Love Letter 15 “การใช้ประวัตินักบุญในการสอนคำสอน”
ในการให้การอบรมเรื่องความเชื่อของเราคาทอลิกนั้น เราจะสอนหรือให้การอบรมกันโดยใช้พระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักรเป็นหลัก ต่อมาในสมัยใหม่อันเนื่องมาจากวิจัยค้นคว้าทางจิตวิทยาการเรียนรู้และวิชาครู ทำให้มีการเพิ่มเติมการอธิบายหลักธรรมคำสอนและพระคัมภีร์ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่าเรื่อง เล่าตัวอย่างของนักบุญหรือคนดีที่ได้ปฏิบัติตนตามคำสอนหรือพระคัมภีร์นั้นประกอบให้เห็นเป็นรูปธรรม เรายังใช้ เกม เพลง ดนตรี ศีลปะ การแสดง การเต้น การวาด การปั้น การตัดปะ การแสดงบทบาทสมมุติ ฯลฯ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสอนคำสอนของเราด้วย
วันนี้ขอพูดเรื่องการใช้ประวัตินักบุญในการสอนคำสอน ซึ่งนอกจากจะทำให้การเรียนการสอนน่าสนใจ ดึงดูดจิตใจผู้เรียนหรือผู้ฟังแล้ว ชีวิตของบรรดานักบุญยังเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ผู้ฟังได้ปฏิบัติตามแบบอย่างแห่งความศรัทธาหรือความดีของบรรดานักบุญเหล่านั้นด้วย
สำหรับจุดประสงค์ที่พระศาสนจักรคาทอลิกให้เกียรติบรรดานักบุญ ก็เพราะว่า พวกท่านเหล่านั้นได้ดำเนินชีวิตตามคำสอนและแบบอย่างของพระเยซูเจ้า กล่าวคือ เราสามารถมองเห็นชีวิตของพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางการดำเนินชีวิตของพวกท่าน นอกจากนั้น เราคาทอลิกยังมีนักบุญองค์อุปถัมภ์หรือนักบุญประจำตัว ทั้งนี้เพื่อให้ท่านเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และเพื่อให้ท่านได้ภาวนาและคุ้มครองเราแต่ละคนเป็นพิเศษ
นักบุญก็คือคนธรรมดา ๆ เหมือนกับเรา
สิ่งสำคัญในการนำเอาประวัตินักบุญมาสอนคำสอนก็คือ ครูคำสอนจะต้องทำให้เด็กๆเห็นว่าบรรดานักบุญไม่ได้เป็นเพียงบุคคลตัวอย่างที่น่าชื่นชมเท่านั้น แต่พวกท่านเหล่านั้นยังเป็นบุคคลสำคัญที่เราแต่ละคนสามารถดำเนินชีวิตตามแบบอย่างได้ด้วย เราสามารถเลียนแบบชีวิตของบรรดานักบุญได้ ทั้งนี้เพราะท่านเหล่านั้นก็มีชีวิตเหมือนๆกับเรา คือ มีความอ่อนแอ มีความผิดหรือความบกพร่องต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามท่านเหล่านั้นยังคงรักษาความเชื่อ ความไว้วางใจ และความรักต่อพระเจ้าอย่างมั่นคง ที่สำคัญคือ พวกท่านพยายามเอาชนะความบกพร่องต่างๆเหล่านั้น การดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของนักบุญนั้นเราทุกคนสามารถปฏิบัติได้จริง เพราะชีวิตของท่านเหล่านั้นแสดงให้เราเห็นแล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเรียกร้องเรามนุษย์กระทำอะไรที่เกินความสามารถของตน บรรดานักบุญไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา พวกท่านเป็นเพื่อนที่เข้าใจเราและคอยให้ความช่วยเราอยู่เสมอ เป็นต้นในยามที่เราต้องประสบกับความยากลำบากในชีวิต ทั้งนี้เพราะท่านเหล่านี้ต่างก็เคยประสบกับปัญหาต่างๆมาก่อน พวกท่านไม่ได้เป็นคนที่วิ่งหนีปัญหา บางท่านดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย เช่น นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู มีชีวิตอยู่อย่างเงียบ ๆ ในอารามซิสเตอร์คาเมไรท์ตั้งแต่อายุสิบห้าปี เธอไม่ได้กระทำสิ่งใดที่ใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ตัวอย่างเช่น เธอพยายามที่จะอดทนต่อเพื่อนสมาชิกที่รบกวนเธอในขณะที่เธอกำลังสวด แทนที่เธอจะโกรธ เธอกลับพยายามทำความดีกับเพื่อนคนนั้นเป็นพิเศษอีกด้วย การกระทำเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ เด็กๆของเราสามารถเลียบแบบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
