บทที่ 37 บัญญัติของพระศาสนจักร
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจและเห็นคุณค่าของพระบัญญัติของพระศษสนจักร และปฏิบัติตามด้วยความยินดี
ขั้นที่ 1 กิจกรรม อุปกรณ์ ครูเตรียมซอง 4 ซอง แต่ละซองบรรจุอักษรต่อไปนี้
ซองที่ 1 ม ิ ส ซ า / ว ั น อ า ท ิ ต ย ์ / ฉ ล อ ง บ ั ง ค ั บ
ซองที่ 2 อ ด อ า ห า ร / อ ด เ น ื ้ อ / จ ำ ศ ี ล
ซองที่ 3 ศ ี ล แ ก ้ บ า ป / ศ ี ล ม ห า ส น ิ ท / ป ั ส ก า
ซองที่ 4 พ ร ะ ศ า ส น จ ั ก ร / บ ำ ร ุ ง ท ร ั พ ย ์
แบ่งผู้เรียนเป็น 4 กลุ่ม แจกซองบรรจุอักษรให้กลุ่มละ 1 ซอง
ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันเรียงอักษรให้เป็นคำที่ถูกต้อง
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
เฉลย ตามที่แจ้งใน ขั้นที่ 1 กิจกรรม
ครูถามผู้เรียนว่า
- คำที่เรียงกันทั้ง 4 กลุ่มนั้นเตือนให้คิกถึงอะไร ? (พระบัญญัติพระศาสนจักร)
- ให้ผู้เรียนสวด “พระบัญญัติของพระศาสนจักร” พร้อมๆกัน
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. พระศาสนจักรเป็นผู้ตั้งพระบัญญัติ 4 ประการนี้ตามที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสม พระศาสนจักรได้รับอำนาจนีมาจากพระเยซูคริสต์เองซึ่งตรัสว่า “ผู้ใดฟังท่าน ผู้นั้นก็ฟังเรา” (ลก. 10,16) และทุกสิ่งที่ท่านผูกในโลกก็จะแก้ในสวรรค์” (มธ. 18,18)
พระบัญญัตอของพระศาสนจักรจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยอำนาจของพระศาสนจักรเอง ตามความจำเป็น และความเหมาะสมของกาลเวลาและสถานที่ และพระบัญญัตินี้ใช้บังคับเฉพาะคริสตชนที่อยู่ในอำนาจปกครองของพระศษสนจักรคาทอลิกเท่านั้น ไม่เหมือนกับพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าที่ใช้บังคับแก่มนุษย์ทุกรูปทุกนาม
2. พระบัญญัติของพระศาสนจักรประการที่ 1 สั่งให้คริสตชนทุกคนไปร่วมมิสซาทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นเมื่อมีสาเหตุจำเป็น เช่น เป็นป่วย เฝ้าพยาบาลคนป่วย เฝ้าบ้าน หรือติดธุระจำเป็นจริงๆซึ่งก็สามารถไปร่วมมิซาเย็นวันก่อนแทนได้ (กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 1248 วรรค 1)
นอกจากวันอาทิตย์แล้วคริสตชนยังต้องไปร่วมมิสซาในวันฉลองบังคับด้วย วันฉลองบังคับในประเทศไทยมีอยู่ 7 วัน คือ วันคริสต์มาสตรงวัน และอีก 6 วน ให้เลื่อนไปฉลองในวันอาทิตย์ถัดไป (หรือจะฉลองตรงวันก็ได้) ได้แก่ วันฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ วันฉลองพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ วันฉลองพระนางมารีรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ วันฉลองนักบุญทั้งหลาย วันฉลองพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า (ศีลมหาสนิท) วันฉลองนักบุญเปโตรและเปาโล โดยปฏิบัติเหมือนวันอาทิตย์ทุกอย่าง
เพื่อให้วันอาทิตย์เป๋นวันศักดิ์สอทธิ์สำหรับคริสตชนจริงๆ พระศาสนจักรจึงสั่งให้มีการหยุดงานด้วย เหมือนพระเป็นเจ้าที่ทรงหยุดงานในวันที่ 7 หลังการสร้างสรรพสิ่ง งานในที่นี้หมายถึงงานหนักและงานอาชีพทั่วไป ยกเว้นงานบ้านและงานสาธารณที่จำเป็น
3. พระบัญญัติของพระศษนจักรประการที่ 2 สั่งให้อดเนื้อและอดอาหารในวันฉลองบังคับ ซึ่งได้แก่วันศุกร์ตลอดปี และวันพุธรับเถ้า วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ในเทศการมหาพรต (รายละเอียด ดูบทที่ 32 ขั้นที่ 3 ข้อที่ 3)
4. พระบัญญัติของพระศาสนจักรประการที่ 3 สั่งให้รับศีลแก้บาปอย่างน้อยปีละครั้ง และรับศีลมหาสนิทอย่างน้อยปีละครั้งในกำหนดปัสกา
การรับศีลแก้บาป เป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นไปจากพระเจ้า หรือเสริมความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เจตนาของพระศาสนจักรจึงต้องการให้คริสตชนไปรับศีลแก้บาปบ่อยๆ แต่ที่กำหนดไว้อย่างน้อยปีละครั้งก็เป็นการถือเกณฑ์ที่ต่ำที่สุด ต่ำกว่านี้คงใช้ไม่ได้แล้ว การรับศีลแก้บาปอย่างน้อยปีละครั้งนั้น จะรับในช่วงไหนก็ได้ในหนึ่งปี และบังคับคริสตชนทุกคนที่อายุถึงอายุความรู้ความและรับศีลแก้บาปได้แล้วในต้นปี
การรับศีลมหาสนิท เป็นการรับประทานอาหารฝ่ายวิญญาณ เจตนาของพระศาสนจักรจึงต้องการให้คริสตชนไปรับศีลมหาสนิทบ่อยๆเช่นกัน ที่กำหนดไว้อย่างน้อยปีละครั้งก็เป็นการถือเกณฑ์ที่ต่ำที่สุด ต่ำกว่านี้วิญญาณก็คงอดอยากหมดเรี่ยวแรงแลพตายไปในที่สุด พระศาสนจักรกำหนดให้รับศีลมหาสนิทอย่างน้อยปีละครั้งในกำหนดปัสกา คือช่วงระหว่างวันพุธรับเถ้าถึงวันฉลองพระจิต และบังคับคริสตชนทุกคนที่ถึงอายุรู้ความและรับศีลมหาสนิทได้แล้ว
5. พระบัญญัติของพระศาสนจักรประการที่ 4 สั่งให้บำรุงพระศษสนจักรตามความสามารถ เพราะเหตุว่าพระศาสนจักรคือประชากรของพระเป็นเจ้า ซึ่งได้แก่บรรดาคริสตชนทุกคน คริสตชนจึงมีหน้าที่ต้องช่วยกันทะนุบำรุงพระศาสนจักตามความสามารถของตน เช่น ช่วยด้วยการสวดภาวนา ช่วยด้วยการมีส่วนร่วมในกิจการงานต่างๆ ช่วนนด้วยการร่วมกลุ่มกิจการคาทอลิก ช่วยด้วยการแพร่ธรรมทั้งด้วยวาจา กิจการ และตัวอย่างที่ดี และช่วยด้วยการบริจาคทรัพย์สิ่งของเพื่ออุดหนุนจุนเจือพระศาสนจักรให้ดำรงอยู่และเผยแพร่ไปให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
- ข้อควรจำ
1. พระศาสนักรมีอำนาจออกกฎบัญญัติเพื่อความดีของคริสตชน ประชากรองพระเจ้า
2. พระศาสนจักรสั่งให้ร่วมมิสซา รับศีลศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อชีวิตคริสตชนจะได้เข้มแข็งสมบูรณ์ขึ้น ด้วยพระหรรษทานจากศีลศักดิ์สิทธิ์นั้น
3. พระศาสนจักรสั่งให้อดเนื้อ อดอาหาร ก็เพื่อคริสตชนจะได้ใช้โทษบาปในโลกใบนี้ และฝึกฝนตนเองให้มีความเข้มแข็งอดทนต่อความยากลำบาก
4. เราคริสตชนมีหน้าที่ต้องช่วยกันทะนุบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ คือ ด้วยกำลังกาย กำลังปัญญา กำลังใจ และกำลังทรัพย์
- กิจกรรม
ร้องเพลง “คนมีปัญญา” พร้อมทำท่าทางประกอบ
คนมีปัญญา
“คนมีปัญญา สร้างบ้านไว้บนศิลา เมื่อมีลมพายุพัดมา เมื่อฝนตกหนักและน้ำก็ไหลเชี่ยว บ้านของเขาก็ยังคงอยู่
คนโง่สร้างบ้าน สร้างบ้านไว้บนหาดทราย เมื่อมีลมพายุพัดมา เมื่อฝนตกหนักและน้ำก็ไหลเชี่ยว บ้านของเขาก็พังทลาย.......โครม”
การบ้าน สวดภาวนา “พระบัญญัติของพระศาสนจักร” ให้ขึ้นใจ
ปฏิบัติตามพระบัญญัติเหล่านั้นให้ดี โดยเฉพาะไปร่วมมิสซาในวันอาทิตย์ และรับศีลศักดิ์ด้วย