ความเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความดีทุกประการ นำเราไปสู่การกระทำความดีในพระนามของพระองค์ด้วย
ขอให้พระวาจาพระเจ้าช่วยตอกย้ำและเป็นแนวทางแก่เราในทุกๆ การกระทำ
ทุกสิ่งที่ทรงทำเพื่อส่งเสริมพิธีกรรมในพระวิหารของพระเจ้า ธรรมบัญญัติ และบทบัญญัตินั้น พระองค์ทรงทำเพื่อแสวงหาพระเจ้าสุดจิตใจ จึงทรงประสบความสำเร็จ (2พศด. 31:21)
ข้าพเจ้าเร่งรีบมิได้ชักช้า ที่จะรักษาบทบัญญัติของพระองค์ (สดด. 119:60)
งานทุกอย่างที่ท่านพบว่าจะต้องทำ ก็จงทำงานนั้นเต็มกำลัง เพราะในแดนผู้ตายที่ท่านกำลังจะไปนั้น ไม่มีการงาน ความคิด ความรู้ หรือปรีชาญาณเลย (ปญจ. 9:10)
คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้ (มธ. 7:21)
ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา (มธ. 18:15)
เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ (ลก. 11:9-10)
เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน (รม. 12:6)
ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน (รม. 12:7)
ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี (รม. 12:8)
เราเป็นผลงานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ (อฟ. 2:10)
อย่าทำดีรับใช้ต่อหน้าเหมือนจะให้มนุษย์พอใจเท่านั้น แต่จงเป็นเสมือนทาสรับใช้พระคริสตเจ้า กระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง (อฟ. 6:6)
ไม่ว่าทำสิ่งใด จงทำจากใจประหนึ่งว่าทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ (คส. 3:23)
ให้ทำดีและมั่งคั่งด้วยกิจการที่ดี มีใจกว้างในการให้และพร้อมที่จะแบ่งปัน นี่เป็นวิธีสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในอนาคต เพื่อจะได้รับชีวิตที่แท้จริง (1ทธ. 6:18-19)
พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา (2ทธ. 1:7)
เขาเหล่านั้นอ้างว่ารู้จักพระเจ้า แต่การกระทำแสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้จักพระองค์ เขาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจและดื้อรั้น ทำการดีใด ๆ ไม่ได้ (ทต. 1:16)
จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง (ยก. 1:22)
เพราะถ้าผู้ใดฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา (ยก. 1:23)
ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่งอิสรภาพ และยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น (ยก. 1:25)
พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ (ยก. 2:14)
ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “จงไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด” แต่มิได้ให้สิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายแก่เขา จะมีประโยชน์ใดเล่า (ยก. 2:15-16)
ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการกระทำ ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว (ยก. 2:17)
อาจมีผู้พูดว่า“บางคนมีความเชื่อ บางคนมีการกระทำ” ถ้าเป็นเช่นนั้นจงแสดงความเชื่อที่ไม่มีการกระทำให้ข้าพเจ้าเห็นเถิด แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อให้ท่านเห็นด้วยการกระทำ (ยก. 2:18)
ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น (ยก. 2:26)
ลูกที่รักทั้งหลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง (1ยน. 3:18)
คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป (ยก. 4:17)
จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมารกำลังดักวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์โตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ (1ปต. 5:8)
ท่านทั้งหลาย จงพยายามทุกวิถีทางที่จะใช้คุณธรรมเพิ่มพูนความเชื่อของท่าน (2ปต. 1:7)