บุคคลในประวัติศาสตร์ความรอด บทเรียนที่ 12
ซามูเอล: ผู้เจิมแต่งตั้งกษัตริย์
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. รู้จักประวัติของซามูเอล ผู้เชื่อฟังพระเจ้าและคำสอนของผู้ใหญ่
2. ตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้าที่ตรัสและมอบหน้าที่ให้แก่เราผ่านทางการอ่านและฟังพระวาจา
3. เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าผ่านทางคำแนะนำของผู้ใหญ่
กิจกรรม “ทายซิเสียงอะไร?”
อุปกรณ์ 1. ไฟล์เสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ และลำโพงขยายเสียง
2. อาจใช้เสียงของผู้สอนเอง หรือเครื่องดนตรี หรือสิ่งของที่ให้กำเนิดเสียงเหล่านี้
นก จิ้งจก กระดิ่ง/ระฆัง แตรรถ
หมู แกะ/แพะ กลอง ระเบิด/ปืน
ช้าง กีต้าร์ รถยนต์/รถจักรยานยนต์ นกหวีด
แมว ฆ้อง รถไฟ น้ำไหล/คลื่น/ฝนตก
ลิง ระนาด ไซเรนรถตำรวจ/รถพยาบาล ฟ้าร้อง
(**อาจใช้เป็นคลิปไฟล์เสียงต่าง ๆ มาเปิดให้ผู้เรียนฟังและทายก็ได้)
ดำเนินการ 1. ให้ผู้เรียนทุกคนหลับตาและตั้งใจฟังเสียงที่ผู้สอนจะทำให้เกิดขึ้น และทายให้ถูกต้องว่า “เสียงนั้นคือเสียงอะไร” (**อาจเรียกบางคนให้ตอบ หรือใครตอบได้ให้ยกมือ ผู้สอนเตรียมรางวัลไว้แจกด้วย)
2. ในขณะที่ผู้สอนกำลังทำเสียงหรือเปิดคลิปเสียงต่าง ๆ นั้น ให้เปิดเสียงเพลงจังหวะสนุกคลอเบา ๆ ไปด้วย (ให้รบกวนสมาธิในการฟัง)
3. ให้ผู้เรียนหลับตาอยู่เสมอจะกว่าผู้สอนจะปิดเพลงและอนุญาตให้ลืมตาได้
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. ผู้เรียนรู้ได้อย่างไร ว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร (เคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน)
2. เพราะเหตุใดผู้เรียนบางคนจึงทายไม่ถูก (ไม่ตั้งใจฟัง, เสียงไม่ชัดเจน, มีเสียงอื่นรบกวน, ไม่เคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน)
3. กิจกรรมนี้ใช้อวัยวะส่วนใดเป็นหลักและใช้ทำอะไร (หู-ฟัง, สมอง-คิดวิเคราะห์, ปาก-ตอบ)
4. มีสิ่งใดบ้างที่เป็นอุปสรรคในการฟังเสียงของผู้สอน (เสียงเพลงที่เปิดรบกวน, เสียงของผู้เรียนคนอื่น ๆ)
สรุป เพื่อจะให้รู้และตอบได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงอะไร จะต้องใช้สมาธิและความตั้งใจฟังให้ชัดเจน คิดวิเคราะห์ แยกแยะถึงเสียงที่เกิดขึ้น และพยายามตัดเสียงอื่น ๆ ที่รบกวนออกไปเช่นเดียวกันในแต่ละวัน เราได้ยินเสียงต่าง ๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาในหู ในความคิดของเรา ทำให้เราต้องมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะว่า เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงที่ดีหรือไม่ดี เป็นเสียงที่มีประโยชน์หรือเสียงที่ไม่มีประโยชน์
คำสอน
