บทเรียนที่ 2 เดือนกันยายน 1994 หัวข้อเรื่อง ตัวของฉัน จุดมุ่งหมาย เพื่อนักเรียนรู้จักพิจารณาร่างกายของตนเอง เห็นคุณค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้ และรู้จักทะนุบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรงมีสุขภาพีเพื่อจะได้ใช้สรรเสริญพระเจ้า |
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
1. ให้นักเรียนเพ่งตามองดูสิ่งที่ครูเตรียมมา (เช่น ภาพวิว ดอกไม้สีต่างๆ รูปปั้น ฯลฯ) สัก 2 นาที เสร็จแล้วให้รายงานว่าเห็นอะไรบ้าง สวยหรือไม่สวย อย่างไร?
2. ให้นักเรียนฟังเสียงเพลงจากวิทยุเทปที่ครูเตรียมมา เสร็จแล้วให้ทายว่าเป็นเพลงอะไร ใครร้อง ไพเราะหรือไม่?
3. ให้นักเรียนเอามือคลำที่หน้าอกของตนตรงตำแหน่งหัวใจ สัมผัสการเต้นของหัวใจลองนับดูว่าเต้นช้า เร็วอย่างไร?
4. ให้นักเรียนหายใจยาวๆ สัก 4-5 ครั้ง กลั้นหายใจยาวๆ เสร็จแล้วบอกความรู้สึกที่พบว่าเป็นอย่างไร?
5. เล่าเรื่องของคนพิการให้เด็กฟัง
“เรื่อง คนจมูกอี้”
โจรคนหนึ่ง ตั้งตัวเป็นหัวหน้าหมู่โจร เขาได้คัดเลือกสมุนไว้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างก็เป็นคนจมูกอี้ทั้งสิ้น เนื่องจากตัวเขาก็จมูกอี้เหมือนกัน วันหนึ่งโจรกลุ่มนี้ได้ไปปล้นบ้านของชายผู้มีอันจะกินคนหนึ่ง โดยที่หัวหน้าโจรก็ไม่ทราบว่าเจ้าของบ้านก็เป็นคนจมูกอี้เหมือนกับตนเอง พอไปถึง หัวหน้าโจรก็ร้องสั่งลูกน้องด้วยเสียงอันดังอู้อี้ว่า “เอ๊ย ไอ้ เอื๋อ อุก” พอสิ้นเสียงสั่งของหัวหน้าโจร ก็มีเสียงดังมาจากบนบ้านผู้มีอันจะกินคนนั้นว่า “อั๋น อัว แอ๊ว อ้า อ่า อำ อั๋น เอย อะ เอา อะ ไอ อ้า เอา ไอ เออะ”
เมื่อหัวหน้าโจรได้ยินก็รู้ว่า ตนเข้าปล้นคนพิการแบบเดียวกันกับตน จึงเปลี่ยนใจไม่เข้าปล้น ดังนั้นจึงร้องตะโกนสั่งลูกน้องทันที “เอ๊ย ไอ้ เอื๋อ อ๋อย อ้วก เอียว อัน โอ๊ย” เสียงบนบ้านก็ตอบกลับมาว่า “ออบ ไอ อ้า”
ต่อมาโจรกลุ่มนี้ก็ถูกตำรวจล้อมจับได้ในขณะกำลังเข้าปล้นบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง เสียงตำรวจนายหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “ไอ้ เอื๋อ อุด ออม ไอ้ อับ เอี๋ย อี อี” หัวหน้าโจรก็ตอบกลับมาว่า “เอิน เอี๋ย เออะ ไอ้ อี อัน ออม ออก” ดังนั้น ตำรวจจึงรุมจับและยิงลูสมุนโจรตายไปหลายคน หัวหน้าโจรถูกจับโดยละม่อม ก่อนเข้าห้องขัง หัวหน้าโจรพูดกับนายตำรวจนายนั้นว่า “ไอ้ อ้า อับ อู เอย เอา อัน อ้อ อ้วก เอียว อัน”
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามนักเรียนว่า กิจกรรมที่ผ่านไปนั้นเกี่ยวข้องกับอวัยวะส่วนไหนของร่างกายบ้าง
1. นักเรียนมองเห็น โดยอาศัยตา
2. นักเรียนได้ยินเสียง โดยอาศัยหู
3. นัเรียนสัมผัสการเต้นของหัวใจ โดยอาศัยมือ
4. นกัเรียนหายใจได้ โดยอาศัยจมูก
5. นักเรียนพูดได้ โดยอาศัยปาก
