มหาพรต ช่วงเวลาที่ทำให้เราต้องตั้งใจฟัง เพื่อจะได้ยินเสียงของพระเจ้า
เพื่อให้ถ้อยคำของพระเจ้านำทางและช่วยเปลี่ยนแปลงจิตใจเรา
ข้าพเจ้ากำลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร พระยาห์เวห์จะทรงประกาศสันติภาพแก่ประชากรของพระองค์และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำสิ่งโง่เขลาอีก (สดด. 85:8)
พระวาจาของพระองค์เป็นโคมส่องทางของข้าพเจ้า เป็นแสงสว่างส่องทางเดินให้ข้าพเจ้า
(สดด. 119:105)
จิตใจของมนุษย์เป็นตะเกียงของพระยาห์เวห์ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นส่วนลึกที่สุดของเขา (สภษ. 20:27)
หูของท่านจะได้ยินถ้อยคำนี้จากเบื้องหลังว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด” ไ3:11ม่ว่าท่านจะหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย (อสย. 30:21)
ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่จะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ปรากฏออกมา ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด (มก. 4:22-23)
พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก” (ลก. 11:28)
เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำ หน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว (ยน. 10:16)
แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักมัน และมันก็ตามเรา (ยน. 10:27)
แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน (ยน. 14:26)
เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น (ยน. 16:13)
เราทำอะไรตามใจของเราไม่ได้ เราได้ยินมาอย่างไร เราก็พิพากษาอย่างนั้น และคำพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา (ยน. 5:30)
‘พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิต ลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้ วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้นให้ชีวิต เพราะมาจากพระจิตเจ้า (ยน. 6:63)
ผู้ที่มาจากพระเจ้า ย่อมฟังพระวาจาของพระเจ้า เหตุที่ท่านไม่ฟัง เพราะท่านไม่ได้มาจากพระเจ้า (ยน. 8:47)
ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า (รม. 10:17)
ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง (2ทธ. 3:16)
ดังนั้น เราจึงต้องสนใจเป็นพิเศษยิ่งขึ้นต่อคำสอนที่ได้ยินมา เพื่อเราจะได้ไม่ออกนอกทาง (ฮบ. 2:1)
พระคัมภีร์กล่าวว่า “วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ จงอย่าทำใจแข็งกระด้างเหมือนคราวกบฏ” (ฮบ. 3:15)
พระวาจาของพระเจ้า เป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบ สองคมใด ๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้ (ฮบ. 4:12)
พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ (ยก. 1:19)
จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง (ยก. 1:22)
ความมั่นใจของเราต่อพระองค์มีอยู่ว่า ถ้าเราวอนขอสิ่งใดที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเรา (1ยน. 5:14)
ดูเถิด เรากำลังยืนเคาะประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปกินอาหาร ร่วมกับเขา เขาจะกินอาหารร่วมกับเรา (วว. 3:20)
“ผู้มีหู จงฟังสิ่งที่พระจิตเจ้าตรัสแก่พระศาสนจักรทั้งหลายเถิด” (วว. 3:22)