คำสอนเรื่องความรอด
ลูกรัก ความสุขของมนุษย์ในโลกคือการเป็นคนดีมาก ผู้ที่เป็นคนดีมากถวายพระพรแด่พระเจ้า เป็นผู้ที่รักและถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่นชมยินดีและความรัก เพราะพวกเขาทราบว่า มนุษย์เราที่อยู่ในโลกนี้ก็เพื่อรับใช้และรักพระเจ้าผู้พระทัยดีเท่านั้น
จงดูคริสตังที่ไม่ดี พวกเขาก่อเรื่องและเกลียดชังทุกสิ่งที่ทำ. ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะพวกเขาไม่รักพระ เพราะวิญญาณของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ และมิได้มีความหวังในสวรรค์แต่ฝากความหวังไว้ในโลกนี้. หัวใจของพวกเขาเป็นบ่อเกิดของสิ่งสกปรกที่แพร่พิษไปในทุกสิ่งที่กระทำ และขัดขวางมิให้พวกเขาเข้าหาพระเจ้า พวกเขาจบชีวิตลงโดยไม่ได้คิดถึงความตาย ไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อสวรรค์ อัดแน่นไปด้วยสิ่งชั่วร้ายเพื่อไปนรก นี่คือวิถีทางที่นำสู่การเสียวิญญาณตลอดนิรันดร์.
มีผู้กล่าวว่า การช่วยวิญญาณสักดวงให้รอดเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเกินไป แต่ลูกรัก การได้รับการสรรเสริญหรือการแสวงหาทรัพย์สมบัติก็เป็นเรื่องที่ต้องเหนื่อยยากเหมือนกันมิใช่หรือ? ลูกนอนอยู่บนเตียงหรือ เมื่อลูกกำลังไถนาหรือเก็บเกี่ยวพืชผล? ก็ไม่ใช่ ถ้าเช่นนั้นทำไมลูกถึงเกียจคร้านยิ่งกว่าการไปไถนาเมื่อลูกทำงานสะสมทรัพย์สมบัติมหาศาลที่ไม่มีวันสูญสลายไปเล่า?
ลูกรัก หากเราต้องการเอาตัวรอด เราต้องตั้งใจให้ดีที่สุดที่จะทำงานอย่างจริงจังเพื่อความรอดของเรา วิญญาณของเราเปรียบได้กับสวนที่มีหญ้าพร้อมที่จะขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้พืชพันธุ์ที่ดีและดอกไม้ที่เราปลูกเหี่ยวเฉาไป. หากชาวสวนปล่อยปละละเลย หากไม่ใช้จอมใช้เสียมพรวนดินและจัดการกับวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ พืชพันธุ์ที่เราปลูกก็จะเหี่ยวแห้งตายไป ดังนั้น จงตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมที่พระเจ้าประทานมาให้เป็นเครื่องประดับวิญญาณ อย่าให้สูญหายไปในความชั่วร้ายเพราะความเพิกเฉยไม่เอาใจใส่ดูแล. ชาวสวนที่ดีทำงานทุกวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำเพื่อขจัดหญ้ารกหนามร้ายในสวนของตน และประดับสวนให้สวยงามด้วยดอกไม้หลากสี ดังนั้นให้ลูกหมั่นทำงานทุกวันเช่นกันในการถอนสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ออกจากวิญญาณและประดับวิญญาณด้วยคุณธรรม. ลูกรัก ชาวสวนไม่ยอมให้ต้นหญ้ามีรากงอกในสวนของตน เพราะเขาทราบว่าถ้าปล่อยไว้เขาจะกำจัดมันไม่ได้ ลูกก็อย่าให้ความชั่วร้ายฝังรากในวิญญาณ มิฉะนั้นลูกจะไม่สามารถเอาชนะมันได้
