คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 3
รักการภาวนา
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. บอกเล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงภาวนาและสอนให้เราภาวนาอย่างไร
2. เห็นคุณค่าและรักการภาวนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า
3. สวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
กิจกรรม แข่งเปิดพระคัมภีร์เรื่อง “การอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้า”
อุปกรณ์ 1. ภาพพระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนา
2. พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่
3. ขนม/ลูกอม เป็นรางวัล
วิธีการ
1. ผู้สอนนำภาพพระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนามาให้ผู้เรียนได้ดูและถามผู้เรียนว่า “พระเยซูเจ้าทรงภาวนาเมื่อใดบ้าง” (ผู้เรียนช่วยกันตอบ)
2. ผู้สอนบอกโค้ดพระคัมภีร์ที่ละหัวข้อและให้ผู้เรียนแข่งกันเปิดพระคัมภีร์ ผู้เรียนคนใดสามารถเปิดพบข้อความและอ่านได้ถูกต้องก่อน จะได้รับขนม/ลูกอม 2 เม็ด หากมีผู้เรียนจำนวนมาก อาจเล่นเป็นกลุ่มและใช้วิธีสะสมคะแนน
โค้ดพระคัมภีร์ | ข้อความพระคัมภีร์ |
ลูกา 4:16 | พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงเจริญวัยในวันสับบาโตพระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรงอ่านพระคัมภีร์ |
มัทธิว 14:19 | พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมาทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพรทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชน |
มััทธิว 26:26 | ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพรทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” |
ลูกา 22:32 | แต่เราอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่าน ให้ความเชื่อของท่านมั่นคงตลอดไปและเมื่อท่านกลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด |
มาระโก 1:35 | วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น |
ลูกา 6:12 | ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน |
ลูกา 22:39-40 | พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคย บรรดาศิษย์ตามเสด็จไปด้วยเมื่อเสด็จถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาเหล่านั้นว่า “จงอธิษฐานภาวนาเถิด เพื่อจะไม่ถูกผจญ” |
ลูกา 5:16 | แต่พระองค์เสด็จไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนา |
ลูกา 9:28 | หลังจากพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องนี้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา |
มาระโก 14:35 | แล้วทรงพระดำเนินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ทรงทรุดลงกับพื้นดิน ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้เวลานั้นผ่านพ้นพระองค์ไป ถ้าเป็นไปได้ |
มัทธิว 27:46 | ครั้นถึงเวลาบ่ายสามโมง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบัคทานี” ซึ่งแปลว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า” |
ลูกา 23:34 | พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ทหารนำเสื้อผ้าของพระองค์ไปจับสลากแบ่งกัน |
ลูกา 23:46 | พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็สิ้นพระชนม์ |
