คำสอนเรื่องพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณคำสอนเรื่องพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
         กิจการดีทั้งหลายในโลกนี้รวมกันไม่อาจเทียบได้กับคุณค่าของพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณได้เลย  เพราะกิจการที่เราทำเป็นกิจการของมนุษย์  ขณะที่การถวายบูชามิสซาขอบพระคุณเป็นกิจการของพระ  ดังนั้นการเป็นมรณสักขีซึ่งเป็นการถวายชีวิตของมนุษย์จึงไม่อาจเทียบชั้นได้กับการถวายชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้าแด่พระบิดา  

พิธีมิสซาฯ เป็นการถวายพระกายและพระโลหิตของพระเพื่อมนุษย์  พระสงฆ์ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ!  หากพระสงฆ์เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของท่านๆ คงถึงกับเสียชีวิต (เพราะร่างกายมนุษย์ไม่อาจแบกรับสภาพการเป็นพระเจ้าได้)...  พระเจ้าทรงนบนอบพระสงฆ์  พระสงฆ์กล่าวคำพูด 2 คำ และพระคริสตเจ้าก็เสด็จลงมาจากสวรรค์ตามคำกล่าวของท่าน  จากนั้นพระองค์ก็จะทรงขังพระองค์เองอยู่ในแผ่นศีลเล็กๆ  พระเจ้า (พระบิดา) ทรงทอดพระเนตรไปบนพระแท่นและตรัสว่า “นั่นคือบุตรสุดที่รักและโปรดปราน”    พระองค์ไม่สามารถปฏิเสธผลบุญจากการถวายบูชาได้ หากเรามีความเชื่อ  เราควรทราบว่าพระเจ้าทรงซ่อนพระองค์อยู่ในร่างของพระสงฆ์เช่นเดียวกับที่แสงสว่างเกิดขึ้นหลังแผ่นกระจก หรือเช่นเดียวกับเหล้าองุ่นที่ผสมปนกับน้ำ

          หลังการเสกศีล เมื่อพ่อ(เจ้าวัดแห่งอารส์) ถือพระกายของพระคริสตเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดไว้ในมือ   และเมื่อพ่อรู้สึกท้อแท้ที่ทราบว่าตนเองมิได้มีค่าใดๆ เลยนอกจากการตกนรก  พ่อก็จะพูดกับตัวเองว่า “เอาละ อย่างน้อยถ้าพ่อสามารถถือพระองค์ไว้ในมือได้!   แม้แต่นรกก็ยังคงเป็นสิ่งที่หอมหวานเมื่อมีพระองค์ประทับอยู่ด้วยที่นั่น  ในกรณีนี้พ่อคงจะยินดีรับความทรมานตลอดนิรันดร  หากเราทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน  แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าไม่มีนรกอีกแล้ว เพราะเปลวไฟแห่งความรักของพระองค์จะทรงดับพระยุติธรรมเหล่านั้นไปแล้ว”.   เป็นความสวยงามสักเพียงใด  หลังการเสกศีล พระเจ้าผู้พระทัยดีประทับอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกับการประทับอยู่ในสวรรค์ของพระองค์  หากมนุษย์เข้าใจดีถึงธรรมล้ำลึกนี้  มนุษย์ก็คงจะตายจากไปในความรัก   พระเจ้าทรงไว้ชีวิตเราเพราะสภาพที่อ่อนแอของความเป็นมนุษย์   ครั้งหนึ่งเคยมีพระสงฆ์ที่สงสัยอยู่บ้างว่า คำพูดเพียงไม่กี่คำของท่านขณะเสกศีล สามารถสั่งให้พระคริสตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่บนพระแท่นได้จริง  และทันใดนั้นเอง ท่านก็แลเห็นแผ่นศีลนั้นกลายเป็นสีแดงไปทั่วและมีกายที่เปื้อนโลหิตด้วย

          หากมีใครสักคนบอกเราว่า “เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้  จะมีคนตายคนหนึ่งกลับคืนชีพ”  เราคงจะรีบวิ่งไปดู   ถ้าเช่นนั้นการเสกศีลซึ่งเป็นการเปลี่ยนแผ่นปังและเหล้าองุ่นเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเจ้าจะมิเป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการคืนชีพของมนุษย์คนหนึ่งหรือ?   เราจึงควรเตรียมตัวอย่างน้อย 15 นาทีก่อนจะร่วมพิธีมิสซาฯ และได้รับผลจากมิสซาอย่างเต็มที่  เราควรจะลบตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า  หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างการลบพระองค์อย่างล้ำลึกในศีลมหาสนิท  และเราควรพิจารณามโนธรรมของเราด้วย  เนื่องจากเราต้องอยู่ในสถานะพระหรรษทานเพื่อจะได้ร่วมถวายพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณอย่างเหมาะสม   หากเรารู้จักคุณค่าของการถวายบูชามิสซา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า หากเรามีความเชื่อ  เราก็ควรจะมีความกระตือรือร้นมากกว่าเดิมในการร่วมถวายมิสซาฯ

          ลูกรัก  ลูกยังจำเรื่องที่พ่อเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์องค์นั้นขณะที่สวดภาวนาอุทิศให้เพื่อนคนหนึ่งใช่ไหม  ตามเรื่องปรากฏว่าเพื่อนคนนั้นอยู่ในไฟชำระ  พระสงฆ์องค์นั้นทราบดีว่าสิ่งที่ท่านทำได้ดีที่สุดคือการถวายมิสซาให้     เมื่อถึงตอนเสกศีล  ท่านถือแผ่นปังไว้ในมือและพูดว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์  ให้เรามาแลกกัน  พระองค์ทรงมีดวงวิญญาณของเพื่อนอยู่ในพระหัตถ์  ขณะที่ลูกมีพระกายของพระบุตรอยู่ในมือ   ขอพระองค์โปรดให้วิญญาณของเพื่อนพ้นโทษไฟชำระ  และลูกจะถวายพระบุตรพร้อมกับบุญกุศลจากการสิ้นพระชนม์และพระมหาทรมานแด่พระองค์... เมื่อถึงตอนยกศีล  พระสงฆ์องค์นั้นก็ได้แลเห็นวิญญาณของเพื่อนลอยขึ้นสวรรค์ในลักษณะของรัศมีที่สว่างรุ่งโรจน์  

         ลูกรัก เมื่อเราต้องการจะได้สิ่งใดจากพระเจ้าผู้พระทัยดี  ก็ให้เราทำเช่นเดียวกับพระสงฆ์องค์นี้  คือหลังจากรับศีลมหาสนิทแล้ว  ให้เราถวายพระบุตรสุดที่รักพร้อมกับบุญกุศลจากการสิ้นพระชนม์และพระมหาทรมานแด่พระบิดา  พระองค์จะไม่ปฏิเสธสิ่งใดๆ ที่เราทูลขอเลย

**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก
http://saints.sqpn.com/stj18012.htm