1. ผู้เรียนคงเคยพบเห็นคนตาบอดที่สามารถใช้ชีวิตออยู่ร่วมกับคนปกติทั่วไปในสังคม และคงเกิดความสงสัยว่าคนตาบอดเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร เมื่อดวงตามองไม่เห็น แน่นอนว่าเขาย่อมมีความยากความลำบากในการใช้ชีวิต ซึ่งแตกต่างจากบุคคลที่มีอวัยวะของร่างกายครบปกติ และเนื่องจากคนตาบอดไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยการมองเห็น ก็จึงต้องใช้อวัยวะส่วนอื่น ๆ ช่วยในการสัมผัสรับรู้ เป็นต้นการใช้ "หู" ที่ช่วยในการฟังเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ เพื่อจะสามารถคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น คนตาบอดจะจดจำเสียงต่าง ๆ ที่ได้ยินอย่างแม่นยำ เช่น เสียงปุ่มกดตัวเลขบนโทรศัพท์ เสียงสัญญาณแจ้งเตือนความปลอดภัย หรือเสียงการเคลื่อนไหวของสิ่งต่าง ๆ
2. นางฮันนาห์ ภรรยาของเอลคานาห์ อยู่ที่เมืองรามาห์ นางไม่มีบุตรจึงได้อธิษฐานทูลขอบุตรจากพระเจ้าและสัญญาว่า หากมีบุตรจะนำมาถวายแด่พระเจ้า และพระเจ้าได้ประทานบุตรชายให้ นางจึงตั้งชื่อเขาว่าซามูเอล นางเลี้ยงดูเขาจนกระทั่งหย่านม บิดามารดาจึงพาเขาไปที่วิหารของพระเจ้าที่เมืองชิโลห์ขณะนั้นเขายังเด็กมาก เมื่อพบเอลี นางฮันนาห์กล่าวว่า “นายเจ้าขา จำดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูลพระเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่าน ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้และพระเจ้าก็ประทานให้ดิฉันตามคำทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่พระเจ้า เขาจะรับใช้พระเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต”
ซามูเอลเจริญเติบโตขึ้นเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า และเป็นที่รักของคนทั้งหลาย เขารับใช้พระเจ้าอยู่ในความดูแลของเอลี คืนหนึ่งพระเจ้าทรงเรียกซามูเอล เขาทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” แล้ววิ่งไปหาเอลีพูดว่า “ท่านเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” แต่เอลีตอบว่า “พ่อไม่ได้เรียกลูก กลับไปนอนเถอะ” ซามูเอลก็กลับไปนอนเป็นเช่นนี้อยู่จนถึงครั้งที่สาม เอลีจึงเข้าใจว่าพระเจ้าตรัสเรียกเด็กนั้น เอลีบอกซามูเอลว่า “กลับไปนอนเถอะ ถ้ามีเสียงเรียกลูกอีกก็จงตอบว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่’” ซามูเอลจึงกลับไปนอนในที่ของตน พระเจ้าเสด็จมาประทับที่นั่น ตรัสเรียกเช่นครั้งก่อนว่า “ซามูเอล ซามูเอล”ซามูเอลทูลตอบว่า “ตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่” ซามูเอลเจริญวัยขึ้น พระเจ้าสถิตกับเขาและทรงทำให้คำพูดทุกคำของซามูเอลเป็นจริง ดังนั้น ชาวอิสราเอลทุกคนตั้งแต่เมืองดานจนถึงเมืองเบเออร์เชบารู้ว่า ซามูเอลได้รับแต่งตั้งเป็นประกาศกของพระเจ้า
