ศิลปะการสอนคำสอน
บทที่ 2 ข่าวดีของเรา
จุดประสงค์ของการสอนคำสอนก็คือการส่งเสริมหรือเสริมสร้างให้ผู้เรียนได้ประพฤติตนเป็นคาทอลิกที่ดี ดังนั้นหน้าที่ของเราในฐานะผู้สอนนั้น ก่อนอื่น เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่า เราจะหยิบยื่นหรือเสนออุดมคติ แนวคิด ภาพลักษณ์หรือรูปแบบอะไรให้เข้าไปในจิตใจของเด็กเพื่อจะได้บรรลุถึงจุดประสงค์ดังกล่าวนั้น
คำตอบก็คือ เราต้องให้ภาพความเป็นจริงของคริสตชนทั้งครบ ภาพของพระคริสตเจ้าทั้งครบ ภาพของพระอาณาจักรพระเจ้าแก่พวกเขา
เราจะเห็นได้ว่า คนจำนวนมากรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับความเชื่อ พวกเขารู้เกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ รู้เรื่องนักบุญอันตน รู้เรื่องการกลับกลายเป็นศีลมหาสนิท รู้เรื่องการใช้น้ำเสก รู้เกี่ยวกับการเป็นพระเจ้าของพระคริสต์และการเสียสละของพระองค์ แต่ไม่รู้จักการจัดลำดับของสิ่งต่างๆ ที่เขารู้ว่าอะไรสำคัญมากอะไรสำคัญน้อย อะไรที่เป็นแก่น อะไรเป็นเปลือก พวกเขาไม่ได้เรียนรู้ที่จะมองดูความเชื่อของเขาในลักษณะแห่งการผสมกลมกลืนอย่างเป็นเอกภาพ
พวกเขาไม่ได้รวบรวมเอาข้อคำสอนที่หลากหลายเหล่านั้นมาเชื่อมสัมพันธ์กัน พวกเขาไม่เคยทำการย้อนคิดหรือตริตรองว่าอะไรเป็นจุดประสงค์หลักของศาสนาของเราและข้อความเชื่อต่างๆ เหล่านั้นช่วยเราให้บรรลุถึงจุดประสงค์ดังกล่าวได้อย่างไร ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ เหล่านี้กันเสียก่อน
1.เนื้อหาหลักแห่งคำสอน
ศาสนาของเรามีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ พระคริสต์ ดังนั้น การสอนศาสนาหมายถึง การนำเด็กๆ ให้เข้าหาพระเยซูอย่างที่ทรงเปิดเผยว่า พระองค์ทรงเป็นหนทางนำเราไปรู้จักพระบิดา
“ฉันคือหนทางความจริงและชีวิต ไม่มีใครเข้าหาพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา (ยอห์น 14:6)
เราเข้าหาพระบิดาเจ้าได้โดยการกลับกลายเป็นหนึ่งกับพระเยซู
“ในวันนั้น ท่านจะได้รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระบิดา และพวกท่านก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับท่านนั้นแหละ” (ยอห์น 14:20)
ในคำภาวนาของพระเยซูเพื่อบุคคลที่เชื่อในพระองค์นั้น แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
“ลูกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเขา และพระองค์ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลูก เพื่อว่าเขาจะได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ” (ยอห์น 17:23)
เรากลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูโดยผ่านทางพระจิตเจ้าผู้ซึ่งพระเยซูทรงส่งเข้ามาในจิตใจของเรา
เพราะว่าคนคนหนึ่งไม่สามารถเป็นคนของพระคริสต์ได้ ถ้าไม่มีพระจิตของพระเยซูคริสต์ประทับอยู่ (โรม 8:9)
พระผู้ไถ่บาปก็คือผู้หนึ่งที่ได้รับการล้างบาปด้วยพระจิตเจ้า ดังนั้น นี่แหละคือจุดประสงค์หลักของศาสนาคาทอลิก คือ เพื่อนำมวลมนุษย์ให้สนิทสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้าในพระคริสต์โดยผ่านทางพระจิตเจ้า นี่แหละคือความเป็นคาทอลิก