6. นักเรียนเห็นรูปร่างและส่วนประกอบของ มือ เท้า แขน ขา ใบหน้า จมูก ฯลฯ ทั้งหมดนี้รวมเรียกว่า “ร่างกาย” หรือ “ตัวของฉัน” ซึ่งฉันมีมาแต่กำเนิด ที่ฉันมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ และที่ฉันมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเสียด้วยก็เพราะฉันมีร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานเป็นปกติ
จงดูคนพิการ ตาบอด หูหนวก หัวใจพิการ ปอดอักเสบ มือกุด จมูกอี้ เท้าด้วน แขนขาด ขาเป๋ ใบหน้าเสียโฉม ฯลฯ ซึ่งทั่วโลกกำลังคิดถึงอยู่เป็นพิเศษ ฉันมิได้เป็นคนพิการ หรืออาจเป็นก็เพียงแต่เล็กๆ น้อยๆ ฉันจึงมิได้รู้สึกว่าคนพิการคืออะไร มันลำบากอย่างไร การสูญเสียอวัยวะแต่ละส่วนมันทารุณแค่ไหน ฉันจะรอให้เป็นคนพิการเสียก่อนจึงจะรู้สึกถึงคุณค่าของร่างกายของฉันหรือ?
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. พระเป็นเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งโดยเพียงตรัสแต่คำเดียว สรรพสิ่งก็มีมา แต่พอมาถึงมนุษย์พระองค์ทรงพิถีพิถันมาก ทรงปั้นร่างกายมนุษย์ด้วยดินก่อน แล้วระลายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเกิดมีชีวิตขึ้นมา (ปฐก 2:7) แสดงว่ามนุษย์นี้ประเสริฐกว่าสิ่งสร้างอื่นๆ และร่างกายของมนุษยืก็ประเสริฐยิ่งนักเพราะพระเป็นเจ้าได้ทรงบรรจงปั้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองคืเอง
2. ร่างกายของเราน่าพิศวงยิ่งนัก แต่ละชิ้นแต่ละส่วนล้วนละเอียดพิศดารอย่างที่ไม่มีใครที่ไหนสามารถสร้างหรือเลียนแบบได้ เช่น
ตา ที่มีระบบการมองเห็นที่น่าทึ่ง สามารถปรับตัวเองได้ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปอัตโนมัติยี่ห้อใดๆ ถ้าเสียแล้วก็ไม่มีทางซ่อมได้
หู ซึ่งสามารถฟังเสียงต่างๆ รอบทิศ และสามารถแยกแยะเสียงต่างๆ ว่าเป็นเสียงอะไรได้อย่างน่าอัศจรรย์
จมูก ก็สามารถรับกลิ่น และบอกได้ว่าเป็นกลิ่นอะไรโดยอาศัยประสาทที่ละเอียดอ่อน
ปาก ใช้ทั้งพูด ทั้งกิน สามารถสื่อความหมายชนิดที่สิ่งสร้างอื่นๆ ต้องชิดซ้ายทั้งยังสามารถให้สุ่มเสียงต่างๆ ได้นับไม่ถ้วนโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาช่วยเลย
3. พระเป็นเจ้าทรงสร้างร่างกายของเราขึ้นมาเพื่อใช้สรรเสริญพระองค์ก่อนอีนหมด เป็นการขอบพระคุณพระองค์พระผู้สร้าง เราจึงพึงใช้ตาชมความสวยงาม ความดี แล้วยกจิตใจขึ้นหาพระเป็นเจ้า ใช้หูฟังสำเนียงไพเราะในธรรมชาติ แล้วร่วใจสรรเสริญพระองค์ ใช้จมูกสูดกลิ่นหอมหวนของดอกไม้ แล้วคิดถึงพระผู้สร้างขึ้นมา ใช้ปากเอ่ยวาจาสรรเสริญพระองค์ด้วยการสวดภาวนา ร้องเพลงสดุดี