*** อาจให้ผู้เรียนค้นหา/เปิดหาข้อความพระคัมภีร์จาก Application พระคัมภีร์คาทอลิกก็ได้
https://play.google.com/store/apps/details?id=thcb.bible&hl=th&gl=US&pli=1
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. เมื่อมีความทุกข์ ผู้เรียนทำอย่างไร (ร้องไห้, คุยกับเพื่อน, อยู่คนเดียว ฯลฯ)
2. ผู้เรียนได้ภาวนาในชีวิตประจำวันบ้างหรือไม่ เมื่อใดบ้าง (ตื่นนอน, ก่อนนอน, เดินทาง ฯลฯ)
3. เมื่อผู้เรียนได้ภาวนาแล้วมีความรู้สึกอย่างไร (สบายใจ, สงบ ฯลฯ)
สรุป ชีวิตคริสตชน นอกจากจะต้องเชื่อในพระเจ้าแล้ว ยังต้องมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางการภาวนาด้วย การภาวนามีความจำเป็นต่อชีวิตด้านความเชื่อของเราคริสตชนมาก เช่นเดียวกับการหายใจซึ่งสำคัญต่อการมีชีวิตอยู่ การอธิษฐานภาวนาทําให้จิตวิญญาณของเรามีชีวิต หากเราไม่ภาวนา จิตวิญญาณของเราก็จะสูญเสียความเชื่อ
คำสอน
1. โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์นั้นมีศาสนา และมนุษย์ในทุกยุคสมัย ตั้งแต่ยุคถํ้าเรื่อยมาจนถึงยุคดิจิทัล มนุษย์จะแสวงหาพระเจ้าอยู่เสมอ และมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ร้องขานพระนามของพระเจ้าได้ แม้เมื่อมนุษย์ได้สูญเสียความสัมพันธ์กับพระเจ้าไปแล้วเมื่อเขาทำบาป แต่เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะเข้ามาพบพระองค์
2. การอธิษฐานภาวนา เป็นการยกความคิดจิตใจขึ้นหาพระเจ้า เป็นการวอนขอพระเจ้าประทานให้เราตามพระทัยพระองค์ เมื่อเราภาวนา เราต้องวอนขอจากความปรารถนาอันสูงส่งของเรา ด้วยจิตใจต่ำต้อย และเป็นทุกข์ถ่อมใจของเรา (คำสอนพระศาสนจักรฯ 2559)
3. พระเยซูเจ้ายังทรงเรียนรู้ที่จะอธิษฐานภาวนาด้วยความเป็นมนุษย์ของพระองค์ด้วย ทรงเรียนรู้การอธิษฐานภาวนาจากพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ ทรงอธิษฐานภาวนาเสมอที่ศาลาธรรม (ลูกา 4:16) และในชีวิตประจำวัน พระองค์ทรงภาวนา ตั้งแต่เช้า บ่ายและเย็น พระองค์ทรงภาวนาก่อนทานอาหาร (มัทธิว 14:19; 26:26) ทรงภาวนาส่วนตัวและภาวนาพร้อมกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ (ลูกา 22:32) ทรงภาวนาในยามเช้าที่เงียบสงัด หรือในที่มีผู้คนมากมาย (มาระโก 1:35) บนภูเขา (ลูกา 6:12) ริมทะเล (มัทธิว 4:18) ที่สวนมะกอก (ลูกา22:39) แม้จะวุ่นวายสักปานใด พระองค์ทรงหาที่เงียบ ๆ เพื่อภาวนาได้เสมอ (ลูกา 5:16) พระองค์ทรงภาวนาเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติในชีวิตหรือช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ เช่น ก่อนการเลือกอัครสาวก (ลูกา 6:12) พระเยซูเจ้าทรงภาวนาเพื่อสรรเสริญและขอบพระคุณพระบิดา ทรงภาวนาวอนขอการให้อภัยทรงภาวนาวอนขอให้คุ้มครองสานุศิษย์ ทรงภาวนาด้วยจิตใจที่ศรัทธาและไว้วางใจ เมื่อรับรู้ว่าจะต้องทุกข์ทรมาน (ลูกา 9:28) เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการถูกจับกุม (มาระโก 14:35) และเมื่อถูกตรึงกางเขน (มัทธิว 27:46) ทรงภาวนาให้กับผู้ที่ทรมานพระองค์ด้วย (ลูกา 23:34) ทรงจบชีวิตด้วยการภาวนาบนไม้กางเขน (ลูกา 23:46)
4. พระเยซูเจ้ายังทรงสอนเราให้อธิษฐานภาวนาด้วย การอธิษฐานภาวนาของพระองค์เป็นหนทางนำเราไปพบพระเจ้า เป็นหนทางความเชื่อ ความหวังและความรัก ไปพบพระบิดาของพระองค์ และสอนเราให้อธิษฐานภาวนาในบทภาวนาที่พระองค์ทรงสอน คือ บทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
