คำสอนเรื่องความตายคำสอนเรื่องความตาย
          แล้ววันนั้นก็จะมาถึง อาจจะอีกไม่นานนักก็ได้  เป็นวันที่เราต้องลาจากชีวิตตลอดไป  ลาจากโลก, จากญาติพี่น้องและมิตรสหายของเรา  ลูกรัก แล้วเราจะกลับมาอีกเมื่อไร? – ไม่มีวันกลับมาแล้ว.   มนุษย์เราเกิดมาในโลก แล้วก็จากไปโดยไม่กลับมาอีก   นี่คือร่างกายที่น่าสงสารของเรา  เป็นร่างกายที่เราเคยดูแลเป็นอย่างดีกำลังจะกลายเป็นฝุ่นดิน  ส่วนวิญญาณที่หวาดหวั่นขณะที่ตายจะไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า.    เมื่อเราจากโลกนี้ไป   เมื่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายสิ้นสุดลง เราก็ได้กล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้าย  ตอนนั้นเราคงอยากจะได้ใช้ชีวิตที่ผ่านมาตามลำพังในทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลจากความสนุกสนานที่ไม่จีรัง


           ลูกรัก   มีตัวอย่างที่แสดงถึงความทุกข์ในวาระสุดท้ายให้เราเห็นอยู่ทุกวัน  แต่เราก็รู้สึกเฉยๆ  เรายังคงใช้ชีวิตด้วยความร่าเริงโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ กับชีวิตนิรันดรของเรา  เรายังคงเฉยเมยกับการรับใช้พระเจ้าผู้พระทัยดีราวกับว่าเราจะไม่มีวันตายจากโลกนี้ไป

           ลูกรัก  ตลอดชีวิตของคนบางคนไม่เคยคิดถึงเรื่องความตายเลย   และเมื่อความตายมาถึง พวกเขาไม่มีอะไรเลยสำหรับโลกหน้าไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ, ความไว้ใจ และความรัก เพราะพวกเขาได้ตายจากสิ่งเหล่านี้ไปก่อนหน้านั้นแล้ว.   เมื่อความตายจะเกิดกับเรา  เราควรจะเตรียมรับมืออย่างไรกับเวลาสามส่วนสี่ของชีวิตที่เหลือ?   เราใช้เวลาส่วนใหญ่แต่ละวันอย่างไร?  เราได้คิดถึงพระเจ้าผู้พระทัยดี, คิดถึงความรอดของเรา และวิญญาณของเรากันบ้างไหม? 

           ลูกรัก  โลกนี้ช่างประหลาดจัง  เราเกิดมาในโลก แล้วเราก็จากไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น.   พระเจ้าทรงจัดให้เราอยู่ในโลกเพื่อรับใช้พระองค์  ให้เราผ่านการทดลองว่าเราได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติด้วยความรักและสัตย์ซื่อต่อพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่  และหลังจากสิ้นสุดการทดลองชั่วเวลาหนึ่ง  พระองค์ทรงสัญญาจะประทานรางวัลตอบแทน   นี่มิใช่หรือที่พระเจ้าจะประทานรางวัลแก่ผู้ที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์และลงโทษผู้ที่ชั่วร้าย?  ควรแล้วหรือที่นักพรตที่ใช้ชีวิตในความลำบากและร้องไห้เสียใจเมื่อตกในบาปจะได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกับคริสตังที่ทิ้งวัดและใช้ชีวิตในโลกอย่างสุดเหวี่ยง?  ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน  เรามีชีวิตในโลกนี้มิใช่เพื่อความสนุกสนานกับโลก แต่เพื่อบากบั่นทำงานเพื่อความรอดของเรา

         ให้เราเตรียมตัวรับความตายให้ดี  อย่าให้เวลาแต่ละนาทีผ่านไปโดยสูญเปล่า เพราะความตายจะมาถึงเราขณะที่เราคาดไม่ถึง    ลูกรัก จงดูนักบุญผู้บริสุทธิ์เป็นตัวอย่าง  พวกท่านเคยใช้ชีวิตด้วยความหวาดหวั่นอยู่เสมอ  ขณะที่พวกเราที่ทำผิดต่อพระบัญญัติอยู่บ่อยๆ กลับไม่กลัวตายกันเลย.   ชีวิตของเราควรเป็นการเรียนรู้วิธีที่จะตาย ดี  แต่เรากลับไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย  เราพยายามทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา  บ่อยครั้งเมื่อเรื่องความตายเกิดขึ้นในความคิด เราก็ปฏิเสธที่จะคิดถึงมันและบอกกับตัวเองว่าจะคิดถึงมันในวาระสุดท้าย    ลูกรัก วาระสุดท้ายเช่นนี้จะน่ากลัวสักเพียงใด!   อย่างไรก็ดี พระเจ้าผู้พระทัยดีไม่ทรงพระประสงค์ให้เราหมดหวัง   พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นภาพของโจรที่ดี โจรที่กลับใจและตายเคียงข้างพระองค์บนไม้กางเขน  แต่นั่นเป็นโจรเพียงคนเดียวที่เอาตัวรอดในวาระสุดท้าย.   เราหวังที่จะได้อยู่เคียงข้างพระองค์เช่นนั้นในวาระสุดท้ายหรือ?   เราที่อยู่ห่างจากพระองค์ตลอดชีวิต?  เราได้ทำอะไรบ้างเพื่อจะได้รับโอกาสพิเศษเช่นนั้น?  เราทำแต่ความชั่วร้าย และไม่ได้ทำความดีไว้เลย

         ครั้งหนึ่งเคยมีนักพรตคณะแทร็ปปิสต์ (Trappist) ท่านหนึ่ง กลัวตัวสั่นเมื่อคิดถึงการคืบคลานเข้ามาของความตาย   มีคนพูดกับท่านว่า “พ่อครับ  พ่อกลัวอะไรหรือ?”  ท่านตอบว่า “กลัวการพิพากษาของพระ”
“อะไรกัน พ่อใช้โทษบาปมาตลอด, รักพระมากและเตรียมตัวตายมาเป็นเวลานาน พ่อยังกลัวขนาดนี้  แล้วลูกจะเป็นอย่างไรล่ะเมื่อถึงตอนนั้น?

         ลูกรัก  เพื่อจะตายดี เราต้องใช้ชีวิตที่ดี  เราต้องพิจารณามโนธรรมอย่างจริงจัง  ทุกค่ำต้องคิดถึงสิ่งที่ได้ทำมาในระหว่างวัน  และทุกสุดสัปดาห์เราต้องคิดถึงทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอาทิตย์นั้น และทำเช่นนี้เมื่อสิ้นเดือนและสิ้นปี   วิธีนี้แหละเราจะไม่พลาดในการแก้ไขตัวเองและจะเป็นคริสตังที่ดีได้ในเวลาอันสั้น  จากนั้นเราก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายและเป็นสุขที่จะได้ไปสวรรค์

**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น

แปลจาก http://saints.sqpn.com/stj18024.htm