3. ซามูแอลเป็นแบบอย่างของการเป็นผู้ที่ฟังที่ดี ตั้งใจฟังของพระเจ้าและเสียงของผู้ใหญ่ ตั้งแต่ที่นางฮันนาห์พาเขามาอยู่กับเอลีห์เพื่อรับใช้พระเจ้า เขาก็เชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเอลีห์มาโดยตลอด และเมื่อเขาได้ยินเสียงของพระเจ้า เขาก็ตอบรับและนำความจริงที่พระเจ้าตรัสกับตนไปบอกแก่บุคคลที่พระเจ้าต้องการให้เขาไปบอก ดังนั้น เขาจึงเป็นประกาศกคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคนกลางผู้สื่อสารระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ด้วย
4. ให้เราตั้งใจฟังเสียงที่พระเจ้าตรัสกับเราในแต่ละวัน ผ่านทางพระวาจาพระเจ้าเพื่อจะได้ทราบว่าพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้เราทำอะไร เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เท่ากับว่าเรากำลังฟังเสียงที่พระเจ้าตรัสกับเรา ดังที่นักบุญอัมโบรสได้กล่าวไว้ว่า “เราพูดกับพระเจ้าเมื่อเราภาวนา เราฟังพระองค์เมื่อเราอ่านพระวาจา”
5. พระเจ้ายังตรัสกับเราผ่านทางคำพูด คำสอนของบรรดาผู้ใหญ่และบุคคลรอบตัวเราด้วย เมื่อเราเคารพเชื่อฟังคำสั่งสอน คำแนะนำของบรรดาผู้ใหญ่และนำไปปฏิบัติตาม ก็เป็นการเชื่อฟังพระเจ้าด้วยเช่นกัน
ก. ข้อควรจำ
1. พระเจ้าทรงตรัสเรียกซามูแอลถึง 3 ครั้ง และในครั้งที่ 3 ซามูแอลตอบรับเสียงของพระเจ้าว่า “ตรัสมาเถิดผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่”
2. ซามูแอลเป็นแบบอย่างของการเป็นผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าและคำสอนของผู้ใหญ่
3. พระเจ้าสถิตกับซามูแอลและทำให้คำพูดทุกคำของซามูเอลเป็นจริง ซามูเอลได้รับแต่งตั้งเป็นประกาศกของพระเจ้า
4. พระเจ้าตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์จึงเป็นการฟังเสียงที่พระเจ้าที่ตรัสกับเรา
5. พระเจ้ายังตรัสกับเราผ่านทางคำพูด คำสอนของบรรดาผู้ใหญ่และบุคคลรอบตัวเราด้วย หากเราเคารพเชื่อฟังคำสั่งสอน คำแนะนำของบรรดาผู้ใหญ่และนำไปปฏิบัติตาม ก็เป็นการเชื่อฟังพระเจ้าด้วยเช่น
ข. กิจกรรม “พระเจ้าตรัสอะไรกับฉัน”
ดำเนินการ
1. ให้ผู้เรียน อ่าน ลก. 6:27-35 หรือ ลก. 6:36-38 แล้วเลือกข้อความที่ประทับใจ
2. เข้ากลุ่ม 2-3 คน พูดคุยแบ่งปันกันว่า “พระเจ้าตรัสอะไรกับฉัน” ผ่านทางข้อความนั้น
3. ภาวนาขอบคุณพระเจ้าร่วมกัน
หรือ ผู้สอนเตรียมบัตรคำข้อความจากพระคัมภีร์สั้น ๆ ให้ผู้เรียนสุ่มจับคนละ 1 ข้อความ และพูดคุยแบ่งปันกันในกลุ่มย่อยว่า “พระเจ้าต้องการบอกอะไรกับฉัน” ผ่านทางข้อความพระวาจาที่ได้รับ
ค. การบ้าน
1. อ่านใบความรู้เรื่องซามูแอล เพิ่มเติม
2. หมั่นสวดภาวนา อ่านพระคัมภีร์ ฟังบทเทศน์และนำข้อคิดที่ได้รับไปปฏิบัติ
3. เคารพเชื่อฟัง ปฏิบัติตามคำสอนของ พ่อ-แม่ ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่และผู้ให้การอบรมทุกท่าน
::: Download บทเรียนที่ 12 ::
ซามูเอล
ซามููเอล: ผู้เจิมแต่งตั้งกษัตริย์
(1 ซามูเอล 1:1-3, 9-28; 2:18-19, 26; 3:1-21; 8:1-22; 9:14-19; 10:1)
