คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 6
ชื่นชมยินดีในความรักจากพระคริสตเจ้า
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. บอกได้ถึงความแตกต่างของความสุขและความชื่นชมยินดี
2. ชื่นชมยินดีในความรักของพระเจ้าที่มีต่อตนเองและผู้อื่น
3. แสดงความกตัญญูต่อพระเจ้าโดยส่งต่อความชื่นชมยินดีไปสู่ผู้อื่น
กิจกรรม ของขวัญแห่งความชื่นชมยินดี
อุปกรณ์ 1. เงินเหรียญห่อกระดาษสี ตามจำนวนผู้เรียน
2. กล่องของขวัญบรรจุรูปปั้นพระกุมารเยซูไว้ด้านใน 1 กล่อง
***หากไม่มีรูปปั้น สามารถใช้รูปภาพแทนได้
วิธีการ
1. ผู้สอนแจกเงินเหรียญที่ห่อไว้ให้ผู้เรียนแต่ละคน
2. ให้ผู้เรียนลองทายว่า “มีอะไรอยู่ข้างในห่อกระดาษนั้น”
3. ให้ผู้เรียนแกะกระดาษออกและช่วยกันพิจารณาถึงของขวัญที่แต่ละคนได้รับ
• ผู้เรียนมีความรู้สึกอย่างไร (มีความสุข, ตื่นเต้น, สงสัย, อยากรู้ ฯลฯ)
• มีอะไรบ้างที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุข (เมื่อได้รับของขวัญ, ได้รับสิ่งที่ดี ๆ, ทำบางอย่างสำเร็จ)
• ผู้เรียนจะใช้เงินที่ได้รับนี้อย่างไร (เก็บออม, ใช้จ่าย)
• ทุกครั้งที่ได้รับของหรือสิ่งต่าง ๆ ที่มีคนมอบให้ ผู้เรียนควรทำอย่างไร (กล่าวคำขอบคุณ)
4. ผู้สอนนำของขวัญอีกกล่องหนึ่ง ที่มีรูปพระกุมารเยซูอยู่ด้านในมาให้ผู้เรียนได้ช่วยกันทาย โดยกล่าวว่า “พระเจ้ามีของขวัญ 1 กล่องมามอบให้กับคนทั้งโลก ลองทายดูซิว่าของขวัญนี้คืออะไร
5. ผู้สอนแกะห่อของขวัญออกแสดงให้เห็นรูปพระกุมารเยซู และสนทนากับผู้เรียน
• ทำไมพระเจ้าจึงทรงประทานพระบุตรของพระองค์มาให้แก่เรา (รักและเมตตาเรา)
• คริสตชนรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ทราบว่าพระเยซูเจ้าบังเกิดมา เพราะเหตุใด (ชื่นชมยินดี เพราะพระองค์คือ ผู้ช่วยเราให้รอด)
• รู้สึกอย่างไรที่ได้รู้ว่าพระเจ้ารักมนุษย์ผ่านทางพระเยซูเจ้า พวกเขาเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ทรงรักพวกเขาและทรงต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน (มีความสุข, มีความยินดี, ซาบซึ้งใจ ฯลฯ)
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
สรุป ความสุขกับความชื่นชมยินดีต่างกัน แต่อาจจะเกิดขึ้นได้ในใจเราพร้อมกัน แต่ความสุขเกิดขึ้นอยู่กับเราได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจมาจากสิ่งของหรือเหตุการณ์ภายนอก เช่น เมื่อได้รับของขวัญ เมื่อเราสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นต่าง ๆ หรือเมื่อเราได้ฉลองวันเกิด ในทางกลับกัน ความยินดีนั้นมาจากพระเจ้าและซึ่งเราสัมผัสได้จากภายในจิตใจของเรา เราสามารถมีความยินดีได้แม้ในช่วงเวลาที่ไม่มีความสุขหรือความสะดวกสบาย เช่นพ่อแม่ยินดีที่จะอดข้าวเพื่อให้ลูกได้มีกิน หรือยอมทำงานหนักเพื่อให้มีเงินส่งให้ลูกเรียน หรือเมื่อเราเห็นเพื่อนหิวเราได้แบ่งปันอาหารให้เพื่อนกิน เมื่อเราเห็นเพื่อนไม่สบายและเราสละเวลาไปเยี่ยม เพื่อนไม่มีของเล่น เราได้ยอมสละของเล่นให้เพื่อนได้เล่นอย่างมีความสุข เป็นต้น เช่นเดียวกัน การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าที่ทรงทราบว่าเมื่อทรงบังเกิดมาแล้ว พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากเพื่อช่วยเราให้เรอดพ้นจากบาป แต่พระองค์ก็ทรงยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความยินดี นี่คือความรักด้วยความยินดีที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา
คำสอน
1. โลกให้คุณค่ากับสิ่งของ เงินทอง ความมั่งคั่ง อำนาจ รูปร่าง หน้าตาและชื่อเสียง แต่สำหรับคริสตชน สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดคือพระเยซูเจ้าความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรานั้น มองเห็นและสัมผัสได้ผ่านทางชีวิตและการกระทำของพระเยซูเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคน
