ข่าวดีสำหรับครูคำสอนทุกท่าน
“ขอบใจ” ที่พวกเราได้เลือกที่จะมาเรียนวิชาคำสอนหรือคริสตศาสนธรรม อาจจะมีคนหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเราจึงเลือกเส้นทางชีวิตเช่นนี้ อาจจะมีความคิดเห็นต่างๆมากมาย ทั้งให้กำลังใจและบั่นทอนกำลังใจ แต่อย่างไรก็ตามคนเราจะเลือกเป็นอะไรหลายๆอย่างในชีวิตหนึ่งพร้อมๆกันในเวลาเดียวคงไม่ได้ หรือถ้าได้แต่ก็ไม่ดี เมื่อเราได้เลือกแล้ว ก็ขอให้เราได้จริงจังกับสิ่งที่เราเลือก เราต้องตั้งเป้าหมายชีวิตของเราในงานนี้ว่า “ฉันจะต้องเป็นผู้สร้างตำนาน” ในงานที่ฉันรับผิดชอบให้ได้
เมื่อลำดับงานต่างๆในพระศาสนจักรแล้ว เราลองพิจารณาดูซิว่างานใดเป็นงานที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้ามากที่สุด คำตอบก็คือ “การสอนคำสอน” นั้นเอง เรามาดูเหตุผลที่พอจะนึกออกในเวลานี้ดูก็ได้
1. เป็นงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมากที่สุด
ต้นแบบและแรงบันดาลใจในการสอนคำสอนเพื่อให้ผู้อื่นได้รับความเชื่อมาจาก “พระเยซูเจ้า” พระองค์เสด็จลงมาก็เพื่อสอนคำสอน พระองค์ทรงสอนคนพร้อมๆกันเป็นจำนวนมากในคราวเดียว เช่น สอนเรื่องความสุขแท้จริงให้กับคนกว่า 5000 คน และทรงสอนแบบเจาะรายบุคคล เช่น การสอนนิโคเดมัสและหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ ทรงสอนด้วยความเพียรทน สุภาพถ่อมตน ทรงปรับตัวพระองค์เองให้เข้ากับเข้ากับสถานการณ์เฉพาะที่ได้อย่างเหมาะสม พระองค์ทรงให้เวลากับบุคคลที่กำลังมีความต้องการแม้ว่าจะเป็นคนเล็กน้อยเพียงใดก็ตามที่ต้องการได้ยินได้ฟังความจริงเกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้า
ครูคำสอนจึงเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงใช้เพื่อทำให้ผู้อื่นได้มารู้จักพระองค์
ครูคำสอนเป็นเช่นทูตสวรรค์ในค่ำคืนที่พระเยซูเจ้าประสูติ ทำหน้าที่ประกาศเรื่องของพระผู้ไถ่ให้โลกได้รับรู้ว่าพระองค์ทรงบังเกิดมาแล้ว และแจ้งให้มนุษย์ได้ทราบว่าจะพบพระองค์ได้ที่ไหน พระองค์ทรงมีพระลักษณะเช่นไร
ครูคำสอนจะทำหน้าที่เหมือนกับทูตสวรรค์ในวันการกลับคืนชีพ คือ ประกาศข่าวมหามงคลว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับฟื้นคืนชีพแล้ว
2. เป็นงานที่ต้องอุทิศตน
ครูคำสอนจะต้องได้รับเตรียมตัวมาอย่างดี มีความรู้ที่ดีและถูกต้อง รู้จักประยุกต์คำสอนให้เข้ากับความต้องการของผู้เรียน โดยเห็นอกเห็นใจและเข้าใจถึงปัญหาความทุกข์ยากอุปสรรค ความกลัว รวมถึงจุดเด่นต่างๆของผู้เรียนเพื่อจะได้ช่วยให้ผู้เรียนได้เอาชนะอุปสรรคต่างๆเหล่านั้นด้วยพระหรรษทานของพระองค์ ครูคำสอนจึงต้องเป็นบุคคลที่อุทิศตน ทำงานเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
3. เป็นงานที่มีความสำคัญและจำเป็นมากที่สุด
งานคำสอนเป็นงานที่ช่วยทำให้ความกระหายหาฝ่ายจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคนได้รับการตอบสนอง มนุษย์สามารถเลี้ยงจิตวิญญาณที่หิวกระหายความจริง ความยุติธรรม ความรักด้วยงานคำสอน หากขาดคนชี้แนะพวกเขาจะแสวงหาอะไรเป็นหลักในชีวิตได้