วันหนึ่ง มีฤษีท่านหนึ่งอยู่ในป่ากับเพื่อนคนหนึ่ง ท่านชี้ให้เพื่อนดูต้นสน 4 ต้นที่จะให้เขาช่วยถอนทิ้ง เพื่อนผู้ไม่เข้าใจนักว่าทำไมฤษีจึงให้ตนทำเช่นนั้นก็เริ่มออกแรงนิดหน่อยถอนสนต้นแรกที่มีขนาดเล็ก. ต้นที่สองมีขนาดโตกว่าไม่มาก เขาใช้แรงมากกว่าเดิมก็สามารถถอนได้ ต้นที่สามที่มีขนาดโตกว่าต้นที่สอง เขาต้องใช้สองมือดึงจนสุดกำลังจึงจัดการได้ เมื่อมาถึงต้นที่สี่ซึ่งเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่และมีรากฝังลึกในดินแล้ว เขาพยายามทั้งฉุดทั้งกระชากอยู่นานจนหมดแรง แต่ก็ไร้ผล ที่สุดฤษีจึงอธิบายให้เพื่อนฟังว่า “เราสามารถจัดการกับตัณหาบาปของเราได้ หากเรารู้จักระมัดระวังและทำพลีกรรมบ้าง แต่ถ้าบาปนั้นฝังรากลงลึกแล้ว จะกำจัดได้ยากมากและบางครั้งก็ทำไม่ได้เลยนอกจากต้องอาศัยอัศจรรย์ช่วย”
ลูกรัก อย่าให้เราต้องรออัศจรรย์ในการกำจัดบาปเลย ขอให้เราอย่าผัดวันประกันพรุ่งไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ให้เราจัดการกำจัดบาปทุกวัน ให้เราทำงานขณะที่ยังมีเวลาอยู่ เพราะขืนปล่อยไว้นานเราอาจไม่มีพลังมากพอที่จะกำจัดได้ ให้เราระมัดระวังตนเองและเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ให้เราสวดขอพระ เพราะเมื่อได้อาศัยความช่วยเหลือจากพระองค์เราจะมีพลังมากกว่าตัณหาบาปของเราเสมอ. ลูกรัก มนุษย์ทำบาป แต่ในการทำบาปครั้งแรกๆ เขาจะยังไม่เสียความเชื่อ แต่ขอให้รีบกลับมารักษาพยาบาล ไปแก้บาปและพบกับความสุขใจอีกครั้งหนึ่ง นี่คือวิธีที่คริสตังที่ดีควรปฏิบัติ
ถูกแล้วลูกรัก เราไม่สามารถอยู่ในอาณาจักรของปีศาจได้แม้แต่ชั่วขณะ เราควรละอายที่ตกเป็นทาสของมัน คริสตังที่ดีควรเป็นนักรบที่มีดาบพร้อมในมือที่จะสู้กับปีศาจโดยไม่กลัวมันเพราะหัวใจของเขาปราศจากสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ ขณะที่คริสตังที่ไม่ดีจะเกียจคร้านยืนก้มหน้าและยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรกเมื่อถูกปีศาจโจมตี ปีศาจทำอะไรกับเขาได้ตามใจชอบ หลอกล่อให้เขาอยู่ในความอึกทึกที่สนุกสนานจนกลบเสียงร้องเตือนของมโนธรรม และเมื่อไปแก้บาป ปีศาจจะทำให้เขารู้สึกอับอายต่อบาปเป็นยิ่งนัก และสารภาพบาปด้วยเสียงที่เบามากจนพระสงฆ์แทบจะไม่ได้ยิน ที่ร้ายกว่านั้นคือการซ่อนบาปบางประการไว้ ในทางกลับกัน คริสตังที่ดีจะรู้สึกเป็นทุกข์ร่ำไห้ถึงบาปที่ได้กระทำ และเมื่อไปถึงที่แก้บาป ใจของเขาก็เกือบจะอยู่ในสถานะของผู้บริสุทธิ์แล้ว
**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก http://saints.sqpn.com/stj18023.htm