จงไปและเชิญทุกคนให้มาร่วมงานเลี้ยงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เชิญมารับพระวาจาพระเจ้าเพื่อเตรียมตัวเราให้พร้อมในการเข้าร่วมงานเลี้ยงกับพระองค์
ในทำนองเดียวกัน พระองค์ทรงช่วยท่านให้พ้นความทุกข์ยาก มารับความสะดวกสบายไม่ถูกบีบคั้น โต๊ะของท่านมีแต่อาหารเลิศรสกองสุมอยู่ (โยบ 36:16)
พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารไว้สำหรับข้าพเจ้า ต่อหน้าเหล่าศัตรู ทรงเทน้ำมันเจิมศีรษะของข้าพเจ้า ทรงเทเครื่องดื่มลงในถ้วยของข้าพเจ้าจนล้นปรี่ (สดด. 23:5)
ข้าพเจ้าจะอิ่มประดุจได้กินอาหารอันโอชะในงานเลี้ยง ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี (สดด. 63:5)
พระองค์ประทานน้ำให้ผู้กระหายดื่ม ประทานอาหารดีๆ ให้ผู้หิวโหยกินจนอิ่ม (สดด. 107:9)
ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟัง ท่านจะได้กินผลดีของแผ่นดิน (อสย. 1:19)
พระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลอง สำหรับประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มีเหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว (อสย. 25:6)
ท่านทั้งหลายที่กระหาย จงมาดื่มน้ำแม้ผู้ไม่มีเงิน จงมาเถิด จงมาซื้อและกิน แม้ไม่มีเงิน จงมาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนมโดยไม่ต้องเสียเงิน (อสย. 55:1)
ทำไมท่านต้องเสียเงินสำหรับสิ่งที่ไม่ใช่อาหารและใช้ค่าจ้างแรงงานเพื่อซื้อสิ่งที่ไม่ทำให้อิ่ม จงตั้งใจฟังเรา แล้วท่านจะได้กินสิ่งดี จะลิ้มอาหารรสอร่อย (อสย. 55:2)
เราจะเลี้ยงดูเขาในทุ่งหญ้าดีๆ ทุ่งหญ้าของเขาจะอยู่บนภูเขาสูงต่างๆ แห่งอิสราเอล ที่นั่นเขาจะนอนลงบนทุ่งหญ้าที่ดี และเขาจะเล็มหญ้าอยู่ตามทุ่งหญ้าอุดมบนภูเขาแห่งอิสราเอล (อสค. 34:14)
อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้พระโอรส ทรงส่งผู้รับใช้ไปเรียกผู้รับเชิญให้มาในงานวิวาห์ (มธ. 22:2-3)
พระองค์จึงทรงส่งผู้รับใช้อื่นไปอีก รับสั่งว่า ‘จงไปบอกผู้รับเชิญว่า บัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว ได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพีแล้ว ทุกสิ่งพร้อมสรรพ เชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ (มธ. 22:4)
พระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับงานนี้ จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ (มธ. 22:8-9)
บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญทุกคนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้องงานอภิเษกสมรส (มธ. 22:10)
กษัตริย์เสด็จมาทอดพระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร (มธ. 22:11-12)
เพราะผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย (มธ. 22:14)
แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต (ลก. 14:13-14)
ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้จึงทูลพระองค์ว่า ‘ผู้ที่กินอาหารในพระอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข’ (ลก. 14:15)
พระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญคนเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลางาน เขาส่งผู้รับใช้ไปบอกผู้รับเชิญทั้งหลายว่า "เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว" (ลก. 14:16-17)
จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น (ลก. 15:23-24)
ไม่มีผู้ใดช่วยให้เรารอดพ้น เพราะใต้ฟ้านี้พระเจ้ามิได้ประทานนามอื่นแก่มนุษย์นอกจากนามนี้ที่ช่วยเราให้รอดพ้นได้ (กจ. 4:12)
ดูเถิด เรากำลังยืนเคาะประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปกินอาหารร่วมกับเขา เขาจะกินอาหารร่วมกับเรา (วว. 3:20)
เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหายอีกเลย แสงแดดหรือความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีก เพราะลูกแกะที่ประทับยืนอยู่กลางพระบัลลังก์ จะทรงเลี้ยงดูเขา จะทรงนำเขาไปยังธารน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากดวงตาของเขา (วว. 7:16-17)
เราจงชื่นชมและร่าเริงเถิด เราจงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะงานวิวาห์มงคลของลูกแกะมาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์เตรียมพร้อมแล้ว (วว. 19:7)
ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “จงบันทึกลงไปว่า ผู้ที่ได้รับเชิญมาในงานวิวาห์มงคลของลูกแกะย่อมเป็นสุข” เขายังเสริมอีกว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพระวาจาแท้จริงของพระเจ้า” (วว. 19:9)