เด็กชาวสิงค์โปร์รับศีลกำลังเมื่ออายุประมาณ 14-16 ปี เรื่องที่น่าสนใจคือเขาไม่ได้ให้รับศีลกำลังตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนเมืองไทย โดยเขาจะโปรดศีลล้างบาปให้ตั้งแต่เด็ก จากนั้นเมื่ออายุรู้ความแล้วก็ให้ศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาป
จากนั้นทิ้งระยะไว้ให้เด็กมีวุฒิภาวะมากยิ่งขึ้นเป็นวัยรุ่นที่สามารถใช้เหตุใช้ผลได้มากขึ้นแล้วจึงให้สมัครมาเรียนเพื่อรับศีลกำลัง โดยจัดให้มีประสบการณ์แห่งการรับใช้สังคมและพระศาสนจักรในเวลาที่กำหนดให้เช่น 5-6 สัปดาห์ งานที่ให้ผู้สมัครรับศีลกำลังทำเช่น การไปช่วยคนชรา คนเจ็บป่วย เด็กพิการหรือกำพร้า การทำความสะอาดสิ่งของสาธารณะ การไปช่วยเหลือคนยากจน การช่วยกิจการของวัด และกิจการอื่นๆตามสภาพแวดล้อมหรือความต้องการของสังคมในสถานที่นั้นๆ เมื่อเสร็จแล้วพวกเขาจะต้องเขียนรายงานสรุปบทเรียนจากประสบการณ์การช่วยเหลือสังคมที่แต่ละคนได้ไปกระทำมา จากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้คำสอนเรื่องของพระจิตเจ้า บทบาทของพระจิตเจ้าจากเหตุการณ์ต่างๆในพระคัมภีร์ และจากคำสอนของพระศาสนจักร
และเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ารับพิธีศีลกำลัง ผู้สมัครทุกคนจะต้องเขียนจดหมายขอรับศีลกำลังจากพระสังฆราช โดยตอบคำถาม 3 ข้อ คือ (1) ทำไมจึงปรารถนาจะรับศีลกำลัง (2) พระจิตเจ้าคือใครและสำคัญอย่างไรในชีวิตของเธอ (3) ข้อตั้งใจที่ฉันจะยึดถือเพื่อปฏิบัติเขียนจดหมายขอรับศีลกำลังจากพระสังฆราช โดยตอบคำถาม ร์ และจากคำสอนของพระศาสนจักร และในชีวิตของฉันตลอดไปคือ..........ข้อมูลต่างๆเหล่านี้พระสังฆราชจะได้อ่านและเป็นข้อมูลสำหรับการเทศน์ของท่านในพิธีศีลกำลังต่อไป
ส่วนการสอนคำสอนในระบบโรงเรียน สิงค์โปร์ใช้หนังสือคู่มือคำสอนจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะชุดนี้ใช้กับเด็กที่มีวัฒนธรรมหลากหลายคล้ายๆกับประเทศของพวกเขา