2. คุณค่าพระวรสารประการที่ 6 คือ ความชื่นชมยินดี ซึ่งเป็นผลมากจากความรักของพระเจ้า พระเยซูเจ้าสอนบรรดาอัครสาวกว่า สาเหตุแท้จริงที่ทำให้บรรดาอัครสาวกชื่นชมยินดีในชีวิตไม่ใช่เพราะพวกเขาทำงานสำเร็จ ไม่ใช่เพราะอำนาจที่พระองค์ประทานให้พวกเขาเหยียบงูและแมงป่องหรือมีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรูอย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของพวกเขาได้ถูกจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว เพราะพระเจ้าทรงรักเราอย่างมาก ดังพระวาจาของพระเจ้าที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร”(ยอห์น 3:16) และเป็นความรักนิรันดรและจะคงอยู่ตลอดไป “เรารักท่านด้วยความรักนิรันดร ดังนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อท่านตลอดไป” (เยเรมีย์ 31:3)
3. ชีวิตของพระนางมารีย์ เป็นประจักษ์พยานถึงบุคคลที่มีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า เมื่อเรามองชีวิตของพระนางมารีย์ เราเห็นว่าพระนางทรงดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่ทรงวุ่นวายพระทัยมาก เมื่อทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู” แต่พระแม่ได้ตรัสตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลูกา 1:38) ชีวิตของพระนางไม่ได้มีเพียงความสุขสบาย แต่ต้องพบกับความทุกข์แทบสิ้นใจจากการเห็นพระบุตรสิ้นใจ ณ เชิงไม้กางเขนด้วย ความชื่นชมยินดีที่พระนางพบในพระเยซูเจ้าได้ถูกแบ่งปันออกไป พระนางออกไปช่วยเหลือนางเอลีซาเบธผู้เป็นญาติของพระนางด้วย
4. เมื่อเรามองกลับมาในชีวิตของเรา เราจะพบความชื่นชมยินดีของพระเจ้าได้เสมอ หากมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันในรูปแบบใหม่ มองด้วยสายตาแห่งความเชื่อและความรัก เราจะเห็นได้ว่าพระเจ้าทรงรักเราผ่านทางบิดามารดา คุณครูและเพื่อน ๆ ของเรา และแม้แต่ในช่วงเวลาที่เรามีความทุกข์ ต้องการความช่วยเหลือ พระเจ้าก็ได้ช่วยเหลือเราเสมอ ดังนั้น ความชื่นชมยินดีในชีวิตคริสตชน ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเวลาที่เรามีความสุขเท่านั้น แต่รวมถึงในวันเวลาที่เราต้องเจอกับความทุกข์ยากต่าง ๆ ด้วย
5. ความชื่นชมยินดีเกิดขึ้นในใจเราได้เสมอ เมื่อเราใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าบ่อย ๆ เช่น เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เมื่อเราไปรับศีลมหาสนิท และเมื่อเราภาวนาต่อพระองค์ ดังนั้น ให้เราทำสิ่งเหล่านี้บ่อย ๆ เพื่อเพิ่มพูนความยินดีในจิตใจของเรา และขอให้แบบอย่างของแม่พระ ที่นำความชื่นชมยินดีไปให้กับผู้อื่นด้วยความรักและการช่วยเหลือกันนั้น เป็นรูปแบบในการดำเนินชีวิตคริสตชนของเรา
ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. ความชื่นชมยินดีเป็นผลมากจากความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราแต่ละคน
2. ชีวิตของพระนางมารีย์เป็นประจักษ์พยานถึงบุคคลที่มีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า
3. ความชื่นชมยินดีทำให้เราเห็นถึงความรักของพระเจ้าได้ทั้งในเวลาที่เรามีความสุขหรือมีความทุกข์
4. ความชื่นชมยินดีเกิดขึ้นในใจเราได้เสมอเมื่อเราใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าบ่อย ๆ เช่น เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เมื่อเราไปรับศีลมหาสนิท และเมื่อเราภาวนาต่อพระองค์
5. แบบอย่างของแม่พระที่นำความชื่นชมยินดีไปให้กับผู้อื่นด้วยความรักและการช่วยเหลือกันนั้น เป็นรูปแบบในการดำเนินชีวิตชีวิตคริสตชนของเรา
ข. กิจกรรมสรุปบทเรียน
ทำการ์ด J.O.Y
อุปกรณ์ กระดาษทำการ์ดเท่ากับจำนวนผู้เรียน พิมพ์ตัวอักษรตามรูปแบบตัวอย่าง ::: Download :::
วิธีการ
1. แจกกระดาษการ์ด พิมพ์คำว่า JOY ให้กับผู้เรียนแต่ละคน
2. ตัวอักษร O ให้ผู้เรียนเขียนถึงความชื่นชมยินดีในชีวิตของตนเองว่าพระเจ้ารักฉันอย่างไร
3. ตัวอักษร Y ให้ผู้เรียนเลือกถามเพื่อนหนึ่งคน ถึงความชื่นชมยินดีในชีวิตของเพื่อนว่าพระเจ้ารักเขาอย่างไร
ค. การบ้าน
ให้ผู้เรียนนำการ์ดใบนี้ไปเล่าให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองฟัง
::: Download บทเรียนที่ 6 ::