ครูต้องพยายามแสดงให้เด็กๆเห็นว่าชีวิตของเราและเด็กๆนั้นไม่ได้แตกต่างหรือห่างไกลกันจนเราไม่สามารถเข้าถึงหรือเลียบแบบได้
ครูควรหลีกเลี่ยงการนำเสนอชีวิตของนักบุญในลักษณะที่เกินเลยความจริง หรือทำให้นักบุญกลับกลายเป็นยอดมนุษย์ในภาพยนตร์ แต่ควรให้เป็นแบบธรรมชาติ ที่ซื่อๆง่ายๆจริงใจ ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำบางประการเพื่อการนำประวัตินักบุญมาสอน
เราเติบโตขึ้นในแต่ละวันด้วยการมีชีวิตในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้คุณครูนำเสนอภาพการล้างบาปของเด็กเล็กๆที่พ่อแม่อุ้มมากับภาพการล้างบาปของผู้ใหญ่ อธิบายเปรียบเทียบว่าเราแต่ละคนต่างได้รับการเกิดใหม่ฝ่ายจิตวิญญาณ และได้รับการทรงเรียกให้มีชีวิตที่เติบโตพัฒนาขึ้นตลอดเวลาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ให้ถามเด็กๆว่า “ทำอย่างไรเพื่อที่จะทำให้ชีวิตฝ่ายจิตใจของเราเจริญเติบโตขึ้น” ซึ่งคุณครูเองอาจจะต้องชี้แนะเปิดทางให้ก่อน เช่น สวดภาวนาใช่ไหม...ค่อยๆให้เด็กๆได้คิดแล้วตอบคำถาม คุณครูควรอดทนรอ อย่ารวบรัด แต่ให้เวลาเด็กๆซึ่งอาจจะตอบผิดหรือถูกก็ไม่เป็นไร ครูควรคอยให้กำลังใจสำหรับการแสดงความคิดเห็น แล้วรับรองคำตอบที่ถูกต้อง แก้ไขคำตอบที่ยังไม่ถูกต้อง คำตอบอาจจะออกมา เช่น ไปวัด อ่านพระคัมภีร์ ร่วมพิธีมิสซาฯ แก้บาป รับศีลมหาสนิท สวดสายประคำ ทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่น ฯลฯ จากนั้นครูควรอธิบายให้เด็กๆเข้าใจว่าบรรดานักบุญก็เหมือนกับคนปรกติทั่วไปที่ค่อยๆเติบโตหรือพัฒนาตนเองไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นที่ละเล็กทีละน้อยหลังจากที่พวกท่านได้รับศีลล้างบาปแล้ว ครูควรย้ำสิ่งที่เด็กๆสามารถกระทำได้ในชีวิตประจำ เป็นต้นจากความคิดเห็นที่ออกมาจากพวกเขาเอง เน้นให้พวกเขาตระหนักว่าจากสิ่งเล็กๆที่พวกเขากระทำจะกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต จากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ธรรมดาจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา เป็นต้นถ้าพวกเขาสามารถกระทำในสิ่งที่ง่ายๆได้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกระทำในสิ่งที่ยากกว่าได้ ตัวอย่างเช่น ชีวิตของนักบุญยอแซฟ บิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้า เราจะเห็นได้ว่านักบุญยอแซฟไม่ได้ทำอัศจรรย์อะไรสักอย่างหนึ่งเลยในขณะที่มีชีวิตอยู่ แต่ท่านเติบโตสู่ความศักดิ์สิทธิ์โดยการดำเนินชีวิตปรกติของท่านในฐานะที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านทำงานทุกวันเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ท่านสวดภาวนาด้วยกันกับครอบครัว มีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้าน และยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และปฏิบัติตามพระประสงค์ด้วยความรัก
