กิจกรรมที่ 5 เรามีใจเมตตาด้วยการไปเยี่ยมผู้ป่วย
เกริ่นนำ ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนจำนวนมาก
เด็ก ๆ จำเรื่องราว พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนง่อยได้หรือไม่ (ถ้าเด็ก ๆ จำไม่ได้ให้ครูเล่าให้ฟัง)
พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนง่อย
พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อเป็นที่รู้กันว่าพระองค์ประทับอยู่ในบ้าน ประชาชนจำนวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มีที่ว่าง แม้กระทั่งที่ประตู พระองค์ประทานพระโอวาทสอนประชาชนเหล่านั้น ชายสี่คนหามคนง่อยคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ แต่เขาไม่สามารถนำคนง่อยนั้นฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงพระองค์ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่พระองค์ประทับอยู่ แล้วหย่อนแคร่ที่คนง่อยนอนอยู่ลงมาทางช่องนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาจึงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ย บาปของเจ้า ได้รับการอภัยแล้ว”
ที่นั่นมีธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ด้วย เขาคิดในใจว่า “ทำไมคนนี้จึงพูดเช่นนี้เล่า? เขากล่าวผรุสวาทต่อพระเจ้า ใครเล่าสามารถอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น?” ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบด้วยจิตของพระองค์ว่าพวกเขากำลังคิดเช่นนี้อยู่ จึงตรัสว่าท่านคิดเช่นนี้ในใจทำไม? อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคนง่อยว่า "บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว" หรือบอกว่า "ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด"? แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนง่อยว่า “เราสั่งเจ้า จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นแบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและกล่าวว่า “เรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย”
กิจกรรม เพื่อนช่วยเพื่อน
เตรียมการ โดยคุณครูแสดงบทบาทสมมุติเป็นพระเยซูเจ้า
ให้เด็ก ๆ จับกลุ่มกัน 5 คน และให้ 4 คนแบกเพื่อน 1 คน มาให้พระเยซูเจ้ารักษา
สรุปกิจกรรม
คนป่วยทุกคนต้องการหมอ ต้องการการรักษา แต่คนป่วยยังต้องการกำลังใจ ต้องการความช่วยเหลือ การช่วยเหลือผู้ป่วย มีความสำคัญและความจำเป็นเพราะคนป่วยต้องการคนช่วยเหลือ บางคนอาจช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแล ช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคน ถ้าคนป่วยไม่ได้รับการช่วยเหลือ ดูแลเอาใจใส่เขาก็จะมีความทุกข์ยากลำบากมากขึ้น เพราะอาจจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาจท้อแท้ และอาจมีอันตราย แก่ชีวิตได้ ดังนั้น เด็ก ๆ จะต้องไม่ละเลยต่อผู้ป่วย ต้องเอาใจใส่ หาทางช่วยเหลือ ช่วยดูแล และให้กำลังใจแก่ ทุกคนที่เจ็บป่วยด้วย