มีคนจำนวนไม่น้อยที่ของสะสมอะไรต่อมิอะไร เพื่อเป็นที่ระลึกหรือเพื่อความทรงจำในอดีตที่ไม่อยากให้ลบเลือนไปจากจิตใจ ของตนเอง หลายคนใช้การถ่ายภาพแล้วนำมาจัดเป็นอัลบั้มเขียนถ้อยคำสั้นๆน่ารักๆด้วน สีสันที่น่าดู มีเพื่อนบางคนสะสมก้อนหินเล็กๆไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็จะหยิบเอาก้อนหินประเทศ นั้นมาแล้วบรรยายว่ามาจากเทศอะไร ฯลฯ
พวกเขาจึงทำเช่นนี้เพื่ออะไร....นี้เป็นเพียงบางตัวอย่างที่ต้องการแสดงออก ถึงสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งในชีวิตของคนเรา คือ เราอยากให้สิ่งที่ดีๆในชีวิตของเรานั้นยังคงอยู่กับเราต่อไปในปัจจุบัน
เรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงวันฉลองสำคัญที่พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้พิจารณาถึง ความจริงแห่งชีวิตของพระเยซูเจ้าที่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรามนุษย์กับ พระองค์และการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา คือ การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
การสมโภชนี้ไม่ได้เป็นการฉลองอำลาพระเยซูเจ้า หรือเลี้ยงส่งพระเยซูเจ้าในการที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ไปประทับเบื้องขวาของพระบิดา แต่ตรงกันข้ามการฉลองในวันนี้เป็นการฉลอง “การเปลี่ยนแปลง” วิธีการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรามนุษย์
เป็นการฉลองที่แสดงว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในโลกนี้แบบเดิมๆในขณะที่ พระองค์ทรงดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเราเมื่อ 2012 ปีที่แล้วมานั้น พระองค์มิได้ประทับอยู่กับเราด้วย “กายเนื้อ” แต่พระองค์ประทับอยู่กับเราด้วย “กายจิต”
พระองค์ประทับอยู่กับเราโดยผ่านที่พระศาสนจักร “เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา”(มธ 18:20)
พระองค์ประทับอยู่กับเราทางศีลศักดิ์สิทธิ์
พระองค์ประทับอยู่กับเราทางพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
พระองค์ประทับอยู่กับคนยากคนจน
พระองค์ประทับอยู่ในใจของเราทุกคน
ดังนั้น การเฉลิมฉลองในวันนี้จึงนำเราไปสู่ประเด็นที่สำคัญต่อชีวิตของเราในฐานะที่ เป็นสานุศิษย์ของพระองค์ เนื่องจากการฉลองในวันนี้เป็นฉลองถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการประทับอยู่ของ พระองค์ในโลกนี้ จึงเป็น “การเปลี่ยนการปฏิบัติพันธกิจต่างๆ” ของพระองค์ต่อมนุษย์และต่อโลกของเราด้วยเช่นกัน
พระเยซูเจ้ามิได้ทรงปฏิบัติพันธกิจของพระองค์ด้วยร่างกายของพระองค์อีกต่อไป แล้ว แต่พระองค์ทรงปฏิบัติงานด้วยกายจิตของพระองค์เอง พระองค์มิได้ทรงใช้เสียงของพระองค์เพื่อเทศนาสั่งสอน มิได้ทรงใช้มือเพื่อออกไปสัมผัสกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ มิได้ทรงใช้หัวใจของพระองค์เพื่อรักมวลมนุษย์ แต่พระองค์ทรงปฏิบัติงานโดยผ่านทางเรามนุษย์แต่ละคน (ทั้งตัวผมเองและพวกคุณทุกคน) พระองค์ทรงใช้เสียงของท่าน มือของท่าน หัวใจของท่านทำงานแทนพระองค์
นี่เป็นความรับผิดชอบที่พวกเราทุกคนจะต้องนำไปปฏิบัติ เมื่อ 2012 ปีที่แล้วพระองค์ทรงกระทำอะไรพวกเราจะต้องจดจำและกระทำเช่นเดียวกัน
พระวาจาของพระองค์ที่ตรัสกับเราในวันนี้เป็นพระบัญชาที่ทรงมอบหมายให้เราทุก คนนำไปปฏิบัติ “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง”
นี่เป็นพันธกิจเพื่องานแพร่ธรรม งานธรรมทูต งานประกาศข่าวดี ในขณะนี้พระศาสนจักรไทยของเรากำลังตื่นตัวขึ้นอย่างมากสำหรับงานแพร่ธรรม เรามีคณะนักบวชธรรมทูตทั้งหญิงและชายหลากหลายคณะที่กำลังทำงานอยู่ตามสถาน ที่ต่างๆทั่วประเทศ เรามีคณะธรรมทูตไทย(TMS)ที่ออกไปทำงานยังต่างแดน เรามีคณะฆราวาสแพร่ธรรมในหลากหลายชื่อและองค์กร เหล่านี้เป็นการตอบสนองพระบัญชาของพระองค์ บุคคลเหล่านี้กำลังทำหน้าที่เป็นมือเป็นปากเป็นแขนเป็นขาของพระองค์
แล้วท่านล่ะ?..... ท่านได้ตัดสินใจที่จะกระทำอะไรบ้างหรือยัง ทั้งในระดับส่วนตัวและในระดับหมู่คณะหรือองค์กร ถ้ายังท่านจงตัดสินใจตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วให้ระลึกถ้อยคำของพระเยซูเจ้าที่ว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”