4. มนุษย์เป็นจำนวนมากใช้ร่างกายทำผิดต่อพระเป็นเจ้า เช่น ใช้ตาดูถูก เย้ยหยันเพื่อนมนุษยื หรือมองดูสิ่งอจาดตา ใช้หูฟังเสียงยั่วยวน ด่าแช่ง เยาะเย้ยเพื่อนมนุษย์ ใช้จมูกดมกลิ่นคาวราคี กระตุ้นราคะตัณหา ใช้ปากพูดสกปรก โป้ปดมดเท็จ ด่าแช่ง สบประมาท พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าตาข้าขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย.....ถ้ามือขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิดจงตัดมันทิ้งเสีย เพราะถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ยังดีกว่าตัวท่านจะต้องลงนรก” (มธ 5:29-30) แสดงให้เห็นว่าเราจะต้องรู้จักควบคุมตัวเราเอง ไม่ปล่อยให้มันละเลิงหลงผิดไปตามกระแสของโลก
5. สุดท้ายเรายังต้องดูแลรักษาสุขภาพของร่างกายของเราด้วย เพื่อให้มันแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ เพราะร่างกายเป็นของประทานจากพระเป็นเจ้า เราต้องหมั่นกินอาหาร ออกกำลังกาย เยียวยารักษาเมื่อเจ็บป่วย และไม่เสี่ยงอันตรายที่จะทำให้ร่างกายพิการหรือสูญเสียชีวิต ร่างกายนี้จะคู่กับวิญญาณไปรับรางวัลหรือโทษในชีวิตหน้าด้วย
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจดจำ
1. เราต้องรักและเอาใจใส่ดูแลร่างกายเพราะร่างกายเป็นของประทานมาจากพระเป็นเจ้า เพื่อใช้สรรเสริญพระองค์และรับใช้เพื่อนมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นการรักตัวเองยังเป็นเครื่องวัดความรักต่อผู้อื่นด้วย
2. เราต้องหมั่นกินอาหาร ออกกำลังกาย รักษาความสะอาด พักผ่อน เยียวยารักษาเมื่อเจ็บป่วย และต้องหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะทำให้ร่างกายพิการหรือสูญเสียชีวิต ร่างกายนี้จะคู่กับวิญญาณไปรับรางวัลหรือโทษในชีวิตหน้าด้วย
3. เราต้องใช้ร่างกายสรรเสริญพระเป็นเจ้าก่อนอื่นหมด เช่น เราใช้ตาชมความสวยงาม ความดี แล้วยกจิตใจขึ้นหาพระเป็นเจ้า ใช้หูฟังสำเนียงไพเราะในธรรมชิตแล้วร่วมใจสรรเสริญพระองค์ ใช้จมูกสูดกลิ่นหอมหวนของดอกไม้แล้วคิดถึงพระผู้สร้างขึ้นมา ใช้ปากเอ่ยวาจาสรรเสริญพระองค์ด้วยการสวดภาวนา ร้องเพลงสดุดี
ข. หัดร้องเพลง “ดวงตาน้อยๆ นี้”
ค. เชิญชวนนักเรียนให้ร่วมกันขอบใจพระเป็นเจ้าดังนี้
ครูก่อ “พระเป็นเจ้าประทานดวงตาให้แก่เรา”
นักเรียนรับ (ขับร้อง) “จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี”
ครูก่อ “พระเป็นเจ้าประทานหูให้แก่เรา”
นักเรียนรับ (ขับร้อง) “จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี”
ครูก่อ “พระเป็นเจ้าประทานแขนให้แก่เรา”
นักเรียนรับ (ขับร้อง) “จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี”
ครูกล่าวนำเรื่อยๆ ไป ทีละอย่างตามแต่จะเห็นสมควร และให้นักเรียนรับทีละตอน
ง. นำนักเรียนเล่นกีฬา เป็นการออกกำลังกาย เช่น วิ่งเปี้ยว ชิงธง ลิงชิงหลัก เล่นพอสมควรแก่เวลาจบลงด้วยร้องเพลง “ดวงตาน้อยๆ นี้” อีกครั้ง
การบ้าน ให้นักเรียนเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของร่างกาย ให้สะอาดอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย