บทที่ 7 รหัสธรรมปาสกา
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของรหัสธรรมปัสกา และสมัครใจเข้าร่วมรหัสธรรมนี้
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
ครูพาผู้เรียนเข้าวัด อธิบายรูป 14 ภาค แต่ละภาค (จะฉวยโอกาสเดินรูป 14 ภาคเลยก็ได้)
หรือ ถ้าเป็นไปได้ จัดฉายวีดีโอภาคมหาทรมานของพระเยซูคริสต์
หรือ จัดให้มีการอ่านพระทรมานของพระเยซูคริสต์จากพระวรสารนักบุญลูกา 23,1 – 53 โดยผู้แทนของผู้เรียนเป็นผู้อ่าน แบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายเหมือนในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ดังนี้
ผู้บรรยาย 1 คน
ผู้แทนพระเยซูคริสต์ 1 คน
ผู้แทนคนอื่นๆ และประชาชน เป็นกลุ่ม 3 คน
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามผู้เรียนว่า
- รู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นหรือได้ฟังพระทรมานของพระเยซูคริสต์
- รู้สึกประทับใจตอนไนมากที่สุด
- ทำไมพระเยซูคริสต์จึงยอมรับทรมานเช่นนี้ ?
สรุป พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ มหาปุโลหิต และธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะถูกตัดสินประหารชีวิต แต่วันที่สามพระองค์จะกลับเป็นขึ้นมา” (มก. 8,31) นี่คือรหัสธรรมปัสกาที่พระองค์จะต้องผ่าน
ขั้นที่ 3 คำสอน
- รหัสธรรมปัสกาคือการไถ่กู้มนุษย์ให้พ้นบาปโดยอาศัยการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ตามพระสัญญาที่พระเป็นเจ้าได้ทรงให้ไว้เมื่อครั้งบิดามารดาเดิมได้ทำบาป ที่เรียกว่ารหัสธรรมก็เพราะว่าการไถ่กู้มนุษย์โดยให้พระบุตรซึ่งเป็นพระเจ้าลงมาเกิดเป็นมนุษย์มีนามว่าพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์จึงทรงมีทั้งธรรมชาติพระเจ้าและธรรมชาติมนุษย์ โดยนัยนี้การที่พรระองค์จะทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนพระชนม์นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เรามนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ เป็นสิ่งที่ลึกลับเกินสติปัญญามนุษย์ รหัสธรรมก็คือคำสั่งสอนที่สูงส่งลึกลับเกินสติปัญญาจะหยั่งถึงนั่นเอง ต้องอาศัยความเชื่อเท่านั้นจึงจะน้อมรับคำสอนนี้ได้ คือความเชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงเผยให้ทราบคำสอนนี้ และพระองค์ไม่รู้จักหลงและไม่รู้จักหลอกลวง
- การไถ่กู้มนุษย์แบบพลีพระชนนี้เป็นการยืนยันคำสอนของพระองค์เองว่า “ไม่มีความรักใดจะยิ่งใหญ่กว่าการพลีชีพชีวิตเพื่อมิตรสหาย” (ยน. 15,13) เริ่มตั้งแต่ความรักของพระเป็นเจ้าพระบิดาที่ทรงยอมสละพระบุตรสุดที่รักองค์เดียวของพระองค์ให้ พระองค์ไม่ทรงมีสิ่งใดใหญ่กว่านี้ที่จะสละให้อีกแล้ว และพระบุตรก็ “ได้ทรงสละสภาพพระเจ้ามารับสภาพทาส คือบังเกิดเป็นมนุษย์ และเท่านั้นยังไม่พอ ยังทรงถ่อมองค์ลงนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงตาย และตายบนไม้กางเขนด้วย” (เทียบ ฟบ. 2,6 – 8) นี่คือบทพิสูจน์ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเรามนุษย์
- รหัสธรรมปัสกาได้กลายมาเป็นวิถีชีวิตของเราคริสตชนไปด้วย เพราะคริสตชนก็คือผู้ที่ดำเนินตามรอยพระเยซูคริส์ต์ ฉะนั้นเราจึงต้องผ่านการทรมาน ความตาย เพื่อจะได้บรรลุถึงการกลับฟื้นคืนชีพเหมือนพระเยซูคริสต์ ซึ่งเราเรียกว่าความรอด ทั้งนี้ก็สมจริงตามคำกล่าวที่ว่า “เดินทางเตียนเวียนลงนรก เดินทางรกวกขึ้นสวรรค์” ถ้าใครอยากไปสวรรค์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินทางนี้ที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกรุยทางไว้ให้เราแล้ว และพระองค์ก็ทรงสัญญาจะเป็นเพื่อนร่วมทางของเราตลอดไป “เราจะอยู่กับท่านจนสิ้นภิพ” (มธ. 28,20)
