คำสอนเรื่องการสวดภาวนา
ลูกรัก การสวดภาวนาคือการยกจิตใจขึ้นหาพระ เพื่อให้พระองค์ทราบถึงความต้องการของเราและขอรับความช่วยเหลือจากพระองค์ เราไม่เห็นพระแต่พระทรงเห็นเรา, ได้ยินเรา, ทรงมีพระประสงค์ให้เราถวายสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดซึ่งได้จิตใจและหัวใจของเราแด่พระองค์. เมื่อเราตั้งใจสวดภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตน เราจะหลุดออกไปจากโลกและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ตรงไปยังพระอุระของพระเจ้า สนทนากับเหล่านิกรเทวดาและนักบุญทั้งหลาย. การสวดภาวนาทำให้นักบุญเข้าสู่สวรรค์ และดังนั้นเราก็สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้เช่นกัน ถูกแล้วลูกรัก การสวดภาวนาคือบ่อเกิดของพระพรทั้งหลาย เป็นมารดาแห่งคุณธรรมทุกชนิด เป็นวิธีของสากลจักรวาลที่สัมฤทธิผลที่พระโปรดให้เราใช้เพื่อไปหาพระองค์. พระองค์ตรัสกับเราว่า “จงขอเถิดและท่านจะได้รับ” มีแต่พระเท่านั้นที่สามารถให้สัญญาเช่นนี้และทรงรักษาสัญญา
พระมิได้ตรัสกับเราว่า “จงขอสิ่งนั้นสิ่งนี้เถิดและเราจะประทานให้” แต่พระองค์ตรัสในลักษณะทั่วไปว่า “ถ้าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน” (ยน 15:16) ลูกรัก พระสัญญานี้มิได้ทำให้เราเชื่อมั่นและสวดภาวนาด้วยความร้อนรนตลอดทุกวันในชีวิตที่ยากไร้ของเราหรือ? เราไม่อับอายเพราะความเกียจคร้านและการเฉยเมยในการสวดภาวนาหรือ ทั้งที่พระผู้ไถ่ผู้ทรงแจกจ่ายพระหรรษทานทั้งหลายได้ประทานตัวอย่างที่น่าชื่นชมเช่นนี้แก่เรา?
เราทราบจากพระวรสารว่าพระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนาอยู่บ่อยๆ พ่อเองก็สวดภาวนาตลอดคืน พวกเราเป็นผู้บริสุทธ์และศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับพระองค์หรือ? เราไม่รู้จะขอพรอะไรกันบ้างหรือ? ให้เราพิจารณาตัวเองและตรวจดูว่า วิญญาณและร่างกายของเราไม่ได้เตือนเราให้ขอพระพรจากพระองค์ผู้ทรงสามารถให้เราได้แต่เพียงผู้เดียวหรือ? เรามีศัตรูอะไรบ้างที่ต้องเอาชนะให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจ, โลก, และตัวเราเอง? เรามีอะไรที่ต้องแก้ไขและเอาชนะบ้างเช่นนิสัยที่ไม่ดี, ตัณหาต่างๆ, บาปต้น? เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เราเหลืออะไรบ้างที่เป็นของเรา? อย่าลืมว่า เกราะป้องกันตัวของนักบุญได้แก่ การสวดภาวนาซึ่งเป็นคุณธรรมที่จำเป็นสำหรับเราคริสตังทุกคน
การสวดภาวนาเป็นคุณธรรมที่เข้าถึงง่ายและให้แสงสว่างแก่จิตใจสำหรับทุกคนไม่ว่าจะมีสติปัญญามากหรือน้อยก็ตาม ทุกคนที่รู้ความควรรักและสวดภาวนา การสวดภาวนาเป็นการคืนดีกับพระองค์เมื่อเราได้ทำเคืองพระทัย, เป็นการขอบคุณเมื่อพระองค์ประทานสิ่งที่เราขอ และเป็นการถ่อมตนเมื่อพระองค์ทรงลงโทษ
ครั้งหนึ่งนักบุญอิกญาซิโอ (1491-1556) ผู้ตั้งคณะเยสุอิตกำลังเดินทางกับเพื่อนๆ ทุกคนแบกถุงเล็กๆ ที่ใส่ของจำเป็นสำหรับการเดินทาง คริสตังที่ใจดีคนหนึ่งเห็นว่าพวกเขาเหน็ดเหนื่อยก็รู้สึกดีใจที่จะได้มีโอกาสช่วยเหลือพวกเขาจึงขออนุญาตช่วยแบกของแทนซึ่งก็ได้รับอนุญาต เมื่อพวกเขาไปถึงที่พัก ชายผู้ช่วยแบกของตามหลังสังเกตเห็นพวกเขาต่างคุกเข่าสวดภาวนา ตนจึงคุกเข่าด้วย เมื่อพวกเขาลุกขึ้นแล้วก็หันกลับมาก็เห็นว่าชายคนนั้นยังคงคุกเข่าอยู่ จึงรู้สึกแปลกใจและถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่? คำตอบที่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกทึ่ง “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดว่า พวกที่สวดภาวนาอย่างศรัทธาเป็นพวกนักบุญ ส่วนผมเป็นเพียงสัตว์ขนของให้พวกเขา ข้าแต่พระเจ้าผมตั้งใจอยากทำอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ ผมจึงสวดภาวนาขอสิ่งใดก็ได้ตามที่พวกเขากำลังสวดอยู่ครับ” นี่คือการสวดด้วยคำพูดธรรมดา และเป็นวิธีการสวดภาวนาที่วิเศษทีเดียว ฉะนั้นจึงไม่มีใครที่สวดภาวนาไม่เป็น ขอให้สวดตลอดเวลาและสวดในทุกสถานที่ทั้งกลางวันและกลางคืน หรือขณะที่กำลังทำงานหนักอยู่หรือกำลังนั่งพัก, กำลังเดินทางหรืออยู่ที่บ้าน. พระเจ้าผู้พระทัยดีประทับอยู่ทุกแห่งหนพร้อมที่จะฟังคำภาวนาของเรา ขอแต่ให้เราสวดเรียกหาพระองค์ด้วยความเชื่อและความสุภาพถ่อมตนเท่านั้น
**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก http://saints.sqpn.com/stj18036.htm