บทที่ 2 ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้เรียนมองพระเป็นเจ้าในมุมมอมใหม่ คือ ทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงพระทัยดี และอยากใกล้ชิดพระองค์เหมือนลูกกับบิดา
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 – 6 คน
ให้แต่ละกลุ่มปรึกษากันจัดงานวันพ่อ รายละเอียดของงานมีอะไรบ้างให้แล้วแต่กลุ่มจะตกลงกัน
เสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงทีละกลุ่ม โดยสมมุติให้คนหนึ่งเป็นพ่อ ที่เหลือเป็นลูก
หากมีเวลาไม่พอจะจับฉลากเลือกเอากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามผู้เรียนว่า
ทำไมจึงจัดงานวันพ่อให้พ่อ ?
พ่อมีความสำคัญอย่างไร ?
พ่อจะรู้สึกอย่างไรเมื่อลูกจัดงานวันพ่อให้ ?
สรุป พ่อมีความสำคัญต่อลูกมาก พอได้ยินคำว่าพ่อเราก็รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เพราะโดยธรรมชาติแล้วพ่อเป็นหลักของ ครอบครัว เป็นผู้ปกป้องคุ้มภัยให้ครอบครัว เราเรียกพ่อว่า “พ่อบังเกิดเกล้า”
ขั้นที่ 3 คำสอน
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเก่าจะเสนอภาพพระเจ้าที่ค่อนข้างเน้นหนักไปทางพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ทรงความยุติธรรม ทรงอำนาจ ทรงให้รางวัลคนดีทรงลงโทษคนชั่ว ชาวอิสราแอลจึงยำเกรงพระเป็นเจ้ามาก ไม่กล้าเอ่ยชื่อพระองค์ ไม่กล้าพูดกับพระองค์โดยตรง ต้องพูดผ่านทางประกาศก เช่นโมเสส เป็นต้น ไม่กล้ามองดูพระองค์เพราะเกรงว่าถ้าเห็นพระองค์แล้วจะต้องตาย
แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระเยซูคริสต์ทรงสอนว่า พระเป็นเจ้าทรงเป็นบิดาผู้พระทัยดี เปี่ยมด้วยความรัก มนุษย์ทุกคนคือลูกของพระองค์ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “มีพ่อคนไหนบ้างที่จะก้อนหินให้ลูกเมื่อลูกขอขนมปังหรือจะเอางูให้ลูกเมื่อลูกขอปลา............ในเมื่อพ่อ (ที่เป็นมนุษย์) ยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วสาอะไรกับพระเป็นเจ้า พระบิดาของท่านในสวรรค์ พระองค์มิยิ่งให้ของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์ดอกรึ ?” (มธ. 7,9 -11)
พระเยซูคริสต์ยังทรงแสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงพระทัยดีโดยเล่านิทานเปรียบเทียบเรื่อง “ลูกล้างผลาญ” ให้ฟังว่า “เมื่อลูกล้างผลาญเดินมาแต่ไกล บิดาแลเห็นก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปสวมกอด......แล้วสั่งคนใช้ว่ารีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้ลูกของเรา ไปเอาแหวนมาสวมนิ้วมือให้ แล้วไปเอาลูกวัวตัวอ้วนๆ มาฆ่าเลี้ยงฉลองกันเพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด เพราะลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นมาอีก หายไปแล้วแต่กลับได้พบกันอีก” (ลก. 15,20 – 24) ภาพนี้ค่อยๆเปิดเผยพระธรรมชาติแท้ของพระเป็นเจ้าออกมาให้เราเห็น คือ “พระเป็นเจ้าทรงเป็นความรัก” (1 ยน. 4,8)
พระเยซูคริสต์จึงทรงสอนเราให้รักพระเป็นเจ้าว่า “จงรักรพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจของท่าน ด้วยสุดความคิด และด้วยสุดกำลังของท่าน” (มก. 12,30) นี่คือพระบัญญัติเอกและเป็นพระบัญญัติแม่ของพระบัญญัติอื่นๆทั้งหมด พระเยซูคริสต์ทรงสอนบทภาวนาใหม่ให้เราใช้สวดต่อพระเป็นเจ้า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง น้ำพระทัยจงเป็นไปในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์..........” เป็นบทภาวนาของลูกต่อพระบิดาในสวรรค์ แล้วพระบิดาจะมิทรงฟังและโปรดตามที่เราขอหรือ ?
เมื่อพระเป็นเจ้าทรงเป็นบิดา เราทุกคนก็เป็นลูกของพระองค์ เรารักพ่อของเราอย่างไรเราก็ต้องแสดงความรักพระเป็นเจ้าอย่างนั้น ในชีวิตจริงของเราเราช่วยพ่อของเราทำงาน เราปรนนิบัติพ่อของเรา เช่น หาน้ำมาให้ดื่ม หยิบเสื้อผ้ามาให้ใส่ ช่วยพัดให้คลายร้อน ช่วยบีบนวดให้คลายเมื่อย ช่วยเป็นเพื่อนคุยกันให้หายเหงา ฯลฯ เราจงทำกับพระเป็นเจ้าพระบิดาของเราเช่นเดียวกัน คือปรนนิบัติ เช่น ไปวัดร่วมมิสซา ทำบุญให้ทานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ คุยกับพระองค์ โดยการสวดภาวนา เป็นต้น
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ข้อควรทำ 1. ในเมื่อพ่อที่เป็นมนุษย์ยังรู้จักรให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วสาอะไรกับกับบิดาของท่านในสวรรค์ พระองค์มิยิ่งให้ของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์ดอกรึ ? “(มธ. 7,11)
2. “พระเป็นเจ้าทรงเป็นความรัก” (1 ยน. 4,8)
3. เราแสดงความรักต่อพระเป็นเจ้าพระบิดาของเราโดยถือตามพระบัญญัติ เช่น ไปวัดร่วมมิสซา ทำบุญทำทาน ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ คุยกับพระองค์ด้วยการสวดภาวนา
กิจกรรม ร้องเพลง “ข้าแต่พระพระบิดา”
ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
พระองค์สถิตในสวรรค์
พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัย
ในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์
ขอประทานอาหารประจำวัน
แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
โปรดยกโทษข้าพระเจ้า
เหมือนข้าพเจ้ายกให้ผู้อื่น
อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าถูกประจญ
แต่โปรดช่วยให้พ้นภัย อาแมน.
ไปร่วมมิสซาวันอาทิตย์โดยชวนเพื่อนๆ ไปด้วย
การบ้าน ประดิษฐ์อักษร “พระบิดา” ตัวใหญ่ๆ ระบายสีให้สวยงาม