5. พระจิตเจ้าทรงสอนและทรงทำให้พระศาสนจักรระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ พระจิตเจ้ายังทรงช่วยดลใจให้พระศาสนาจักรรู้จักภาวนาในรูปแบบต่าง ๆ ดังพระคัมภีร์ที่สืบทอดเป็นทางการมาจากบรรดาอัครสาวก จุดประสงค์ของการอธิษฐานภาวนาของคริสตชน คือการถวายพระพร การวอนขอ การวอนขอแทนการขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
6. พระศาสนจักรยังสอนให้เราอธิษฐานภาวนาอย่างต่อเนื่องและสอนเราว่า ควรกำหนดเวลาอธิษฐานภาวนาเป็นประจำทุกวัน เวลาเช้า เวลาเย็น ก่อนและหลังอาหาร การอธิษฐานภาวนาในเหตุการณ์ของแต่ละวัน เช่นก่อนเดินทาง ก่อนเรียนหนังสือ ก่อนการทำกิจการงานที่สำคัญ หรือเมื่อต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเป็นพิเศษ เมื่อกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือก่อนการสอบ และขออภัยโทษเมื่อเราได้ทำผิดพลาดไปในแต่ละวัน ที่สุดแล้วต้องไม่ลืมที่จะไปสรรเสริญโมทนาคุณพระเจ้าในพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ และขอบพระคุณพระเจ้าเสมอสำหรับสิ่งดีงามมากมายที่พระเจ้าประทานให้กับเรา
ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. การอธิษฐานภาวนาเป็นการยกความคิดจิตใจขึ้นหาพระเจ้า (คำสอนพระศาสนจักรฯ 2559)
2. พระเยซูเจ้ายังทรงเรียนรู้ที่จะอธิษฐานภาวนาด้วยความเป็นมนุษย์ของพระองค์ด้วย ทรงเรียนรู้การอธิษฐานภาวนาจากพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ
3. พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาเสมอและสอนเราให้อธิษฐานภาวนาด้วย
4. รูปแบบการภาวนาของคริสตชน คือ การถวายพระพร การวอนขอ การวอนขอแทน การขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
5. พระศาสนจักรสอนให้เราอธิษฐานภาวนาอย่างต่อเนื่อง สอนว่าควรกำหนดเวลาอธิษฐานเป็นประจำทุกวัน ในทุกช่วงเวลาของชีวิต
ข. กิจกรรมสรุปบทเรียน
ให้ผู้เรียนไตร่ตรองชีวิตในวันนี้ และเขียนคำภาวนาจากใจในสิ่งที่ผู้เรียนต้องการบอกกับพระเจ้า ใบงาน "คำภาวนาของฉัน" ::: Download ::::
*** หรือร้องเพลง “ภาวนา” เพลงส่งเสริมความศรัทธา แสงธรรมชุดที่ 13
เพลง ภาวนา
ภาวนา ภาวนา ได้ยินเสียงคำภาวนา จากดวงใจเปี่ยมความรักพระเจ้าของลูก
สดุดี สดุดี สรรเสริญพระองค์ทุกวัน สวดอ้อนวอนขอบพระคุณพระเจ้ายิ่งใหญ่
* พระเจ้าข้า พระองค์มีพระวาจาประทานชีวิต ลูกจะยังแสวงหาผู้ใดได้อีก
เพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก ลูกจึงรักพระองค์ และคิดถึงพระองค์ในคำภาวนา
ภาวนา ภาวนา อยากใกล้ชิดพระองค์ทุกวัน ให้ดวงใจสัมผัสความเมตตา
สวดอ้อนวอน ให้เข้าใจแผนการของพระเจ้า ลูกยินดีชีวีติดตามพระองค์ (ย้อน *)
ลูกคิดถึงพระองค์ ในคำภาวนา
*** หรือร้องเพลง “ภาวนา” เพลงประกอบการสอนคำสอน อัลบั้ม รักที่อบอุ่น
https://www.kamsondeedee.com/main/catechist-song/1911-warmlove
เพลง ภาวนา
1. สรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญพระในยามเช้า สรรเสริญพระในยามค่ำ
สรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญพระทุกเวลา
(คำที่ขีดเส้นใต้ เปลี่ยนคำร้องตามคำที่ให้มาด้านล่าง)
2. ขอบคุณ.......... 3. วอนขอ......... 4. ขอโทษ..........
ค. การบ้าน
ภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าทุกคืนก่อนเข้านอน
::: Download บทเรียนที่ 3 ::