- เรายังมีหน้าทที่ที่จะต้องประกาศรหัสธรรมปัสกานี้แก่เพื่อนมนุษย์เพื่อชี้ทางความรอดแก่พวกเขาด้วย นักบุญเปาโล กล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศยืนยันเรื่องพระเจ้าแก่พวกท่านด้วยถ้อยคำอันไพเราะหรือด้วยสติปัญญาที่ลึกซึ้ง เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะไม่แสดงความรู้ใดๆ เว้นแต่ความรู้เรื่องพระเยซูคริสต์ และพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงกางเขน” (1 คร. 2,1 – 2) ท่านจึงนึกเรื่องนี้เป็นศูนย์กลางของการเทศนาของท่าน “พระเยซูเจ้าทรงช่วยคนให้รอดโดยอาศัยคำเทศน์เรื่องโง่ๆ พวกยิวร้องขอนิมิต พวกกรีกร้องขอปัญญา แต่เราเทศน์เรื่องพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงกางเขน ซึ่งพวกยิวถือเป็นเรื่องอัปยศ และคต่างชาติถือเป็นเรื่องโง่เขลาเบาปัญญา..........แต่ความโง่เขลาของพระเจ้ายังมีปัญญามากยิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้ายังเข้มแข็งกว่ากำลังของมนุษย์” (1 คร. 1,21 – 15) ชาวโลกคงจะหัวเราะเยาะเราเช่นกันที่มาเทศน์เรื่องจิตตรมณ์ของโลกเฃ่นนี้ แทนทที่จะมาเทศน์เรื่องการแสวงหาความสุขความสงบต่างๆ แต่เราก็เห็นว่าการเทศน์เช่นนี้ของพวกอัครสาวกก็ดี ของนักบุญเปาโลก็ดี หรือของพระศาสนจักรก็ดีกลับปลุกเร้าจิตใจของผู้คนและมีคนเลื่อมใสยึดถือปฏิบัติกันเป็นทิวแถวที่เราเรียกว่าคริสตชนอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าคำเทศน์ก็เพราะว่าคำเทศนานี้มีผลปรากฎออกมาจริงเป็นเครืองพิสูจน์ คือชีวิตของพระเยซูคริสต์และบรรดานักบุญ
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
- ข้อควรจำ
- พระสัญญาที่จะส่งพระผู้ไถ่มาไถ่กู้มนุษย์เริ่มปรากฏเป็นจริงเป็นจังเมื่อพระเยซูคริสต์บังเกิดมาและสำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในรหัสธรรมปัสกา
- รหัสธรรมปัสกาคือการไถ่กู้มนุษย์ให้พ้นบาปโดยอาศัยการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
- “ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้ทนทุกข์เพื่อท่าน ดังที่ข้าพเจ้าทนทุกข์อยู่ในขณะนี้ เพื่อกระทำให้ผลของการไถ่กู้ของพระเยซูคริสต์สมบูรณ์ไปในตัวข้าพเจ้า และในพระกายของพระองค์ คือ พระศาสนจักร” (คส. 1,24)
- เราทุกคนต้องผ่านการทรมาน ความตาย เพื่อจะได้บรรลุถึงการกลับฟื้นคืนชีพเหมือนพระเยซูคริสต์
- กิจกรรม จัดพิธีกรรมนมัสการไม้กางเขน นำไม้กางเขนมาตั้งเป็นประธาน
เพลงเริ่มพิธี “โกละโกธา”
- ข้าได้เข้าไปถึงที่โกละโกธา ด้วยข้าแบกบาปผิดแทบวิญญาณพัง
ที่นั้นข้าสำนึกว่าโลกนี้หมดหวัง จนได้พบทางแห่งโกละโกธา
- ที่โลกโกละโกธาได้ยินเสียงอ้อนวอน พระบิดาพระพักตร์เปี่ยมความเมตตา
ที่นั้นเป็นที่พ้นภัยของคนชั่วช้า ข้ากล้าเข้าไปด้วยน้ำตานองหน้า
- ที่นั้นข้าได้พบความรักอย่างซาบซึ้ง ทรงถูกตรึงทรมมานววรกาย
รอยบาดแผลเป็นที่ชำระลูกให้หาย ทุกข์มลายบาปผิดก็หลุดสิ้นไป
- พระองค์ทรงทุกข์ทรมานก็เพื่อข้า ข้าจึงสรร (ระ) เสริญพระองค์เป็นนิจ
บทอ่าน “กท. 6,14 – 16”
โอวาทสั้นๆ
ภาวนาของมวลชน
กราบไม้กางเขนทีละคน
เพลงปิดพิธี “กางเขนชัย”
รับ กางเขนชัยจะครองราชัย ช่วยเหลือเรามั่นนิรันดร์ไป
- โปรดทอแสงทองฉายส่องมาให้ชาวโลกาซาบซ่านใจ
กางเขนคือธารรักหลั่งไหล เคียงไปกับธารเสรีธรรม
- โปรดเถิดประทานความกล้าหาญ แก่ผู้พิการและยากไร้
กางเขนคือความหวังแห่งใจ นำเราเข้าใกล้องค์ทรงธรรม
- เชิญชวนมวลพี่น้องถ้วนหน้า พึ่งพาเข้าใกล้องค์ทรงธรรม
กางเขนคือความรอดปลอดภัย นำไปเมืองแมนพระบิดา