Love Letter 1
ท่านคือทูตของเรา
สวัสดีครูคำสอน เพื่อนผู้ร่วมงานในพระคริสตเจ้าทั้งมือเก่าและมือใหม่ทุกคน
วันนี้พ่อได้มีโอกาสมาเยี่ยม “ครูไก่” กับ “ครูจอย” เพื่อนครูคำสอนจากโคราชและราชบุรีที่กำลังศึกษาวิชาคำสอนที่มหาวิทยาลัยอูร์บานีอานา นครรัฐวาติกัน อิตาลี และได้พักอยู่ที่นี้สี่วันหลังจากการประชุมผู้อำนวยการองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรมของสันตะสำนัก(PMS) ระหว่างวันที่ 13-21 พ.ค. 2010 เสร็จสิ้นลง
ทราบดีว่าหลายคนคงได้รับหน้าที่ให้เป็นครูสอนคำสอนตามเดิม ส่วนอีกหลายคนคงเพิ่งได้รับหน้าที่ใหม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อนครูคำสอนหลายคนยังคงมีความสับสนหรือไม่มั่นใจกับงานการเป็นครูคำสอนว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อจะได้เป็นครูคำสอนที่ดี (เอาเป็นว่าแค่ดีไม่ต้องถึงกับยอดเยี่ยมก็พอแล้ว)
ดังนั้นจึงอยากจะให้ “กำลังใจ” ครูคำสอนทุกคน และอยากจะให้ “ข้อแนะนำ” บางประการเพื่อการเป็นครูคำสอนที่ดี อย่างน้อยในปีนี้ เพื่อนๆจะได้รับใช้พระเจ้าด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นี่เป็นจุดประสงค์ของการเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนครูคำสอนทุกคน ขอให้ติดตามไปเรื่อยๆก็แล้วกัน
ขอเริ่มจาก “กระแสเรียก” การเป็นครูคำสอนก่อน
ต้องบอกว่าการทำงานคำสอนนี้ “ใจ” ต้องมาก่อน งานการสอนคำสอนเป็นงานที่ต้องอาศัย “ใจรัก” และ “ศรัทธา” พูดอย่างนี้หลายคนอาจจะขอถอนตัวหรือท้อใจ...แต่อย่าเพิ่ง...อ่านต่อไปก่อนก็แล้วกัน
เพื่อนๆรู้ประวัติของ “ยอห์นบัปติส” ดีแล้วใช่ไหม พวกเราชื่นชมความเข้มแข็งในการทำหน้าที่ของท่านใช่ไหม พวกเราเคยคิดไหมว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกท่านยอห์นบัปติสว่าเป็นประกาศก “ผู้ยิ่งใหญ่” ท่านยอห์นทำงานอะไรจึงได้รับเกียรติจากพระเยซูเจ้ามากเช่นนี้ คำตอบก็คือ...ท่านเป็นผู้ “เตรียมจิตใจ” ประชาชนเพื่อการรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเอง
เพื่อนๆ ครูคำสอนทุกท่านก็คือ ผู้ที่เตรีมจิตใจของเด็กๆเพื่อการรับเสด็จองค์พระเยซูเจ้าเช่นเดียวกันมิใช่หรือ...ถูกต้องแล้ว...ดังนั้นเพื่อนๆก็มีสิทธิที่จะได้รับชื่อว่าเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่” เช่นเดียวกัน คราวนี้เวลาทักทายกันต้องทักว่า...”สวัสดี ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่”
คราวนี้ขอพูดถึงหน้าที่ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่กันสักหน่อย คือ หน้าที่การเตรียมจิตใจเพื่อการรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อมีคนถามพระเยซูเจ้าว่า ยอห์นบัสติส คือใคร พระเยซูเจ้าทรงอ้างอิงพระคัมภีร์จากมาลาคี 3:1 ความว่า “ดูเถิด เราส่งทูตของเราไปเพื่อตระเตรียมหนทางไง้ข้างหน้าเรา” ให้ลองเอาชื่อของเพื่อนๆแต่ละคนใส่ลงไปแทนคำว่า “ทูตของเรา” ดูซิ แล้วเพื่อนๆจะเห็นว่าเพื่อนแต่ละคนได้มีส่วนร่วมงานอันยิ่งใหญ่ในการเตรียมจิตใจเด็กๆของเราให้พร้อมที่จะต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวท่านยอห์นบัสติส ยิ่งไปกว่านั้นในหนังสือของมาลาคี “ทูต” ยังเปรียบได้กับไฟที่ใช้เพื่อทำให้โลหะสะอาดบริสุทธิ์ “เพราะว่าท่านเป็นประดุจไฟถลุงแร่ และประดุจสบู่ของช่างซักฟอก ท่านจะนั่งลงอย่างช่างหลอมและช่างถลุงเงินและท่านจะชำระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ และถลุงเขาอย่างถลงทองคำและถลุงเงินจนกว่าเขาจะนำเครื่องบูชาอันถูกต้องถวายแด่พระเจ้า” (มาลาคี 3:2-3) มีกลุ่มผู้ศึกษาพระคัมภีร์ของวัดแห่งหนึ่งมีความสงสัยว่าทำไมจึงเปรียบทูตของพระเจ้าเป็นเหมือนไฟถลุงโลหะเช่นนี้ พวกเขาอยากทราบความหมายที่แท้จริงของคำๆ นี้ดังนั้นจึงชวนกันไปดูโรงงานทำเชิงเทียนแห่งหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นก็คือ นายช่างเครื่องเงินถือเชิงเทียนแล้วนำไปลนไฟเป็นระยะๆ พวกเขาจึงถามว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น นายช่างตอบว่าเพื่อให้ความร้อนของไฟชำระสิ่งสกปรกต่างๆและทำให้เครื่องเงินของเขาบริสุทธิ์ พวกเขาจึงถามต่อไปว่า “เมื่อไรจะเสร็จสิ้นกระบวนการทำงาน และจะรู้ได้อย่างไรว่าเชิงเทียนนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์พร้อมที่นำไปจำหน่ายได้แล้ว” นายช่างคนนั้นยิ้มแล้วตอบว่า “ง่ายนิดเดียวครับ ผมรู้ว่ามันบริสุทธิ์จริงๆเมื่อผมสามารถมองเห็นใบหน้าของผมในเชิงเทียนนี้”
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ “พันธกิจของครูคำสอน”
ในฐานะครูคำสอน เพื่อนๆเป็นเสมือน “ทูต” ขององค์พระผู้เป็นเจ้า มีหน้าที่เตรียมจิตใจของเด็กๆที่เพื่อนๆจะต้องทำการอบรมสั่งสอนพวกเขา ช่วยพวกเขาให้เปิดหัวใจรับการชำระด้วยไฟแห่งความรักของพระองค์ ให้หัวใจของพวกเขาได้สัมผัสกับไฟแห่งความรักของพระองค์จนกระทั่งภาพของพระเยซูเจ้าปรากฏเด่นชัดในหัวใจของพวกเขา การทำให้หัวใจของเด็กๆเป็นภาพสะท้อนของพระเยซูเจ้านี้ นี้แหละเป็นเป้าหมายของการสอนคำสอนของเรา แต่สิ่งที่สำคัญที่เพื่อนๆจะต้องจำใส่ใจไว้ให้ดีก็คือ เราไม่ได้กระทำพันธกิจนี้แต่เพียงลำพังหรือด้วยความสามารถของเราเองเท่านั้น แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำงานนี้โดยผ่านทางตัวของเรา เราเป็นเสมือนช่างทำเครื่องเงินคนนั้น เชิงเทียนเป็นหัวใจของเด็กๆ และภาพที่ปรากฏในเชิงเทียนนั้นคือภาพขององค์พระเยซูเจ้า มิใช่ภาพของตัวเรา
โปรดฟังอีกครั้ง!! เพื่อนครูคำสอนที่รัก เราเป็นดั่งเช่น ยอห์น บัสติส งานของเราในฐานะครูคำสอน คือ การเตรียมหัวใจของเด็กๆ ให้พร้อมสำหรับการต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เราต้องช่วยให้พวกเขาได้เปิดหัวใจออกรับการชำระจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจนกระทั่งภาพขององค์พระเยซูเจ้าทรงปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดในหัวใจของพวกเขา นี้แหละคือเป้าหมายของการสอนคำสอน และเราไม่ได้กระทำหน้าที่นี้ด้วยพลังกำลังของเราเอง แต่องค์เยซูเจ้าเองทรงกระทำโดยผ่านทางตัวของเรา
สำหรับวันนี้ ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอให้เพื่อนๆทำงานให้สนุก แล้วจะมีความสุขกับการทำงาน พบกันอีกในฉบับหน้า
ขอพระเจ้าประทานพระพร
คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ
หอพักครูคำสอน วาติกัน : 25 พ.ค. 2010