บทที่ 2
กระแสเรียก

จุดมุ่งหมาย    เพื่อให้เด็กเริ่มค้นหาความสามารถและความถนัดของตนเอง
และใช้มันเพื่อนงานของพระศาสนจักร

   ขั้นที่ 1 กิจกรรม
1.ฉายภาพนิ่งเรื่อง "พระเป็นเจ้าทรงเรียกมนุษย์ให้มาร่วมงานกับพระองค์" ( เอ 174 ) แสดงให้เห็นผู้คนที่มี
อาชีพต่าง ๆ และฐานะต่าง ๆ กัน เช่น นักร้อง คนขับรถ นักกีฬา ช่างถ่ายรูป ครู ช่างเย็บเสื้อผ้า นักเขียน นักบวช ฯลฯ พระเป็นเจ้าทรงเรียกมนุษย์ให้ร่วมงานกรับพระองค์ในฐานะต่าง ๆ กัน

2.ถ้าไม่มีอุปกรณ์ในข้อ 1 ให้หาภาพบุคคลอาชีพต่าง ๆ มาติดให้เด็กดูทีละภาพ ถามเด็กว่า คนในภาพนั้นมี
อาชีพอะไร เขามีงานอะไรบ้างที่จะต้องทำตามอาชีพนั้น

3. ทำไมคนหนึ่ง ๆ จึงเลือกอาชีพอย่างนี้และไม่เลือกอย่างนั้น คำตอบก็คือความสามารถและความถนัด
ของแต่ละคนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเลือกอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่ง มีบ้างเหมือนกันที่บางคนจำใจเลือกอาชีพนั้น ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ เพราะความจำเป็นบังคับ แต่ก็มีเป็นส่วนน้อยและมักจะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้น ความสามารถและความถนัดทำให้คนเรารักอาชีพนั้น ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้แก่อาชีพนั้น อย่างเช่นคนที่มีความสามารถและถนัดทางเป็นพ่อค้า ถ้าให้ไปประกอบอาชีพเป็นหมอก็คงเป็นหมอประเภทค้าขายเสียส่วนมาก คนที่มีความสามารถและถนัดร้องเพลง ถ้าให้ไปประกอบอาชีพ นักมวย พอขึ้นเวที ก็จะคว้าไมโครโฟนร่ำไป ฯลฯ

   ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
       คนเราเติบโตขึ้นมาก็ต้องประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งตามความสามารถและความถนัดของ
ตน จะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ถ้าอยู่เฉย ๆ ก็มีหวังอดตาย ไม่ก้าวหน้า และยังถ่วงความเจริญของสังคมอีกด้วย เราจะเห็นว่า ปัญหาคนว่างงานเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของสังคมปัจจุบันเพราะเป็นผลร้ายต่อสังคม


   ขั้นที่ 3 คำสอน
       ทางด้านชีวิตคริสตังของเราก็เหมือนกัน เรามีหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในพระ
ศาสนจักร ซึ่งเป็นสังคมใหม่ของผู้ที่มีความเชื่อทั้งหลายหน้าที่เหล่านี้ เราเรียกว่า "กระแสเรียก"

         1.ในพันธสัญญาเดิม พระเป็นเจ้าทรงเรียกบางคนที่มีความสามารถพิเศษให้มาทำหน้าที่พิเศษในหมู่

ประชากรผู้เลือกสรรของพระองค์ เช่น โมเสส ( อพย.3,4 ) ซามูแอล ( ซมอ.3,4-10 ) เป็นต้น

        2.ในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าทรงเลือกสรรอัครสาวกรุ่นแรก ( มธ.4,18-22 ) ทรงเรียกเลวี คนเก็บภาษี (
ลก.5,27-32 ) ฯลฯ เพื่อให้ทำหน้าที่พิเศษในประชากรใหม่