นำพระพรของพระเจ้ามาใช้เพื่อพัฒนาตนเองสู่ความศักดิ์สิทธิ์
ให้คุณครูพูดคุยกับเด็กเรื่องของขวัญ (คำว่า “ของขวัญ” หรือ “พระพร” เป็นคำที่มีความหมายเดียวกันในแง่ของการได้รับมาจากผู้อื่นด้วยความรัก) ถามถึงประสบการณ์ของเด็กๆว่า เมื่อเราได้รับของขวัญจากใครมาก็ตามซึ่งเราไม่เคยได้รับมาก่อน เราจะรู้สึกอย่างไร เมื่อเราได้รับของขวัญนั้นแล้ว เราจะทำอย่างไรกับของขวัญชิ้นนั้น ครูอาจจะยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของครูเองเกี่ยวกับการได้รับของขวัญก็ได้ เช่น เราดีใจ เรารู้สึกดีๆกับคนที่ให้ของขวัญแก่เรา เราอยากจะตอบแทนบุญคุณของเขา เราจะเก็บของขวัญนั้นไว้ให้ดีที่สุด ฯลฯ ถ้าครูสอนเด็กที่โตสักหน่อย ครูอาจจะเขียนข้อความนี้ลงบนกระดานดำ “พระจิตเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ทรงประทานพระพรพิเศษแก่ผู้ที่มีความเชื่อ แต่ละคนมีสิทธิและหน้าที่ที่จะใช้พระพรนั้นในพระศาสนจักรและในโลกเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์และเพื่อการเสริมสร้างพระศาสนจักร” (บทบาทของฆราวาส ข้อ 3) จากนั้นให้เด็กๆได้อธิปรายกันถึงความหมายของข้อความนี้ ให้นำผู้เรียนพูดคุยกันในเรื่องของพระพรหรือความสามารถที่พระเจ้าประทานให้พวกเขาแต่ละคนว่า เขามีความสามารถอะไร มีพระพรในด้านใด ซึ่งอาจจะมีมากหรือน้อยแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็มีความสำคัญในการมีส่วนร่วมในการสร้างพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า ให้ทุกคนอ่านพระคัมภีร์ 1โครินธ์ 12:20-22 “เท่าที่เป็นอยู่ มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว ดวงตาพูดกับมือไม่ได้ว่า “เราไม่ต้องการเจ้า” และศีรษะก็พูดกับเท้าไม่ได้ว่า “เราไม่ต้องการเจ้า” ตรงกันข้าม ส่วนที่เราคิดว่าเป็นอวัยวะที่อ่อนแอของร่างกายกลับเป็นอวัยวะที่จำเป็นมากกว่า” ครูต้องชี้แนะให้เด็กๆเห็นว่าเขาแต่ละคนนั้นมีพระพร หรือมีของขวัญที่พระจิตเจ้าประทานให้ และทุกคนต่างมีความสำคัญสำหรับพระเจ้า สำหรับพระศาสนจักร และสำหรับสังคมโลก ซึ่งถ้าเราแต่ละคนได้ใช้ของขวัญหรือพระพรที่พระจิตเจ้าประทานให้แก่เรานั้น ก็เท่ากับว่าเราได้เดินทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ หรือการเป็นนักบุญอย่างที่บรรดานักบุญทั้งหลายได้กระทำมาแล้วนั้นเอง
ให้ครูอ่านหรือเล่าประวัตินักบุญท่านใดท่านหนึ่งให้เด็ก ๆ ฟังโดยเน้นให้เห็นว่านักบุญท่านนั้นได้ใช้พระพรที่ท่านมีเพื่อรับใช้พระเจ้าอย่างไร ตัวอย่างเช่น นักบุญเปาโลได้ใช้พระพรแห่งการเทศน์สอนเพื่อบอกเล่าเรื่องของพระเยซูเจ้าให้คนอื่นได้รู้จักมากมาย นักบุญโทมัส อาควีนัส ใช้พระพรแห่งสติปัญญาเขียนหนังสือและสอนความจริงเกี่ยวกับความเชื่อ นักบุญมอนิกาใช้พระพรเรื่องการภาวนาจนสามารถทำให้ลูกชายคือนักบุญออกุสตินได้กลับใจมาเป็นคนดี นักบุญอิกญาซิโอ โลโยลา ใช้พระพรแห่งการเป็นผู้นำจัดตั้งคณะนักบวชที่มีชื่อเสียงคือคณะเยซูอิตเพื่อรับใช้พระศาสนจักรอย่างดีจนถึงปัจจุบันนี้ นักบุญฟรังซิส อัสซีซี มีความรักต่อคนยากจนจนกระทั่งมอบทรัพย์สินต่างๆให้คนยากจนและก่อตั้งคณะฟรังซิสกันเพื่อช่วยเหลือคนยากจน ครูต้องชี้ให้เด็กๆเห็นว่าบุคคลเหล่านี้กลับกลายเป็นนักบุญได้ไม่ใช่เพราะพวกท่านได้รับพระพรจากพระเจ้า แต่เพราะพวกท่านได้ใช้พระพรเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและเพื่อ “เสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้า”
คุณครูอาจจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับพระคัมภีร์เรื่องเงินตะลันต์ในมัทธิว 25:14-30 ซึ่งนายได้มอบเงินให้คนใช้แต่คนไม่เท่ากันเพื่อให้ไปทำประโยชน์ บางคนนำไปทำประโยชน์แต่บางคนกลับนำไปฝังดินไว้เฉยๆ ครูควรให้เด็กๆพิจารณาตนเองอย่างเงียบๆถึงพระพรที่พระเจ้าประทานให้เขา แล้วให้แต่ละคนเลือกพระพรที่คิดว่าตนเองสามารถนำไปช่วยเหลือหรือรับใช้ผู้อื่นได้ จากนั้นให้พวกเขาได้ภาวนาถวายความตั้งใจและขอพลังจากพระเจ้าเพื่อจะได้ปฏิบัติตามข้อตั้งใจนี้ให้สำเร็จ ให้พวกเขาภาวนาวอนขอโดยผ่านทางนักบุญที่คุณครูนำมาสอนในวันนี้ เพื่อให้นักบุญได้เป็นกำลังใจและช่วยภาวนาวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อให้ความตั้งใจของเขาสำเร็จไป
ใช้ธรรมชาติเพื่อให้เด็กๆคิดถึงพระเจ้าและชีวิตของนักบุญ
คุณครูอาจจะพูดคุยกับเด็กๆหรือพาเด็ก ๆ ดูแสงตะวันและรุ้งกินน้ำซึ่งมักจะปรากฏขึ้นหลังจากฝนตก อธิบายให้เด็กๆเห็นว่ารุ้งประกอบด้วยหลากหลายสี แต่ก็เป็นรุ้งเดียวกัน ซึ่งเปรียบได้กับพระเยซูคริสตเจ้ากับบรรดานักบุญ พระเยซูคริสตเจ้าทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยอห์น 9:5) พระองค์ทรงเปรียบเหมือนกับรุ้งตัวแม่ ส่วนบรรดานักบุญต่างเป็นเพียงสีต่าง ๆ ของรุ้งนี้ ชีวิตของนักบุญเป็นเพียงแสงสะท้อนสีหนึ่งของรุ้งตัวแม่นั้น พูดอีกนัยหนึ่งพระเยซูเจ้าทรงเป็นต้นแบบหรือบ่อกำเนิดของคุณงามความดีและคุณธรรมต่าง ๆ ส่วนชีวิตของบรรดานักบุญเป็นแสงสะท้อนของคุณงามความดีของพระเยซูเจ้า เราให้เกียรติบรรดานักบุญก็เพราะว่าชีวิตของท่านสะท้อนให้เราเห็นองค์พระเยซูเจ้า นักบุญบางท่านสะท้อนให้เห็นความรักของพระเยซูเจ้าต่อคนยากจน บางท่านสะท้อนให้เห็นแบบอย่างแห่งความนบนอบ บางท่านสะท้อนให้เห็นแบบอย่างแห่งความเพียรทน บางท่านสะท้อนให้เห็นถึงการให้อภัย ฯลฯ ครูอาจจะให้เด็กระดมความคิดเห็นว่านักบุญแต่ละท่านมีคุณธรรมความดีอะไรบ้างก็ได้
จากนั้นครูอาจจะให้เด็ก ๆ ไตร่ตรองถึงชีวิตของตนเองว่าตนเองมีคุณธรรมอะไรที่เหมือนกับพระเยซูเจ้าบ้าง แล้วให้พวกเขาวาดภาพหรือเขียนบทกลอนสักสองสามประโยคเพื่อแสดงว่าเขามีและเขาจะพัฒนาความดีที่เขามีนั้นเพื่อรับใช้พระเจ้า จากนั้นให้พวกเขาภาวนาและวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อให้พวกเขาได้ใช้พระพรนั้นพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
นำเสนอชีวประวัตินักบุญที่เป็นคนหนุ่มสาว
