ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2011
ความสุภาพอ่อนโยน
(มัทธิว 11:25-30)
           พระวาจาที่น่าประทับใจในวันอาทิตย์นี้ขอเลือกคำที่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันถึงพระคุณลักษณะของพระองค์เองที่ว่า “เรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ.11:29)
             “ความสุภาพอ่อนโยน” เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่ค่อยๆหายไปจากคนไทยเราในปัจจุบัน ทุกวันนี้คนเราชอบใช้ความรุนแรงมากกว่าความสุภาพถ่อมตน เราเห็นเด็กๆและเยาวชนกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือต่อปากต่อขานกับผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยท่าทางที่ดุดัน และคำพูดที่ก้าวร้าว ภาพเช่นนี้เราพบเห็นได้ในวงสนทนาประจำวัน การปราศรัยบนเวทีการเมืองต่างๆ และเป็นต้นจากบทละครโทรทัศน์ที่มีให้ชมทุกเช้าค่ำ เช่น การด่าท้อ การโต้เถียง การตบตีทำร้ายร่างกายกัน การแสดงความไม่พอใจด้วยการทำลายข้าวของ ฯลฯ


         พฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ช่างตรงกันข้ามกับคำสอนของพระเยซูเจ้าที่เราได้รับฟังในวันนี้ “จงมาพบเราเถิด” เพราะ “เรามีใจสุภาพและถ่อมตน” 

      พระแบบฉบับของพระเยซูเจ้าที่แสดงถึงความสุภาพอ่อนโยนของพระองค์เราพบได้จากเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับหญิงที่ถูกจับได้ขณะผิดประเวณี พระองค์ไม่ได้แสดงความสุภาพเพราะนั้นคือผู้หญิง พระองค์ไม่ได้ทรงตะโกนโวกเวกหรือร้องประจาน แต่พระองค์ทรงก้มลงเขียนอะไรบางอย่างลงบนพื้นทราย การกระทำอย่างสุภาพของพระองค์ทำให้บุคคลอื่นๆรู้สึกอับอายที่ได้แสดงอาการซ้ำเติมต่อคนที่กระทำผิด เช่นเดียวกัน พระบุคลิกของพระองค์แสดงออกด้วยการเล่าเรื่องเปรียบเทียบเรื่องลูกแกะที่หายไป เมื่อพบแกะที่หายไปนั้น เจ้าของไม่ได้ทุบตีหรือลงโทษ หรือฉุดกระชากลากเข็น แต่ตรงกันข้ามกลับอุ้มขึ้นแล้วแบกใส่บ่าพากลับบ้าน เรายิ่งเห็นถึงหัวใจที่แท้จริงของพระองค์ด้วยเรื่องบิดาผู้ใจดี หรือลูกล้างผลาญ เมื่อลูกสำนึกผิดเดินทางกลับมาบ้าน ผู้เป็นพ่อไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวหรือประชดประชัด แต่กลับวิ่งออกไปต้อนรับด้วยความยินดี

      พระวรสารในวันนี้จึงเป็นการเชิญชวนเราทุกคนให้เข้าหาพระเยซูเจ้าเพื่อเรียนรู้และเลียนแบบพระองค์ เพราะพระองค์มีใจ “สุภาพและถ่อมตน”

นี่แหละเป็นข่าวดีและแนวการดำเนินชีวิตประจำสัปดาห์นี้
ข้อแรก เราต้องพบปะผู้คนด้วยความสุภาพถ่อมตน การใช้คำพูดที่ให้เกียรติและด้วยความเคารพ
ข้อที่สอง เมื่อมีใครกระทำผิดต่อเรา ให้เรากระทำเหมือนกับพระเยซูเจ้ากับหญิงที่ทำผิดคนนั้น คือ ให้ความเห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ ไม่ตอกย้ำความผิด ไม่ซ้ำเติม ให้โอกาสเพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
-----------------------

นิทานอิสป : เรื่องแสงแดดกับสายลม
         วันหนึ่งมีเหตุที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นระหว่างแสงแดดกับสายลม ว่าใครจะเก่งกว่ากัน
         ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางไปหมู่บ้านหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ดูมิดชิด แสงแดดพูดกับสายลมว่า “ใครสามารถทำให้ชายคนนี้ถอดเสื้อคลุมออกไปเร็วที่สุด คนนั้นเป็นผู้ชนะ”

          สายลมไม่เพียงแต่เห็นด้วยเท่านั้น แต่ขอเป็นฝ่ายแรกที่จะทำให้ชายคนนี้ถอดเสื้อคลุมออกให้จงได้ เขาเริ่มพัดโหมกระหน่ำใส่ชายคนนี้ ยิ่งโหมลมแรงเท่าไร ชายคนนี้ยิ่งดึงเสื้อให้กระชับตนเองมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งแรงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งซุกตนเองไว้ภายใต้เสื้อคลุมใหญ่ของเขา จนที่สุดสายลมก็หมดแรงกระพือ โยนผ้าขอยอมแพ้

         ถึงทีของแสงแดดบ้าง แสงแดดค่อยๆแผ่ความร้อนของเขาเข้าใส่ชายคนนี้ ทีละเล็กทีละน้อย แสงแดดค่อยๆเพิ่มความร้อนขึ้นโดยที่ชายคนนี้ไม่ทันสังเกต จนที่สุดแสงแดดเริ่มแรงขึ้นจนทำให้ชายคนนี้เกิดความร้อนจนเหงื่อไหลท่วมตัว ชายคนนี้ทนต่อไปไม่ได้จึงถอดเสื้อคลุมออก

         อีสปได้สรุปบทสอนจากเรื่องนี้ว่า การใช้ความนิ่มนวลอ่อนโยนจะทำให้เกิดผลสำเร็จมากกว่าการใช้ความรุนแรง
(เค้าโครงเรื่องบทเทศน์จาก Mark Link, SJ)

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์