        3.เราทุกคนได้รับกระแสเรียกจากพระ ( รม.8,28-30 ) เมื่อเรารับศีลล้างบาป แต่ในขณะนั้นเรายังเล็กอยู่ ยัง

ไม่สามารถตอบสนองได้มาบัดนี้เราเติบโตขึ้น สามารถตอบสนองได้แล้ว พระเป็นเจ้าจึงประทานพระจิตให้แก่เราในศีลกำลัง เพื่อเราจะได้ สามารถปฏิบัติตามกระแสเรียกของเราได้ พระจิตนี้ให้ความสว่าง เพื่อให้เข้าใจภารกิจหน้าที่อย่างซึ่งกระจ่างและเข้าใจความมุ่งหมายต่าง ๆ ของภารกิจหน้าที่เหล่านั้น พระจิตยังให้พลังความร้อนรนซึ่งจำเป็นสำหรับบรรลุจุดหมายต่าง ๆ วันรับศีลกำลังจึงเป็นวันรื้อฟื้นกระแสเรียกและเริ่มลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง

       4.กระแสเรียก คือการแต่งตั้ง มอบหมายหน้าที่ที่เหมาะสมกับแต่ละคนกระแสเรียกประการแรกคือ การเรียก

ให้มาเป็นคริสตัง มาร่วมในหมู่ประชากรของพระองค์ซึ่งเปรียบเหมือนพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ( 1คร.12,27-30 ) ในพระกายทิพย์นี้ เรายังได้รับกระแสเรียกพิเศษแตกต่างกันออกไปอีก เช่น บางคนเป็นอัครสาวก ( พระสงฆ์ นักบวช ) บางคนเป็นผู้ประกาศ ( ผู้แพร่ธรรม ) บาง คนเป็นครู ( ครูสอนคำสอน ) บางคนเป็นผู้ทำปฏิหาริย์ ( องค์พยาน ) บางคนเป็นผู้บำบัดรักษาโรค ( หมอ ) บางคนเป็นผู้ช่วยนำผู้อื่น ( นักพัฒนา ) บางคนพูดภาษาแปลก ๆ ( ความรัก ) บางคนเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ ( นักสงเคราะห์ ) พระทรงเรียกอย่างไร ก็ให้ผู้นั้นถืออย่างนั้น ( 1คร.7,17 ) เราจึงต้อง "ตั้งใจแสวงหาของประทานที่สำคัญที่สุด" คือกระแสเรียกเฉพาะสำหรับเรา

     ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. จดเนื้อหาลงสมุด
1. กระแสเรียกคืออะไร?
ตอบ   กระแสเรียกคือ การที่พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญมนุษย์ให้มาทำงานพิเศษบางอย่างที่เหมาะสมกับนิสัย
ของตนเอง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
2. กระแสเรียกแบ่งกว้าง ๆ ได้กี่อย่าง?
ตอบ   กระแสเรียกแบ่งกว้าง ๆ ได้ 2 อย่างคือ กระแสเรียกพระสงฆ์นักบวช กับกระแสเรียกฆราวาส
3.  เราต้องถือตามกระแสเรียกหรือไม่?
ตอบ    เราควรถือตามกระแสเรียกของเราเมื่อเราค้นพบจะทำให้ เราบรรลุจุดหมายของชีวิตง่ายขึ้น แต่เรา

อาจจะไม่ถือตามกระแสเรียกของเราก็ได้ ดังนั้นเราก็จะบรรลุจุดหมายของชีวิตยากขึ้น
ข.    กิจกรรม
1.ให้เด็กประดิษฐ์อักษรในกระดาษ โดยเขียนข้อความว่าเด็กชอบเป็นอะไรในพระศาสนจักร เช่น พระสงฆ์
ซิสเตอร์ ครูสอนคำสอนนักขับร้อง พลมารี พลศีล ฯลฯ ระบายสีให้สวยงาม
2.กระตุ้นเตือนเด็กให้ตั้งใจเรียนให้ดี เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในกระแสเรียกของตน