ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

นักบุญฟรังซิส บุรุษผู้รักสันติ

             วันหนึ่งขณะที่กำลังฟังพระวรสารของนักบุญมัทธิว เรื่องการส่งอัครสาวกออกไปประกาศข่าวดี (มธ. 10:9-10) ฟรังซิสขอให้พระสงฆ์อธิบายความหมายของพระวาจาตอนนี้ให้ฟัง พอเขาเข้าใจชัดเจนว่า ศิษย์ของพระคริสต์ต้องไม่ครอบครองเงินทองหรือทรัพย์สิน เขาจึงอุทานว่า   “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการและปรารถนาที่จะทำ” เขาจึงสละรองเท้าและไม้เท้า เหลือเพียงเสื้อคลุมและเชือกที่รัดเอาไว้เพียงเส้นเดียว เขาเริ่มประกาศให้ทุกคนใช้โทษบาปด้วยภาษาซื่อ ๆ ง่าย ๆ ที่ชนะใจคนฟัง โดยทุกครั้งจะเริ่มต้นด้วยคำว่า “ขอพระเจ้าทรงประทานสันติแก่พวกท่าน”

 

          ฟรังซิสมักจะทักทายพี่น้องตามท้องถนนว่า “สันติภาพและความดี” เมื่อเข้าไปในบ้านใดก็ตามก่อนที่เขาจะกล่าวคำอื่นใดก็จะกล่าวคำว่า “สันติสุขจงมีแด่บ้านหลังนี้” ซึ่งในขณะที่เขาพยายามปฏิบัติสันติภาพในหมู่พี่น้อง สงครามภายในเมือง ระหว่างเมือง ระหว่างประเทศและสงครามครูเสดก็เกิดขึ้นมากมาย ฟรังซิสพยายามแก้ไขข้อพิพาทและฟื้นฟูบรรยากาศแห่งสันติภาพอยู่เสมอ เพราะเขาเคยประสบภัยสงคราม เขารู้ดีว่าผู้อ่อนแอคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุด คำภาวนาเพื่อสันติภาพจึงเกิดขึ้น "ขอทำให้ฉันเป็นเครื่องมือแห่งสันติสุขของพระองค์" ฟรังซิสพร้อมจะเป็น "เครื่องมือแห่งสันติภาพ" ในทุก ๆ ที่

 

           การเดินทางไกลไปพบกับสุลต่านเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของเขาในการสร้างสันติภาพ เขาเดินทางไปอยู่ที่เมืองดาเอ็ตตา ประเทศอียิปต์ ซี่งกำลังถูกล้อมด้วยกองทัพของพวกครูเสด ความพยายามของท่านเพื่อที่จะขอร้องให้พวกเขายุติแผนการสงคราม อันจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับคริสตชนและพวกครูเสด แต่สงครามก็ได้ระเบิดขึ้นอย่างดุเดือด พวกครูเสดเป็นฝ่ายแพ้และสูญเสียนักรบถึง 5,000 คน เมื่อสงครามเสร็จสิ้นลงฟรังซิสพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคนได้ไปยังสนามรบของพวกซาราเซน โดยเสี่ยงที่จะถูกฆ่าตาย ทั้งสองคนถูกจับและถูกข่มเหง แต่ก็รอดตัวมาได้ เมื่อฟรังซิสตะโกนขึ้นว่า “Soldan Soldan” (สุลต่าน) ทันทีที่พวกเขาถูกนำตัวไปปรากฏต่อหน้าเมเลค เอล คาเมล สุลต่านแห่งอียิปต์ ซึ่งทรงปรารถนาจะทราบว่าพวกท่านไปที่นั่นทำไม ฟรังซิสตอบอย่างง่าย ๆ และสุภาพว่า “กระหม่อมถูกส่งมาจากพระเจ้าสูงสุด มิใช่จากมนุษย์คนใดให้มายังโลก เพื่อแสดงหนทางแห่งความรอดให้แก่พระองค์และแก่ประชากรของพระองค์และเพื่อประกาศความจริงแห่งพระวรสารของพระคริสตเจ้า” สุลต่านทรงรู้สึกชื่นชมในบุคลิกภาพของฟรังซิสและทรงอนุญาตให้ท่านปราศรัยกับผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์ ฟรังซิสปฏิบัติตามแต่ไม่ได้รับผลในแง่บวกเลย อย่างไรก็ตาม การพูดให้ชาวมุสลิมละทิ้งศาสนาอิสลาม และหันมาโอบรับศาสนาอีกศาสนานั้น เป็นการกระทำที่ไม่กลัวตาย ซึ่งมีแต่ความซื่อบริสุทธิ์ซึ่งก็มีแค่เพียงฟรังซิสเท่านั้นที่ทำได้  เมื่อทราบแน่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะใจชนหมู่นี้ให้ยอมรับพระวรสาร ท่านจึงตัดสินใจไปจากที่นั่น เพื่อเป็นการปลอบใจท่าน สุลต่านได้ประทานของขวัญให้เป็นขบวน มีทั้งทอง เงิน ฟรังซิสไม่ยอมแม้แต่จะรับรู้ว่ามีอะไรบ้างและเดินทางจากไป ทันที สุลต่านรู้สึกน้อยพระทัย ทรงประทับยืนขึ้นแล้วดำเนินตามฟรังซิสไปตรัสว่า “อย่าลืมคิดถึงเราในคำภาวนาด้วย”

             แม้ว่าการกลับใจใหม่ไม่เกิดขึ้น แต่มิตรภาพเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่มีพื้นฐานมาจากการยอมรับซึ่งกันและกันและยอมรับในความหลากหลายซึ่งถือเป็นการเคารพผู้อื่นในฐานะบุคคลเป็นอันดับแรก สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการพบปะคือความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเรียบง่าย ความเคารพ และการยกย่องให้เกียรติกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ช่วยสร้างสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นธรรมชาติมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเมื่อคิดถึงสันติภาพ อัสซีซีคือสถานที่ที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการสร้างสันติภาพ

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์