ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งดีและไม่ดี คือบทเรียน
สิ่งใดดีขอบคุณพระเจ้า ผิดพลาดขอโทษพระองค์ แล้วเริ่มต้นใหม่
สิ่งใดดีขอบคุณพระเจ้า ผิดพลาดขอโทษพระองค์ แล้วเริ่มต้นใหม่
ให้พระวาจาพระเจ้านำทางเราเพื่อเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษเถิด และจงปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ (อสร. 10:11)
ขออย่าทรงระลึกถึงบาปและความผิด ที่ข้าพเจ้าทำไว้ในวัยเยาว์ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์ (สดด. 25:7)
จงละทิ้งความชั่ว และทำความดีเถิด จงแสวงหาสันติและเดินตามไป (สดด. 34:14)
ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงสร้างใจที่ใสสะอาดไว้ในข้าพเจ้า โปรดทรงฟื้นฟูดวงจิตของข้าพเจ้าให้มั่นคง (สดด. 51:10)
จงขจัดคำพูดที่ไม่ตรงให้ห่างจากลูก จงละทิ้งวาจาตลบตะแลงให้ไกลจากลูกนัยน์ตาของลูก (สภษ. 4:24)
จงมองตรงไป สายตาของลูกจงจ้องมองตรงไปข้างหน้า (สภษ. 4:25)
ไม่มีใครจดจำสิ่งต่าง ๆ ในอดีต แม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะถูกลืมจากผู้ที่จะมาใน ภายหลังด้วย (ปญจ. 1:11)
อย่าถามว่า “ทำไมเวลาในอดีต จึงดีกว่าเวลาปัจจุบัน” เพราะคำถามนี้ไม่มา จากปรีชาญาณ (ปญจ. 7:10)
จงกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ละทิ้งบาป จงอธิษฐานภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จงเลิกทำขัดเคืองพระทัย (บสร. 17:25)
ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งผ่านพ้นไปรวดเร็วเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า (บสร. 18:26)
พระองค์ตรัสว่า “อย่าจดจำเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีกต่อไป”
(อสย. 43:18)
แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน (มธ. 6:15)
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า” (ลก. 9:62)
เปโตรกล่าวถ้อยคำอีกมาก อ้อนวอน และตักเตือนเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงช่วยตนให้รอดพ้นจากคนชั่วร้ายในยุคนี้เถิด” (กจ. 2:40)
ผู้ที่มุ่งหาสิริรุ่งโรจน์ เกียรติยศ และความเป็นอมตะ โดยยืนหยัดกระทำความดี จะได้รับชีวิตนิรันดร (รม. 2:7)
อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี และสิ่งใดเป็นที่พอพระทัยและสมบูรณ์พร้อม (รม. 12:2)
ท่านไม่รู้หรือว่า คนที่วิ่งแข่งในสนามกีฬา ทุกคนวิ่งก็จริง แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัล ท่านจงวิ่งเช่นนั้นด้วย เพื่อชิงรางวัลให้ได้ (1คร. 9:24)
ดังนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว (2คร. 5:17)
ข้าพเจ้าถูกตรึงกางเขนกับพระคริสตเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ตัวข้าพเจ้าอีกต่อไป แต่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า (กท. 2:20)
พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อยังเป็นเด็ก เราก็เป็นทาสของบรรดาจิตที่ควบคุมโลกนี้อยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม (กท. 4:3-5)
ท่านทั้งหลายจงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย แต่จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่าน ในองค์พระคริสตเจ้าเถิด (อฟ. 4:31-32)
ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด (อฟ. 5:8)
ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุเป้าหมายหรือยังทำไม่สำเร็จ ข้าพเจ้ายังมุ่งหน้าวิ่งต่อไป เพื่อจะช่วงชิงรางวัลให้ได้ ดังที่พระคริสตเยซูทรงช่วงชิงข้าพเจ้าไว้ได้แล้ว (ฟป. 3:12)
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่คิดว่า ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าทำเพียงอย่างเดียวคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มุ่งสู่เบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง (ฟป. 3:13)
ข้าพเจ้ากำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปหารางวัลที่พระเจ้าทรงเรียกจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้าเข้าไปรับในพระคริสตเยซู (ฟป. 3:14)
ดังนั้น เมื่อเราก้าวหน้าถึงที่ใดแล้ว จงก้าวหน้าต่อไปในทิศทางเดียวกัน (ฟป. 3:16)
ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์ ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า (ฟป. 4:13)
พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจความมืดมนและทรงนำเราเข้าไปสู่พระอาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ (คส. 1:13)
ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่าง ๆ ขณะนั้นเราดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย มีความอิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน แต่เมื่อพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใดๆ ที่เราทำ แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า (ทต. 3:3-5)
เพื่อให้เราซึ่งหนีทุกข์ภัย มีกำลังใจอย่างแรงกล้าที่จะยึดมั่นในความหวังเบื้องหน้า พระสัญญาและคำปฏิญาณจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าทรงมุสาไม่ได้ (ฮบ. 6:18)
ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็กำลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง (1ยน. 1:6)
พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง (1ยน. 1:9)