ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 1 มีความเชื่อและวางใจ

คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 1
มีความเชื่อและวางใจ

จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
        1. จดจำและอธิบายได้ว่าคริสตชนเชื่ออะไรบ้าง
        2. มีความเชื่อศรัทธาและไว้วางใจในพระเจ้า
        3. ปฏิบัติตามความเชื่อและคำสอนที่พระศาสนจักรสั่งสอน

กิจกรรม Trust walk-เชื่อและวางใจ
อุปกรณ์ ผ้าปิดตา จำนวนครึ่งหนึ่งของผู้เรียนทั้งหมด
วิธีการ
         1. ผู้สอนให้ผู้เรียนจับคู่กับเพื่อน กำหนดให้คนหนึ่งเป็น A และอีกคนเป็น B
         2. แจกผ้าปิดตาให้ผู้เรียนคู่ละ 1 ผืนและให้ A ผูกผ้าปิดตาให้ B
         3. ให้ A ช่วยหมุนตัวให้ B จำนวน 3 รอบ
         4. ให้ A พา B เดินออกไปนอกห้องเรียน และพากลับมานั่งที่เดิมอย่างปลอดภัย โดย A ใช้การพูดบอกทางได้เท่านั้น ห้ามสัมผัสโดนตัวของ B
         5. เมื่อกลับมาถึงที่นั่งแล้วให้นำผ้าปิดตาออกได้
         6. ทำเช่นเดียวกันอีกครั้งโดยสลับให้ A เป็นผู้ถูกปิดตาบ้าง และให้ B เป็นผู้บอกทาง

 

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
        1. ผู้ถูกปิดตารู้สึกอย่างไร / ผู้บอกทางรู้สึกอย่างไร (ตื่นเต้น, กลัว, กังวล, สนุก ฯลฯ)
        2. ทำไมเราจึงเชื่อเพื่อนหรือคำบอกของเพื่อน (เชื่อใจ, ไว้ใจ ฯลฯ)
        3. ทำไมเราจึงเชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ (เคารพ, รัก, กลัว, กตัญญู ฯลฯ)
        4. ทำไมเราจึงเชื่อคำสอนของศาสนา (รักพระเจ้า, กลัวพระเจ้าลงโทษ, เป็นบาป ฯลฯ)

สรุป ชีวิตคริสตชน นอกจากจะเชื่อเหตุผลแล้ว ยังมีสิ่งที่เราต้องเชื่อ คือการเชื่อในพระเจ้าเพราะชีวิตเรามาจากพระเจ้า


คำสอน
        1. ปรากฏการณ์ความเชื่อของคนไทยจนถึงยุคปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่ามีการนับถือธรรมชาติ นับถือผี เทวดา นับถือดวงวิญญาณ เชื่อเรื่องดวง ซึ่งเราจะพบเห็นได้จากการประกอบพิธีกรรมใดก็ตาม จะต้องมีการทำพิธีบวงสรวงมีการบูชา แต่สำหรับคริสตชนเราเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว และคำสอนของพระศาสนจักรเท่านั้น

        2. คำสอนของพระศาสนจักรสอนว่า ความเชื่อ เป็นคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้า ที่ทำใหเ้ราเชื่อในพระเจ้าและทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสและทรงเปิดเผยให้เรารู้ และที่พระศาสนจักรเสนอให้เราเชื่อ เพราะพระเจ้าเองทรงเป็นความจริง (คำสอนพระศาสนจักรฯ 1814)

        3. พระเจ้าซึ่งเราไม่อาจมองเห็น ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ และในประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเจ้าประทับอยู่กับเราด้วยความรักทรงเชื้อเชิญให้เราได้สนิทสัมพันธ์กับพระองค์ เราสามารถตอบสนองต่อการเชื้อเชิญนี้ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ คือการมอบตนเองด้วยความเต็มใจและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า จนทำให้ความเชื่อมีชีวิตในชีวิตของเรา

        4. พระเยซูเจ้าสอนบรรดาศิษย์ว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด” (มาระโก 11:20-26) ขณะที่บรรดาศิษย์ได้เห็นต้นมะเดื่อเทศเหี่ยวเฉาไปจนถึงราก เปโตรจำได้จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ เจ้าข้า ดูซิ ต้นมะเดื่อเทศที่พระองค์ทรงสาปแช่งนั้นเหี่ยวเฉาไปแล้ว” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าผู้ใดบอกภูเขาลูกนี้ว่า จงยกตัวขึ้นและทิ้งตัวลงไปในทะเลเถิด โดยไม่มีใจสงสัยแต่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจะเป็นจริง มันก็จะเป็นเช่นนั้น”
            คำว่า "จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด" หมายความว่า บรรดาศิษย์ต้องมั่นใจในความเชื่อ และต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องต่อความเชื่อและต่อบุคคลที่เขาเชื่อ และนี่คือเอกลักษณ์ของคริสตชน ผู้ที่ไว้วางใจในพระเจ้าคือการมีความเชื่อโดยปราศจากเงื่อนไข และเป็นเป้าหมายในชีวิต