ถ้าท่านรู้สิ่งนี้ ท่านก็รู้ว่าความเชื่อของท่านคืออะไร ท่านได้ยึดเอาข้อความจริงหลักนี้ไว้แล้ว ความจริงอื่นๆ ของศาสนาก็จะกลับกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายโดยมีความสัมพันธ์กับหลักหรือแก่นนี้ ท่านจะเข้าใจว่าทำไมพระเจ้าจึงได้กลับมาเป็นมนุษย์ ไถ่บาปเราก็เพราะว่าในศีลล้างบาปเราได้กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสต์และดังนั้นเราก็เป็นส่วนหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระคริสต์ ผลที่ตามมาก็คือกิจการดีของพระองค์กลับกลายเป็นกิจการดีของเรานั่นเอง
ท่านจะได้เข้าใจได้ดีขึ้นว่า ศาสนาของเราเป็นความจริงเที่ยงแท้หนึ่งเดียวก็เพราะว่าศาสนาของเราเท่านั้นที่สามารถยกเราให้สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า พระเยซูแต่เพียงผู้เดียวสามารถมอบของประทานแห่งพระจิตและโดยพระจิตเจ้านี้เองทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูและนั่นก็คือเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา เมื่อเราจับหลักนี้ได้แล้ว สิ่งต่างๆ ก็จะเข้ารูปเข้ารอยและมีความหมายมากยิ่งขึ้นในความสอดคล้องเกี่ยวเนื่องต่อกันและกัน
2.เนื้อหาหลักนี้ปรากฏอยู่ในแหล่งกำเนิดที่ต่างกัน 3 แหล่ง คือ
-พิธีกรรม เป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ที่เราเห็นอยู่เสมอ เป็นต้นในพิธีบูชามิสซา ผู้ที่มาร่วมได้รับเชิญให้เข้ามาอยู่ในพระกายทิพย์ของพระคริสต์เจ้า กลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ โดยพลังอำนาจของพระจิตเจ้า
-พระคัมภีร์ เรื่องราวของพระที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ โดยผ่านทางพระจิตเจ้า ได้รับการเปิดเผยในรูปแบบที่น่าพิศวง ในพระคัมภีร์ได้บอกถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าและอธิบายถึงหน้าที่ที่เราจะต้องช่วยกันจัดตั้ง
-หนังสือคำสอน เป็นคู่มือที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นระบบ มีจุดประสงค์ที่แน่นอน เป็นการอธิบายถึงพระผู้เป็นเจ้า พระคริสต์ พระจิต มนุษย์ ความสัมพันธ์กับพระเจ้า พระหรรษทาน ฯลฯ
3.การนำเสนอเนื้อหาหลักเหล่านี้ ต้องให้สอดคล้องกับวัยของเด็กที่จะทำการศึกษาด้วย
-สำหรับเด็กวัย 5-7 ขวบ สอนเรื่องความรักของพระเป็นเจ้าในฐานที่เป็นบิดา โดยชี้ให้เห็นถึงสิ่งสวยงามต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้างเพื่อเรา สอนถึงพระเยซูเจ้าผู้ซึ่งเสด็จมา เพื่อนำเราไปสู่สวรรค์ สอนถึงพระเยซูเจ้าผู้สถิตอยู่ในตู้ศีลมหาสนิท สอนเกี่ยวกับงานฉลองต่างๆ รูปภาพ สอนการสวดแบบง่ายๆ และสอนสวดจากบทสดุดี
-สำหรับเด็กวัย 8-10 ขวบ สอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการไถ่บาปในรูปแบของการเล่าเรื่องและสอดใส่คำสอนในตอนที่เหมาะสม
-เด็กในวัน 11 ปีขึ้นไป การอธิบายเนื้อหาหลักนี้ให้เข้มข้นมากขั้นให้รูปแบบเป็น
ระบบมากกว่า ขั้นตอนของเด็กที่ต่ำกว่า 10 ขวบลงไป