คำสอนเรื่องความโมโห (Anger)
ความโมโหเป็นอารมณ์ของวิญญาณที่นำเราไปสู่การผลักไสทุกสิ่งที่ทำร้ายหรือทำให้เราไม่พอใจ. อารมณ์นี้มาจากปีศาจ เป็นการแสดงว่าเราตกอยู่ในเงื้อมมือของมัน มันเป็นผู้ควบคุมหัวใจของเรา เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังของอารมณ์ และทำให้เราเต้นไปตามความพอใจของมัน ดังนั้นผู้ที่ตกอยู่ในตัณหานี้ก็เป็นเหมือนกับหุ่นกระบอก ทำให้ผู้นั้นไม่ทราบว่าถึงสิ่งที่ตนพูดหรือสิ่งที่ตนกระทำ เพราะปีศาจเป็นผู้นำของเขาโดยสิ้นเชิง. คนขี้โมโหมองทุกสิ่งขวางหูขวางตาไปหมด ผมของเขาชี้ตั้งขึ้นคล้ายกับขนเม่น นัยตาก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าเหมือนกับแมงป่อง หรือสิงโตที่กำลังโกรธจัด...
ลูกรัก ทำไมเราจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น? เป็นสภาพที่น่าสมเพชมิใช่หรือ? ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราไม่รักพระเจ้าผู้พระทัยดี เรายกหัวใจของเราให้ปีศาจแห่งความจองหองไป เป็นปีศาจที่โกรธแค้นเมื่อมันคิดว่ามันถูกเหยียดหยาม เรายกหัวใจของเราให้ปีศาจแห่งความโลภ เป็นปีศาจที่หัวเสียเมื่อสมบัติบางอย่างสูญหายไป เรายกหัวใจของเราให้ปีศาจแห่งความฟุ่มเฟือย เป็นปีศาจที่เคืองแค้นเมื่อถูกขัดจังหวะขณะที่พวกมันกำลังสนุกสนานอยู่...
ลูกรัก เรารู้สึกเป็นทุกข์มากขนาดไหนที่ตกเป็นของเล่นสำหรับปีศาจประเภทต่างๆ? พวกมันเลือกทำกับเราตามใจชอบ พวกมันแนะนำให้เราพูดจาส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น ก่อให้เกิดความเกลียดชังขึ้น และการแก้แค้น พวกมันทำได้ถึงกับให้เราฆ่าผู้อื่น ดังตัวอย่างเรื่องกาอินที่ฆ่าอาแบลน้องชายเพราะความอิจฉาริษยา และกษัตริย์ซามูแอลที่มีพระประสงค์จะฆ่าดาวิด หรือเรื่องจักรพรรดิโรมันเธโอโดซีอุส (Theodosius : 347-395) ผู้สั่งประหารชีวิตชาวเมืองเธสสะโลนิการาว 7000 คนที่เข้าไปชมการแสดงในสนามประลองในปี 390 ทั้งนี้เพราะพวกเขากลุ่มหนึ่งก่อการจราจลฆ่านายทหารชาวโกธิคที่อยู่ใต้บัญชาของพระองค์ ทำให้พระองค์โกรธมากเพราะเสียหน้าจึงสั่งฆ่าทุกคนที่อยู่ในสนามประลอง... ความโมโหแม้จะไม่ถึงกับฆ่าผู้อื่น แต่ก็ทำให้รู้สึกโกรธ, สาปแช่งและอยากให้ผู้ที่ทำให้เราโกรธตาย เมื่อเราโมโห เราด่าว่าพระนามของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวว่าเป็นความผิดของพระญาณสอดส่อง...
ลูกรัก สิ่งที่น่าสมเพชยิ่งกว่านั้นคือ บางครั้งความโมโหของเรายังพาลไปหาเรื่องกับผู้อื่นอีกด้วยวาจา เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเชื่อของเราหายไปไหนหมด? เหตุผลของเราอยู่ที่ไหน? เมื่อหายโกรธ เรามักจะไปโทษการกระทำของเราว่า เป็นเพราะความโกรธทำให้เรากล่าวคำสบถต่างๆ ทั้งที่จริงการทำบาปข้อหนึ่งมิใช่ข้อแก้ตัวที่จะไปทำบาปอีกข้อหนึ่งเลย พระเจ้าผู้พระทัยดีทรงลงโทษความโมโหหนักเท่ากับลงโทษความผิดอื่นที่เกิดจากความโมโหนั้น... การทำเช่นนี้ทำให้อารักขเทวดาของเราเศร้าใจ! ท่านอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลาและเป็นผู้ให้ความคิดที่เป็นประโยชน์แก่เรา แต่ท่านก็ไม่เห็นว่าเราได้นำคำแนะนำที่ดีของท่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย
หากเราทำตามแบบอย่างของนักบุญเรมีจีอัส (Remigius : 437-533 พระสังฆราชแห่งเมืองแร็งส์ ผู้โปรดศีลล้างบาปแก่กษัตริย์ Clovis I มีผลทำให้ชาวฟรังก์กลับใจเป็นคาทอลิกทั้งประเทศ ) เราก็คงจะเลิกโมโหตลอดไป นักพรตแห่งทะเลทรายท่านหนึ่งถามท่านว่า ท่านทำตนอย่างไรจึงไม่เคยโกรธเลย ท่านตอบว่า “พ่อคิดอยู่บ่อยครั้งว่า อารักขเทวดาของพ่ออยู่เคียงข้างพ่อเสมอ อารักขเทวดาช่วยเหลือพ่อทุกอย่าง เป็นผู้แนะนำสิ่งที่พ่อควรทำและควรพูด และเป็นผู้จดบันทึกกิจการทุกอย่างที่พ่อได้ทำไป”
ค่ำวันหนึ่งกษัตริย์ฟีลิปที่สองแห่งสเปน (1527-1598) ทรงใช้เวลาหลายชั่วโมงทรงพระอักษรถึงสมเด็จพระสันตะปาปา เมื่อเสร็จ ก็ส่งให้เลขานุการพับและประทับตรา ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว เลขานุการง่วง มากและแทนที่จะหยิบตราประทับกลับไปหยิบขวดหมึกประทับตรา ทำให้จดหมายทั้งฉบับเปื้อนหมึกไปหมด เลขานุการรู้สึกอับอายมากและเป็นทุกข์อย่างหนัก แต่กษัตริย์ฟีลิปกลับตรัสด้วยน้ำเสียงที่มิได้แสดงความกริ้วเลยว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงนัก ยังมีกระดาษเปล่าเหลืออยู่” จากนั้นพระองค์ก็ทรงพระอักษรใหม่อีกครั้งหนึ่งตลอดเวลาที่เหลือในคืนนั้นโดยมิได้แสดงอาการหงุดหงิดหรือโกรธเคืองเลขานุการของพระองค์เลย
**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก http://saints.sqpn.com/saint-mary-vianney-on-anger/