร้อยพัน ยังมีสายตาแห่งความห่วงใย
คอยติดตามเรื่อยไป ก้าวด้วยใจด้วยความมั่นคง รู้เพียงพระองค์จะทรงดูแล
......ฉันขอเพียงสายตาแห่งความห่วงใย ฉันขอเพียงพระองค์จะทรงดูแล
ค. การบ้าน
สวดภาวนา “บทแสดงความหวัง”
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าหวังอย่างแน่วแน่ว่า เดชะพระบารมีของพระเยซูคริสตเจ้า
พระองค์จะประทานพระหรรษทานแก่ข้าพเจ้าในโลกนี้ และสันติสุขนิรันดรในโลกหน้า
ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงรักษาพระสัญญาที่ทรงให้ไว้เสมอ อาแมน
::: Download บทเรียนที่ 21 ::