อาทิตย์พระวาจาของพระเจ้า
นำเราให้ตระหนักถึงการเป็นแบบอย่าง โดยดำเนินชีวิตประจำวันอย่างร้อนรน อาศัยพระคัมภีร์
นำเราให้ตระหนักถึงการเป็นแบบอย่าง โดยดำเนินชีวิตประจำวันอย่างร้อนรน อาศัยพระคัมภีร์
มารับพระวาจาของพระเจ้าไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันกัน
พระวาจานี้อยู่ใกล้กับท่านมาก คืออยู่ในปากและในใจของท่าน เพื่อท่านจะนำไปปฏิบัติได้ (ฉธบ. 30:14)
จงฝึกเยาวชนในทางที่เขาควรจะเดิน เมื่อเขาชราแล้ว เขาจะไม่หันเหไปจากทางนั้น (สภษ. 22:6)
ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ (มธ. 5:16)
อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี และสิ่งใดเป็นที่พอพระทัยอันสมบูรณ์พร้อมของพระองค์ (รม. 12:2)
จงยึดถือข้าพเจ้าเป็นแบบอย่างเหมือนกับที่ข้าพเจ้ายึดถือพระคริสตเจ้าเป็นแบบอย่างเถิด (1คร. 11:1)
เพราะเราทุกคนจะต้องปรากฏเฉพาะพระบัลลังก์ของพระคริสตเจ้า เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งตอบแทนสมกับที่ได้ทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ในร่างกาย ขึ้นอยู่กับการกระทำนั้นว่าจะดีหรือชั่ว (2คร. 5:10)
ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย อย่าอวดดียั่วยุผู้อื่น หรืออิจฉาริษยากัน (กท. 5:25-26)
จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า (อฟ. 5:2)
อย่าให้มีทั้งการพูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลน ซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่จงขอบพระคุณจะดีกว่า (อฟ. 5:4)
ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด (อฟ. 5:8)
ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรม และความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย (อฟ. 5:9-10)
จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น
เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่ทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว (อฟ. 5:11-12)
จงคอยระวังว่าท่านดำเนินชีวิตอย่างไร จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เฉลียวฉลาด มิใช่อย่างผู้ขาดสติปัญญา (อฟ. 5:15)
จงใช้เวลาปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะเราอยู่ในยุคแห่งความเลวร้าย (อฟ. 5:16)
ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้า สถิตในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จากใจจริง (คส. 3:16)
ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำกิจการใด ก็จงพูดจงทำในพระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด (คส. 3:17)
อย่าให้ใครดูหมิ่นท่านเพราะความเป็นคนหนุ่ม แต่จงเป็นแบบอย่างแก่ผู้มีความเชื่อทุกคนด้วยคำพูดและความประพฤติ ด้วยความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์ของท่าน (1ทธ. 4:12)
ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อ และเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก (1ทธ. 5:8)
ท่านจงขวนขวายที่จะแสดงตนว่าพระเจ้าทรงรับรองท่านแล้ว เป็นคนงานที่ไม่ต้องอายใคร เป็นผู้สั่งสอนพระวาจาแห่งความจริงอย่างถูกต้อง (2ทธ. 2:15)
จงหลีกเลี่ยงคำพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ เพราะมีแต่จะทำให้ห่างพระเจ้ามากขึ้น (2ทธ. 2:16)
ท่านจะต้องเป็นแบบอย่างในกิจการที่ดี เมื่อสอนก็จงสอนด้วยความจริงใจและจริงจัง (ทต. 2:7)
พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ (ยก. 1:19)
คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป (ยก. 4:17)
จงเป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง (1ปต. 5:3)
จงมีความประพฤติดีงามในหมู่คนต่างศาสนา แม้เขาจะใส่ร้ายท่านว่าประพฤติชั่วร้าย เขาจะต้องยอมรับว่ากิจการที่ท่านทำนั้นเป็นกิจการดี และจะสรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา (1ปต. 2:12)
พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ปฏิบัติดังนี้ พระคริสตเจ้าทรงรับทรมานiเพื่อท่าน และประทานแบบฉบับไว้ให้ท่านดำเนินตามรอยพระบาท (1ปต. 2:21)