นางฮันนาห์ ภรรยาของเอลคานาห์ อยู่ที่เมืองรามาธาอิม นางไม่มีบุตรจึงอธิษฐานทูลขอบุตรจากพระเจ้า ครั้งหนึ่งที่เมืองชิโลห์ เมื่อนางฮันนาห์กินและดื่มแล้ว ก็ลุกขึ้นไปอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า สมณะเอลีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างประตูวิหารของพระเจ้า นางเศร้าโศกมากร้องไห้อย่างขมขื่น พลางอธิษฐานทูลพระเจ้า “ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดทอดพระเนตรมายังผู้รับใช้ที่มีความทุกข์ของพระองค์เถิด โปรดระลึกถึงข้าพเจ้า โปรดอย่าลืมผู้รับใช้ของพระองค์เลย ถ้าพระองค์ประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่ผู้รับใช้ ข้าพเจ้าจะถวายเขาแด่พระองค์ ตลอดชีวิตของเขาใบมีดจะไม่โกนศีรษะของเขาเลย” ขณะที่นางอธิษฐานทูลพระเจ้าอยู่เป็นเวลานาน เอลีเฝ้าดูกิริยาจากริมฝีปากของนาง นางฮันนาห์อธิษฐานในใจริมฝีปากขมุบขมิบ แต่มิได้เปล่งเสียงออกมา เอลีคิดว่านางเมาเหล้าจึงถามนางว่า “เธอจะเมาอีกนานเท่าใด จงเลิกเมาเสียเถิด” นางฮันนาห์ตอบว่า“นายเจ้าขา ดิฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัยใด ๆ ดิฉันเป็นหญิงมีความทุกข์สาหัส จึงอธิษฐานระบายความทุกข์ในใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า อย่าคิดว่าผู้รับใช้ผู้นี้ของท่านเป็นหญิงเหลวไหลเลย ที่ดิฉันอธิษฐานเช่นนี้ก็เพราะดิฉันเป็นทุกข์โศกเศร้ามาก” เอลีจึงว่า “จงไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลประทานให้ตามที่เธอทูลขอจากพระองค์” นางตอบว่า “ขอท่านโปรดปรานผู้รับใช้ผู้นี้เถิด” แล้วนางก็ลาจากไป กินอาหารและไม่เศร้าโศกอีก เมื่อเดินทางกลับไปเมืองรามาห์ เอลคานาห์หลับนอนกับนางฮันนาห์ภรรยา พระเจ้าทรงระลึกถึงนาง นางฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์ เมื่อถึงเวลากำหนดก็ให้กำเนิดบุตรชาย นางตั้งชื่อเขาว่า“ซามูเอล เพราะนางเคยทูลขอบุตรนี้จากพระเจ้า” นางเลี้ยงดูบุตรจนกระทั่งเขาหย่านม นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารของพระเจ้าที่เมืองชิโลห์ขณะยังเด็กมาก บิดามารดาจึงพาเขาไปพบเอลี และกล่าวแก่เอลีว่า“นายเจ้าขา จำดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูลพระเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่านดิฉันทูลขอเด็กคนนี้ และพระเจ้าก็ประทานให้ดิฉันตามคำทูลขอ บัดนี้ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่พระเจ้า เขาจะรับใช้พระเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต”
ซามูเอลทำหน้าที่รับใช้พระเจ้า เขาสวมเสื้อยาวผ้าป่าน มารดาของเขาเย็บเสื้อยาวตัวเล็ก ๆ นำมาให้ทุกปี เมื่อนางขึ้นมาถวายเครื่องบูชาประจำปีพร้อมกับสามี ซามูเอลเจริญเติบโตขึ้นเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าและเป็นที่รักของคนทั้งหลาย เขารับใช้พระเจ้าอยู่ในความดูแลของเอลี คืนหนึ่งพระเจ้าทรงเรียกซามูเอล เขาทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” แล้ววิ่งไปหาเอลีพูดว่า “ท่านเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” แต่เอลีตอบว่า “พ่อไม่ได้เรียกลูกกลับไปนอนเถอะ” ซามูเอลก็กลับไปนอน เป็นเช่นนี้จนถึงครั้งที่สาม เขาก็ลุกขึ้นไปหาเอลีพูดว่า “ท่านเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” เอลีจึงเข้าใจว่า พระเจ้าตรัสเรียกเด็กนั้น