4. เป็นงานที่เตรียมคนไปสู่เมืองสวรรค์
งานคำสอนเป็นการเตรียมคนไปสู่สวรรค์และให้ได้ลิ้มรสของเมืองสวรรค์ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ ตามที่พระองค์ตรัสว่า “ชีวิตนิรันดรคือ การรู้จักพระองค์ พระเจ้าแท้จริงแต่พระองค์เดียวและรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมาคือพระเยซูคริสตเจ้า”(ยน 17:3)
5. เป็นงานที่มีคุณค่าขั้นสูงสุด
เปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโครินธ์ถึงเรื่องพระพรที่พระเจ้าประทานให้เราแตกต่างกันไปทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์โดยรวมของพระศาสนจักร และท่านได้ให้ลำดับความสำคัญของงานแต่ละประเภทเป็นต้นท่านให้ความสำคัญแก่งานด้านจิตวิญญาณ “พระเจ้าทรงแต่งตั้งบางคนให้ทำหน้าที่ต่างๆในพระศาสนจักร คือ หนึ่งให้เป็นอัครสาวก สองให้เป็นประกาศก และสามให้เป็นครูอาจารย์ ต่อจากนั้น คือ ผู้มีอำนาจทำอัศจรรย์ ผู้รักษาโรค ผู้ช่วยเหลือผู้ปกครองและผู้ที่พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ”(1 คร 12:28)
เปาโลให้งานการเป็นอัครสาวก งานประกาศกและครูอาจารย์กับผู้ที่เทศน์สอน ผู้ประกาศและผู้อธิบายพระวาจาของพระเจ้าและงานการอธิบายความจริงเรื่องของจิตวิญญาณให้อยู่สูงกว่างานด้านอื่นๆ เช่น สูงกว่างานการทำอัศจรรย์ การรักษาโรคทางร่างกายและงานกิจเมตตาปรานี
งานการสอนคำสอนด้วยความสุภาพถ่อมตนดูเหมือนว่าจะเป็นงานเล็กๆน้อยๆในสายตาของคนอื่น แต่กลับเป็นงานที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา และแน่นอนพระองค์จะทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้แก่เราเช่นกัน
6. เป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้าโดยตรง
พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายงานชิ้นนี้ให้กับบรรดาอัครสาวกซึ่งเป็นบุคคลที่พระองค์เองบรรจงเลือกสรรมาด้วยพระองค์เอง แล้วพระองค์ยังทรงฝึกอบรมพวกเขาด้วยพระองค์เอง และทรงกำชับและสั่งการให้พวกเขา “จงไปสั่งสอนนานาชาติ” ก่อนที่พระองค์จะทรงขึ้นสู่สวรรค์ จากนั้นเป็นต้นมางานการสอนคำสอนจึงได้รับการมอบหมายและถ่ายทอดกันเรื่อยมาจนถึงพวกเราในทุกวันนี้
7. เป็นงานที่จะทำให้ได้รับรางวัลในเมืองสวรรค์
ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า “จงรู้ไว้เถิดว่าผู้ที่ช่วยคนบาปให้กลับมาจากทางผิด ก็จะช่วยวิญญาณของตนให้รอดพ้นจากความตายและจะได้รับการอภัยบาปทั้งปวง”(ยก 5:20)
เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของงานการสอนคำสอนแล้ว ในด้านหนึ่งเราสำนึกถึงความสำคัญและยิ่งใหญ่ของงานนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่งเรารู้ตัวว่าเราไม่เหมาะสมจะได้รับเกียรติจากพระเจ้าให้มารับผิดชอบงานที่สำคัญเช่นนี้เลย แต่อย่างไรก็ตาม เรามาถูกทางแล้ว
(คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ โอกาศปฐมนิเทศนักศึกษาหลักสูตรศิลปะศาสตร์ สาขาคริสตศาสนศึกษา วิทยาลัยแสงธรรม สามพราน นครปฐม วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2009)