คุณครูควรค้นคว้าประวัตินักบุญที่เป็นคนหนุ่มสาวหรือเยาวชนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเด็ก ๆ ที่เรียนคำสอนกับคุณครู เช่น นักบุญทาร์ชีชีโอ เด็กน้อยที่กล้าหาญอาสานำศีลมหาสนิทไปให้คนที่ติดคุกและคนเจ็บป่วยในสมัยเริ่มแรกของคริสตชน ที่สุดเธอถูกจับได้และถูกทำร้ายจนสิ้นชีวิต นักบุญมารีอากอแร็ตตี เป็นเด็กหญิงวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่ยอมถูกฆ่าตายเพราะปกป้องตนเองจากผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการข่มขืนเธอ นักบุญแบร์นาแดธ แห่งลูร์ด เป็นเด็กหญิงจากครอบครัวที่ยากจนครอบครัวหนึ่ง แต่เธอได้รับสิทธิพิเศษจากพระแม่มารีย์ โดยที่พระแม่มารีย์ได้เลือกประจักษ์มาให้เธอได้เห็นและได้สนทนากับเธอกลายครั้งด้วยกัน เธอเป็นแบบอย่างแห่งบริสุทธิ์ ความกล้าหาญ ความศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า มากกว่าการที่จะทำอะไรตามประสาวัยรุ่น นักบุญดอมีนิก ซาวีโอ ลูกศิษย์ของนักบุญยอห์นบอสโก เป็นเด็กคนหนึ่งที่เป็นผู้ที่สร้างสันติในหมู่เพื่อน ๆ เธอเสี่ยงที่จะโดนทำร้ายเมื่อเห็นเพื่อนๆทะเลาะกันโดยเอาตัวเองเข้าขวาง และเมื่อเห็นเพื่อนๆอ่านหนังสือที่ไม่ดี เธอก็กล้าหาญที่จะเข้าไปตักเตือน
กิจกรรมเสนอแนะ
ถ้าการสอนคำสอนของคุณครูตรงกับวันฉลองนักบุญใด คุณครูควรนำเสนอประวัติของนักบุญท่านนั้นมาเล่าให้เด็ก ๆ ฟังและเริ่มการเรียนคำสอนด้วยการภาวนาต่อนักบุญนั้น ๆ คุณครูควรส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ประวัติของนักบุญในวันนั้นโดยผ่านทางหนังสือประวัตินักบุญที่มีจำหน่ายมากมายในปัจจุบัน และที่สำคัญคือให้พวกเขาได้ค้นคว้าโดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ถ้าเด็กรู้ภาษาอังกฤษเราสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.saintforaday.com หรือค้นหาในภาษาไทยก็ได้ หรือคุณครูอาจจะให้เด็กๆค้นหาประวัตินักบุญองค์อุปถัมภ์ของตนเอง หรือของวัดของตนเองก็ได้
อีกวิธีหนึ่งที่คุณครูสามารถกระทำได้ง่าย ๆ ก็คือ การนำเอาวีซีดีประวัตินักบุญมาฉายให้เด็ก ๆ ดู ซึ่งคุณครูสามารถหาได้ที่ศูนย์คำสอนประจำสังฆมณฑล นอกจากนั้นเรายังมีหนังสือประวัตินักบุญที่เป็นแบบการ์ตูน หรือภาพวาดในลักษณะต่าง ๆ อีกด้วย รูปภาพของบรรดานักบุญก็มีประโยชน์ในการสอนคำสอน คุณครูสามารถหามาได้จากอินเตอร์เน็ตเช่นกัน
คุณครูอาจจะมอบหมายให้เด็กแต่ละคนหรือเป็นกลุ่มให้ค้นคว้าประวัตินักบุญแล้วทำเป็นโปสเตอร์ติดบอร์ดเพื่อให้เด็กคนอื่น ๆ ได้รู้จัก คุณครูอาจจะให้เด็กๆแสดงละครประวัตินักบุญ หรือให้เล่าประวัตินักบุญโดยการใช้หุ่นมือ
ในวันฉลองนักบุญทั้งหลายเป็นโอกาสดีที่จะให้เด็ก ๆ นำเสนอประวัตินักบุญต่างๆที่พวกเขาประทับใจ โดยให้ถือว่าวันฉลองนี้เป็นวันรณรงค์ให้เด็กๆเลียนแบบชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญที่เขาชื่นชอบ
คุณครูควรระลึกว่า ไม่มีอะไรที่จะจูงใจเด็ก ๆ ได้ดีเท่ากับ “แบบอย่าง” และชีวิตของบรรดานักบุญเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่เราสามารถนำมาให้เด็กๆได้เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างนั้นได้ การนำเสนอชีวิตของบรรดานักบุญให้เด็กๆได้รับรู้นั้นเป็นการช่วยให้พวกเขาตระหนักหรือมองเห็นว่าวีรบุรุษและวีรสตรีหรือนักบุญคนดีนั้นก็มีอยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วย