การประชุมศิษย์เก่าที่จบด้านคำสอนครั้งที่ 1
บ้านผู้หว่าน สามพราน : เมื่อวันที่ 26-27 กรกฎาคม ค.ศ.2011 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการอบรมคริสตศาสนธรรม ในสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทยได้จัดการประชุมสามัญครั้งที่ 1 ประจำปี 2011 โดยมีผู้รับผิดชอบงานด้านคำสอนจากสังฆมณฑลต่างๆเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง หลังจากนั้นในตอนบ่ายของวันที่ 27 เวลา 13.30-16.15 น. คุณพ่อเปรมปรี วาปีโส เลขาธิการฯได้เชิญศิษย์เก่าที่จบวิชาคำสอนจากสถาบันต่างๆเข้าร่วมพบปะและระดมสมองเพื่อการพัฒนางานคำสอนเป็นต้นในการจัดการอบรมให้กับนักศึกษาในสาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา วิทยาลัยแสงธรรม
จำนวนพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสที่เรียนจบด้านคำสอนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมีทั้งหมด 74 คน แต่สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งที่เป็นสงฆ์นักบวชและฆราวาสจำนวน 21 คน สาระสำคัญที่สมาชิกได้นำเสนอสรุปที่สำคัญได้ 2 ประเด็น คือ ชีวิตจิตครูคำสอน และการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนของวิทยาลัยแสงธรรม
ในเรื่อง “ชีวิตจิตครูคำสอน” นั้นเป็นเรื่องที่สมาชิกให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าครูคำสอนไม่มีชีวิตจิต จะทำการสอนคำสอนหรือประกาศข่าวดีได้อย่างไร เพียงหลักสูตรที่ดีอย่างเดียวคงไม่พอ แม้ว่าผู้รับผิดชอบพยายามกระทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ แต่เรื่องของความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่เราเองคาดคิดไม่ได้
สมาชิกฆราวาสที่เป็นศิษย์เก่าได้นำเสนอข้อคิดที่น่าสนใจว่า การฝึกอบรมเรื่องชีวิตจิตให้กับครูสำสอนนั้น ควรคำนึงความต้องการและสภาพความเป็นจริงของฆราวาสด้วย เพราะฆราวาสไม่ใช่นักบวช และเมื่อมาเข้ารับการอบรมแล้ว เราควรมีความไว้วางใจในการให้การอบรมของบรรดาผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ เพราะถ้าท่านให้ทำอะไรย่อมมีสิ่งที่ดีๆที่จะเกิดขึ้นจากกิจกรรมนั้น เราควรที่จะมีครูคำสอนต้นแบบให้นักศึกษาได้ศึกษาและเรียนแบบ ต้องสร้างแรงจูงใจที่ดีในการสมัครเข้ามาเรียนเพื่อเป็นครูคำสอน
สำหรับตัวบ่งชี้ว่าใครมีชีวิตจิตหรือไม่นั้น ต้องถามตนเองว่าเวลามีปัญหา เราเข้าหาใคร เราพึ่งพระเจ้า หรือมีพระเจ้าในจิตใจหรือไม่ การให้นักศึกษาได้แบ่งปันพระวาจาจะเป็นหนทางหนึ่งในการสร้างชีวิตจิตให้กับครูคำสอนของเรา นอกจากนั้นเราในฐานะที่เป็นผู้ให้การอบรม เราควรที่จะเป็นผู้สร้างบรรยากาศให้นักศึกษาของเรา การเติบโตชีวิตฝ่ายจิตนั้นจะต้องพัฒนามาจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ หรือจากชีวิตประจำวัน ให้พวกเขาทำทุกอย่างด้วยความรัก อย่าปฏิบัติเพราะเป็นเพียงแค่ตารางเวลา ที่ต้องปฏิบัติเพราะเป็นหน้าที่เท่านั้น และเมื่อจบการศึกษาแล้วพวกเขายังต้องมีการฝึกอบรมและพัฒนาต่อไป
อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจ คือ คำว่า “จิตตารมณ์” กับ “ชีวิตจิต” เราต้องสร้างจิตตารมณ์การเป็นครูคำสอนให้กับศิษย์ของเรา จิตตารมณ์เป็นคำใหญ่ที่ครอบคลุมหลายเรื่องด้วยกัน ส่วนชีวิตจิตเป็นหนึ่งในจิตตารมณ์นี้
ส่วนเรื่องหลักสูตรการสอนในวิทยาลัยแสงธรรมนั้น ควรที่จะพิจารณาว่าวิชาทุกวิชาจะต้องนำไปสู่ชีวิตหรือให้เป็นชีวิตมากกว่าให้แต่ความรู้หรือความจำเท่านั้น ควรให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติในเรื่องที่พวกเขาจะต้องนำไปใช้เมื่อจบการศึกษาแล้ว
ที่ประชุมจบลงด้วยพระคุณเจ้าวีระ อาภรณ์รัตน์ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจสมาชิกทุกคน ท่านได้กล่าวเชิญชวนให้สมาชิกได้เรียนด้านคำสอนในชั้นสูงต่อไปทั้งในระดับปริญญาโทและเอก เพื่อกลับมาพัฒนางานคำสอนในประเทศไทยของเรา