เอลีบอกซามูเอลว่า “กลับไปนอนเถอะ ถ้ามีเสียงเรียกลูกอีกจงตอบว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่’” ซามูเอลจึงกลับไปนอนในที่ของตน พระเจ้าเสด็จมาประทับที่นั่น ตรัสเรียกเช่นครั้งก่อนว่า “ซามูเอล ซามูเอล”ซามูเอลทูลตอบว่า “ตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่” พระเจ้าตรัสกับซามูเอล เรื่องจะลงโทษครอบครัวของเอลี เพราะเขาไม่ได้แก้ไขความประพฤติของบุตรชายของตน
ซามูเอลนอนอยู่จนถึงรุ่งเช้า แล้วไปเปิดประตูวิหารของพระเจ้า ซามูเอลไม่กล้าบอกเอลีให้รู้เรื่องนิมิตนี้ แต่เมื่อเอลีถามซามูเอลจึงเล่าทุกอย่างให้เอลีฟังมิได้ปิดบังไว้เลย เอลีกล่าวว่า“พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์เห็นว่าอะไรดี ก็ขอพระองค์ทรงกระทำเถิด” ซามูเอลเจริญวัยขึ้น พระเจ้าสถิตกับเขาและทรงทำให้ทุกคำพูดของซามูเอลเป็นจริง ดังนั้น ชาวอิสราเอลทุกคนตั้งแต่เมืองดานจนถึงเมืองเบเออร์เชบารู้ว่า ซามูเอลได้รับแต่งตั้งเป็นประกาศกของพระเจ้า
ซามูเอลเป็นผู้นำประชาชนอิสราเอลอย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต เมื่อเขาอายุมากขึ้นก็แต่งตั้งลูกชายเป็นผู้วินิจฉัยแทน แต่ลูกชายของเขาเป็นคนไม่ดี ผู้นำชาวอิสราเอลจึงบอกกับ
ซามูเอลว่า “บัดนี้ ท่านอายุมากแล้ว ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้วินิจฉัยของเราต่อไป ลูกชายของท่านเองก็ไม่ได้เป็นคนดีเหมือนท่านเราอยากให้ท่านหากษัตริย์มาปกครอง ประเทศอื่น ๆ ก็มีกษัตริย์กันทั้งนั้น ทำไมเราไม่มีบ้างล่ะ” ซามูเอลไม่ชอบความคิดนี้ เขาทูลถามพระเจ้าว่าควรทำอย่างไร พระเจ้าตรัสตอบเขาว่า“เดินหน้าต่อไปเถอะ จงให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่เตือนเขาให้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้ามีกษัตริย์ปกครอง”
ซามูเอลจึงยอมหากษัตริย์ให้ชาวอิสราเอล แม้จะไม่เห็นด้วยนัก และพระเจ้าทรงเปิดเผยแก่ซามูเอลว่า เราจะส่งชายคนหนึ่งมาจากดินแดนเบนยามิน ท่านจะต้องเจิมเขาขึ้นเป็นผู้ปกครองชาวอิสราเอลประชากรของเรา เมื่อซามูเอลเห็นซาอูล พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชายผู้นี้คือผู้ที่เราบอกท่านว่าเขาจะปกครองประชากรของเรา” ซามูเอลเอาขวดน้ำมันมะกอกเทศขึ้นมา เทน้ำมันลงบนศีรษะของซาอูล จูบเขา แล้วพูดว่า“พระเจ้าทรงเจิมท่าน ให้เป็นผู้นำชาวอิสราเอลประชากรของพระองค์ ท่านจะปกครองประชากรของพระเจ้า ช่วยเขาให้พ้นจากมือของศัตรูที่อยู่โดยรอบ