บทที่ 9 ชีวิตคริสตชน
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจและเห็นความสำคัญของชีวิตคริสตชน และมุ่งดำเนินชีวิตตามครรลองที่พระเป็นเจ้าทรงบัญญัติไว้
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
ครูเล่าตัวอย่างของผู้ที่ยอมเสียชีวิตฝ่ายกายเพื่อรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณ (ชีวิตคริสตชน)
ผู้เฒ่าเอเลอาซาร์ (2 มคบ. 6,18 – 31)
เอเลอาซาร์ผู้เฒ่าชาวยิว เป็นคนมีสัตย์ สมัยนั้นชาวยิวตกเป็นเมืองขึ้นของกษัตริย์อันทีโอคัส ซึ่งกดขี่ข่มเหงต่างๆ นาๆ เพื่อให้ชาวยิวละทิ้งพระเป็นเจ้าและหันมากราบไหว้กษัตริย์อันทีโอคัสเป็นพระเจ้าแทน เอเลอาซาร์ถูกจับและถูกบังคับให้กินเนื้อสุกรซึ่งขัดกับบัญญัติของโมเสส หัวเด็ดตีนขาดผู้เฒ่าก็ไม่ยอม มีคนเห็นใจสงสารอยากจะช่วยท่านให้พ้นจากโทษประหารจึงเสนอจะแอบเอาเนื้อสัตว์อื่นที่กินได้มาแทนเนื้อสุกร เอเลอาซาร์กินแล้วจะได้ไม่ผิดบัญญัติและไม่ถูกประหารด้วย เพราะใครๆก็คิดว่าเขายอมกินเนื้อสุกรแล้ว แต่เอเลอาซาร์ยืนหยัดมั่นคงว่า ท่านมีชีวิตอย่างน่าชื่นชมนับตั้งแต่วัยเด็กมาจนถึงวัยชราผมหงอกขาวโพลนแล้ว ท่านจะต้องรำรงชีวิตอย่างประเสริฐสูงสุดต่อไป ท่านจึงประกาศว่าเหนือสิ่งอื่นใดท่านจะซื่อสัตย์ต่อบทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ท่านบอกให้นำตัวท่านไปประหารทันทีโดยอธิบายว่า คนปูนนี้แล้วไม่ควรจะเสแสร้งทำ คนหนุ่มมากมายจะคิดว่าเอเลอาซาร์อายุเก้าสิบปีแล้วกลับไปถือศาสนาอื่น ควรแล้วหรือที่ฉันจะแสร้งทำเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนิดเดียว ฉันจะเป็นคนทำให้พวกคนหนุ่มหลงผิด เป็นเหตุให้ตนต้องอับอายขายหน้าในวัยชรา ฉันอาจจะพ้นโทษทัณฑ์ของมนุษย์ก็จริง แต่ไม่ว่าจะเป็นหรือตายฉันก็หนีไม่พ้นโทษทัณฑ์ของงพระเป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ได้ ฉะนั้นฉันควรจะสละชีวิตอย่างกล้าหาญ ณ บัดนี้ จะได้พิสูจน์ให้ทั้งปวงเห็นว่าฉันเป็นคนชราที่ควรแก่การยกย่องนับถือ จะได้ทิ้งตัวอย่างที่ดีให้คนหนุ่มเห็นว่าควรจะยินดีตายเพื่อยกย่องบทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ กล่าวเสร็จท่านก็เดินเข้าสู่ที่ประหาร พวกศัตรูเฆี่ยนท่านอย่างทารุณโหดร้าย ก่อนตายท่านกล่าวเป็นคำสุดท้ายว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงทราบดีว่า แม้ข้าพระเจ้าจะเอาตัวรอดได้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าไม่เพียงยินดีที่ได้รับความเจ็บปวดสาหัสฝ่ายกายเพราะถูกเฆี่ยนเท่านั้นแต่ข้าพเจ้าทนรับทรมานด้วยใจชื่นชมยินดีเพราะจงรักภักดีต่อพระองค์” แล้วท่านก็ถึงแก่ความตาย
มารดาและบุตร 7 คน (2 มคบ. 7,1 – 42)
ในสมัยเดียวกันนั้น มารดาและบุตร 7 คนก็ถูกจับและถูกบังคับให้กินเนื้อสุกรซึ่งผิดต่อบทบัญญัติเหมือนกัน แต่บุตรทั้ง 7 คนสวมใจเพชร ยอมตายไม่ยอมปฏิบัติตาม ทุกคนยืนยันความเชื่อและความซื่อสัตย์เหมือนๆกันว่า “พวกแกเอาชีวิตปัจจุบันนี้ไปจากเรา แต่จอมกษัตริย์ผู้เป็นเจ้าโลกจะให้เราฟื้นขึ้นมาจากความตายอีก เราจะมีชีวิตอยู่ตลอดกาล เพราะพวกเราตายเพื่อบทบัญญัติของพระองค์”