         5. แบบอย่างความเชื่อในพระคัมภีร์ที่เราเห็นได้ชัดคือ “อับราฮัม" ผู้ที่ถือว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ ท่านได้พิสูจน์ความเชื่อศรัทธาของท่านด้วยการกระทำ ท่านดำเนินชีวิตอย่างกระตือรือร้นโดยแสดงน้ำใจ นบนอบเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า ด้วยการถวายบุตรสุดที่รักเพียงคนเดียวแด่พระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข และแบบอย่างของ "พระนางมารีย์" คือการยอมรับพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด

         6. พระศาสนจักรมีสัญลักษณ์แห่งความเชื่อ คือ “บทข้าพเจ้าเชื่อ” เป็นการสรุปข้อความเชื่อของคริสตชน 12 ประการ คือ
1. ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงเนรมิตฟ้าดิน
2. ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
3. ทรงปฏิสนธิเดชะพระจิตเจ้าทรงบังเกิดจากพระนางมารีย์พรหมจารี
4. ทรงรับทรมานสมัยปอนทิอัสปิลาต ทรงถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้
5. เสด็จสู่แดนมรณะ วันที่สามทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
6. เสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระเจ้า พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ
7. แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
8. ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า
9. พระศาสนจักร ศักดิ์สิทธิ์ สากล ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวของผู้ศักดิ์สิทธิ์
10. การอภัยบาป
11. การกลับคืนชีพของร่างกาย
12. และชีวิตนิรันดร

         7. ความเชื่อ มีความจำเป็นต่อความรอดของเรา เพื่อจะมีความเชื่อ เราต้องการความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้า อาศัยการภาวนาวอนขอ การเรียนคำสอน การอ่านพระคัมภีร์ ศึกษาประวัตินักบุญและการแบ่งปัน บอกเล่าประสบการณ์แห่งความเชื่อให้แก่กันและกัน จะช่วยเพิ่มพูนความเชื่อในใจเราให้มากยิ่งขึ้น และความเชื่อในพระเจ้าแสดงออกโดยการที่เรารักพระเจ้า รักพระศาสนจักร และรักเพื่อนพี่น้องทุกคน

 

ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
         1. ความเชื่อ เป็นคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้าที่ทำให้เราเชื่อในพระเจ้าและทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสและทรงเปิดเผยให้เรารู้และที่พระศาสนจักรเสนอให้เราเชื่อ เพราะพระเจ้าเองทรงเป็นความจริง (คำสอนพระศาสนจักรฯ 1814)
         2. พระเยซูเจ้าสอนบรรดาศิษย์ว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด” (มาระโก 11:20-26)
         3. คริสตชนต้องมีความไว้วางใจแท้จริงในพระเจ้า ไม่ใช่เพียงความรู้สึกเลื่อนลอยและไม่มีความชัดเจน เขาต้องไว้ใจในพระองค์อย่างไร้เงื่อนไขและไร้ขอบเขต
         4. แบบอย่างของบุคคลที่มีความเชื่อในพระคัมภีร์ คือ อับราฮัมและพระนางมารีย์
         5. เรามีสัญลักษณ์แห่งความเชื่อ คือ “บทข้าพเจ้าเชื่อ” เป็นการสรุปข้อความเชื่อ 12 ประการ เป็นความเชื่อของพระศาสนจักรและเป็นหลักความเชื่อของคริสตชน
         6. ความเชื่อในพระเจ้าจะแสดงออกโดยการที่เรารักพระเจ้า รักพระศาสนจักรและรักเพื่อนพี่น้องทุกคน

ข. กิจกรรมสรุปบทเรียน
         ให้นักเรียนท่องบทข้าพเจ้าเชื่อ (สัญลักษณ์ของอัครสาวก) *ดูในคำสอนข้อ 6

ค. การบ้าน
          ฝึกสวดบทแสดงความเชื่อ

บทแสดงความเชื่อ
          ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในความจริงทุกข้อ
ที่พระองค์ทรงเปิดเผย และที่พระศาสนจักรสั่งสอน
โปรดทรงเพิ่มพูนความเชื่อของข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน



::: Download  บทเรียนที่ 1 ::

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์