พระเจ้าทรงทำให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ จากความอ่อนแอ ความผิดพลาด และความบาป
ให้พระวาจาพระเจ้าเป็นกำลังใจและแนวทางแก่เรา
พระยาห์เวห์ตรัสตอบว่า “เราจะบันดาลให้ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเราปรากฏต่อหน้าท่าน และเราจะประกาศนามยาห์เวห์ของเราต่อหน้าท่าน เราจะโปรดปรานผู้ที่เราต้องการจะโปรดปราน และเราจะเมตตากรุณาผู้ที่เราต้องการจะเมตตากรุณา” (อพย. 33:19)
พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า ‘อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา พระยาห์เวห์ไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทรงมองจิตใจ’ (1ซมอ. 16:7)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเพราะพระทัยดีของพระองค์ พระยาห์เวห์ทรงความดีและทรงเที่ยงธรรม พระองค์จึงทรงสอนทางให้คนบาป (สดด. 25:8)
จงมอบงานของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ และแผนงานของท่านจะสำเร็จ (สภษ. 16:3)
หนทางของผู้ชอบธรรมก็ตรง พระองค์ทรงทำให้ทางเดินของผู้ชอบธรรมราบเรียบ (อสย. 26:7)
เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด เรานำความสุขและสร้างภัยพิบัติ เราคือพระยาห์เวห์ เราทำทุกสิ่งเหล่านี้ (อสย. 45:7)
ใช่แล้ว เรารู้แผนการที่เราวางไว้สำหรับท่าน เป็นแผนการที่นำความเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่นำเหตุร้าย เพื่อให้อนาคตของท่านมีความหวังเต็มเปี่ยม—พระยาห์เวห์ตรัส (ยรม. 29:11)
พระองค์ทรงมีแผนการยิ่งใหญ่ และทรงพระอานุภาพทำให้แผนการนั้นสำเร็จ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นวิถีทางทุกอย่างของมนุษย์ ประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา และตามที่การกระทำควรได้รับ (ยรม. 32:19)
ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด (มธ. 5:48)
เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้ (ลก. 1:37)
พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตนิรันดร (ยน. 3:16)
แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป (รม. 5:8)
อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี และสิ่งใดเป็นที่พอพระทัยอันสมบูรณ์พร้อมของพระองค์ (รม. 12:2)
ท่านได้รับการชำระล้างแล้ว ท่านได้รับความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านได้รับความชอบธรรมแล้วเดชะพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และเดชะพระจิตของพระเจ้าของเรา (1คร. 6:11)
เราแบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูเจ้าจะปรากฏอยู่ในร่างกายของเราด้วย (2คร. 4:10)
พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ” (2คร. 12:9)
พี่น้องทั้งหลาย จงชื่นชมเถิด จงปรับปรุงตนให้ดีพร้อม จงให้กำลังใจกัน จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงดำเนินชีวิตอย่างสันติ แล้วพระเจ้าแห่งความรักและสันติจะสถิตอยู่กับท่าน (2คร. 13:11)
ข้าพเจ้าถูกตรึงกางเขนกับพระคริสตเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ตัวข้าพเจ้าอีกต่อไป แต่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในตัวข้าพเจ้าชีวิตที่ข้าพเจ้ากำลังดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ (กท. 2:20)
เราเป็นผลงานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ (อฟ. 2:10)
ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า (ฟป. 4:13)
พระเจ้ามิได้ทรงเรียกเราให้มาเป็นคนสกปรกลามก แต่ให้เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ (1ธส. 4:7)
พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา (2ทธ. 1:7)
โดยอาศัยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่กำลังรับความศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ตลอดไป (ฮบ. 10:14)
จงพยายามอยู่อย่างสันติกับทุกคน จงมีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจำเป็นเพื่อจะได้เห็นพระเจ้า (ฮบ. 12:14)
จงพากเพียรให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่มีสิ่งใดบกพร่อง (ยก. 1:4)
แต่จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความประพฤติทุกประการตามแบบฉบับขององค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงเรียกท่าน (1ปต. 1:15)