บุตรคนที่ 1 – 6 ถูกทรมานโดยการตัดลิ้น ถลกหนังศีรษะ ตัดมือตัดเท้าและโยนลงกระทะน้ำเดือด
บุตรคนที่ 7 คนสุดท้อง ยังเล็กอยู่ กษัตริย์จึงเกลี้ยกล่อมให้กินเนื้อสุกรโดยสัญญาว่าจะให้เขาร่ำรวยมีเงินมีทอง มีความสุข ถ้าเขาละทิ้งประเพณีของบรรพบุรุษเสีย นอกนั้นพระองค์จะทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นพระสหายของพระองค์ ให้มีตำแหน่งสูง แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะบุตรคนสุดท้องร้องเสียงดังออกมาในทันทีว่า “ฉันยอมสละร่างกายและชีวิตเหมือนพวกพี่ๆเพื่อบทบัญญัติของบรรพบุรุษ ฉันขอวิงวอนพระเป็นเจ้าได้ทรงเมตตาชนชาติของเรา เรายอมทุกข์ลำบาก ถูกเฆี่ยนตีก็เพื่อพวกท่านจะได้สารภาพว่ามีพระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเป็นเจ้า ฉันและพี่ๆ ยอมรับทรมานก็เพื่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะได้เลิกทรงพระพิโรธชนชาติของเรา” กษัตริย์ได้ฟังก็กริ้วยิ่งนัก ทรงสั่งให้ทรมานบุตรคนสุดท้องนี้ให้หนักกว่าคนอื่นๆ
มารดามองดูลูกถูกทรมานตายไปทีละคนๆ แทนที่นางจะใจอ่อนสงสารลูก นางกลับคอยให้กำลังใจลูกอย่าท้อถอยหรือเปลี่ยนใจ และในที่สุดนางก็ตายเป็นคนสุดท้าย
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามผู้เรียน
รู้สึกอย่างไรกับผู้เฒ่าเอเลอาซาร์ ?
มีความประทับใจต่อตัวท่านอย่างไร ?
รู้สึกอย่างไรต่อบุตรทั้ง 7 ?
มีความประทับใจต่อพวกเขาอย่างไร ?
รู้สึกอย่างไรต่อมารดา ?
มีความประทับใจต่อนางอย่างไร ?
สรุป ตัวอย่างของผู้ที่เห็นความสำคัญต่อชีวิตวิญญาณ (ชีวิตคริสตชน) จนถึงขั้นยอมสละชีวิตกายเพื่อแลกกับชีวิตวิญญาณนั้น
ขั้นที่ 3 คำสอน
- พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้โลกทั้งโลกมาเป็นกรรมสิทธิ์ แล้วต้องมาเสียวิญญาณไป จะเอาอะไรมาแลกวิญญาณกลับคืนมาได้” (มธ. 16,26) หมายความว่าจะเสียอะไรก็จงยอมเสียเถิด แต่อย่ายอมเสียวิญญาณ เพราะจะเป็นการเสียที่ยิ่งใหญ่และตลอดไป ไม่มีทางจะกู้คืนมาได้
- พระเยซูคริสยังตรัสว่า “ผู้ใดใคร่เอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะเอาชีวิตรอด” (มธ. 16,25) ชีวิตที่เสียก็คือชีวิตฝ่ายกาย ส่วนชีวิตที่รอดก็คือชีวิตฝ่ายวิญญาณ ผู้เฒ่าเอเลอาซาร์ มารดาและลูก 7 คน ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเยซูคริสต์ คือยอมเสียชีวิตฝ่ายกายเพื่อจะเอาชีวิตฝ่ายวิญญาณให้รอด นับว่าเขาเป็นคนฉลาดที่ได้เห็นคุณค่าชีวิตฝ่ายวิญญาณ หรือชีวิตคริสตชน อย่างแท้จริง
- การรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณ หรือชีวิตคริสตชน ให้รอดก็คือการยอมสละสิ่งบำรุงบำเรอเหล่านี้ได้แก่การบูชาสิ่งสร้างต่างพระเจ้า เช่น บูชาเงินตรา ความสนุกสนานทางเนื้อหนัง การกิน การดื่ม เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจวาสนา ฯลฯ และเพื่อห้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี่ก็จำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทาง แม้กระทั่งการกดขี่ข่มเหงเพื่อนมนุษย์ การเอารัดเอาเปรียบในรูปแบบต่างๆ คนที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เท่ากับไม่มีพระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์อยู่ในสายตา จะมีก็ตัวเองแต่ผู้เดียวเท่ากับเขาคือพระเจ้า นี่คือความเห็นแก่ตัวอย่างสุด ๆ
- สิ่งที่ช่วยให้เราสละหรือขจัดสิ่งบำรุงบำเรอนี้ได้ก็คือ พระบัญญัติ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในการดำเนินชีวิตตามทำนองคลองธรรม ถ้าจะเปรียบชีวิตเป็นการเดินทางผ่านสะพานที่ทอดเชื่อมเรามนุษย์กับพระเป็นเจ้า พระบัญญัติก็คือราวสะพานที่ช่วยให้เราได้เกาะยึดและพยุพยุงให้เดินหน้าไปด้วยความมั่นใจ และในเวลาเดียวกันก็เป็นสิ่งช่วยป้องกันเรามิให้หลุดพลัดตกจากสะพานเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ พระเยซูคริสต์จึงตรัสว่า “ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุถึงชีวิตนิรันดรก็ให้ถือตามพระบัญญัติ” (มธ. 19,17)
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
- ข้อควรจำ
- “จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้โลกทั้งโลกมาเป็นกรรมสิทธิ์ แล้วต้องมาเสียวิญญาณไป” (มธ. 16,26)
- “ผู้ใดใคร่เอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดที่เสียชีวิตเพาระเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะเอาชีวิตรอด” (มธ. 16,25
- “ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุถึงชีวิตนิรันดรก็ให้ถือตามพระบัญญัติ” (มธ. 19,17)
- รพะบัญญัติเปรียบเทียบเหมือนราวสะพานที่คอยพยุพยุงและป้องกันเราใหเดินทางไปหาพระเป็นเจ้าโดยปลอดภัย
- กิจกรรม เล่นเกม ใคร ? ทำอะไร ? ที่ไหน ? เมื่อไหร่ ? อย่างไร ?
วิธีเล่น แบ่งผู้เรียนออกเป็น 5 กลุ่ม แจกกระดาษ ปากกา กลุ่มละ 1 ชุด
ให้แต่งประโยคที่มีส่วนประกอบ 5 ส่วนตามชื่อของเกมโดยให้แต่ละกลุ่มแต่งแต่ละส่วน เช่น
กลุ่มที่ 1 แต่ง ใคร ? (ปรึกษากันเขียนชื่อใครก็ได้ลงในกระดาษ)
กลุ่มที่ 2 แต่ง ทำอะไร ? (ปรึกษากันเขียนกิริยาอาการอย่างใดอย่างหนึ่งลงในกระดาษ)
กลุ่มที่ 3 แต่ง ที่ไหน ? (ปรึกษากันเขียนสถานที่ใดที่หนึ่งลงในกระดาษ)
กลุ่มที่ 4 แต่ง เมื่อไหร่ ? (ปรึกษากันเขียนเวลาใดเวลาหนึ่งในกระดาษ)
กลุ่มที่ 5 แต่ง อย่างไร ? (ปรึกษากันเขียนคำวิเศษประกอบกิริยาอาการลงในกระดาษ)
เสร็จแล้วนำมารวมกัน ครูอ่านให้ฟัง
ให้แต่ละกลุ่มแต่งส่วนอื่นของประโยคโดยหมุนเวียนกันไป
บทสอน ประโยคเหล่านี้แสดงให้เห็นชีวิตที่แปลกประหลาดพิศดาลและผิดปกติ เพราะแหวกแนวปฏิบัติของคน ทั่วไป อาจจะสนุกเพราะเล่น ถ้าเป็นชีวิตจริงคงไม่สนุกแน่
การบ้าน ให้ผู้เรียนประดิษฐ์อักษร “พระบัญญัติ 10 ประการ” ระบายสีให้สวยงาม แล้วเติมคำในที่ว่า ข้างล่าง แสดงความหมายของพระบัญญัติตามความเข้าใจของตนเอง