ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2012
ปัจจุบัน อำเภอสวยผึ้ง จ.ราชบุรี กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งของคนไทย คนมักจะคุยกันว่า “ไปเลี้ยงแกะมาหรือยัง” ถ้าไม่ไปก็เสมือนว่ามาไม่ถึงสวนผึ้ง(ก็แปลกดีนะ ชื่อสวนผึ้ง แต่กลับไปดังเรื่องแกะ น่าจะเปลี่ยนเป็นสวนแกะ..)
เราคริสตชนคุ้นเคยกับคำว่า “ชุมพาบาล” (พอๆกับว่าพยาบาล) ภาพพระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงแกะเตือนใจเราให้เห็นถึงความรักความเอาใจใส่ที่พระเจ้าทรงมีต่อเรามนุษย์ ตามที่พระคัมภีร์สอนไว้ว่า “เรา(พระเยซู) เป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน” แล้วพระองค์ก็ยอมตายเพื่อพวกเราลูกแกะน้อยๆของพระองค์จริงๆ
ภาพของความรักและการเสียสละนี้ เรายังสามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ในชีวิตของบุคคลต่างๆรอบตัวเรา
ผมได้รู้จักคุณครูหลายท่าน เป็นต้นคุณครูฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเด็กนักเรียนเป็นต้นเหล่านักเรียนที่ชอบแหกกฎระเบียบของโรงเรียน คุณครูท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าท่านต้องติดตามนักเรียนที่ไม่มาโรงเรียน โดยใช้มอเตอร์ไซด์ขี่ไปตามซอกซอย เข้าไปในร้านเกม ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ครั้งหนึ่งไปตามในหอพัก นักเรียนตัวแสบก็แอบหลบไปยู่ใต้เตียง ครูมองเห็นขาโผล่ออกมาจึงลากออกมาพาไปโรงเรียน ตอนอยู่ด้วยกันก็เกียจครู แต่เมื่อจบไปได้ก็เกิดรักครูคนนี้สุดจิตใจ ครูฝ่ายปกครองมักจะโดนด่า โดยแกล้ง ทั้งจากเด็กเองและบางครั้งผู้ปกครองก็มาร่วมด้วยช่วยกัน..น่าเห็นใจคุณครูเสียจริงๆ
ครูบางท่าน เอานักเรียนที่เรียนช้ามาสอนพิเศษ หาข้าวหาน้ำให้กิน นักเรียนเจ็บป่วยก็ไปเยี่ยม
ผมยังรู้จักคุณหมอท่านหนึ่ง ท่านไม่สนุกกับการทำงานในระบบราชการมากนักจึงออกมาทำงานส่วนตัว มีรถมอเตอร์ไซด์หนึ่งคันขับไปตามเรือกสวนไร่นา ดูแลรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เปิดคลินิก ใครเจ็บป่วยขอให้บอก ท่านบริการถึงที่ มีเงินเท่าไรก็จ่ายเท่านั้น น่าชื่นชมจริงๆ
ผมติดว่าในสังคมของเรายังมี “ชุมพาบาลที่ดี” อีกจำนวนมาก
ชุมภาบาลจึงไม่ได้หมายถึงบรรดาคุณพ่อบาทหลวง นักบวชชายหญิง เท่านั้น แต่รวมความถึงผู้ใหญ่ทุกคน หัวหน้าครอบครัว หัวหน้างาน รุ่นพี่ๆทั้งหลาย ทุกคนต้องชุมพาบาลที่ดีในที่ที่ท่านอยู่เหมือนพระเยซูเจ้าได้ทั้งนั้น
พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งที่ว่า “เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย”
ข้อความตอนนี้ทำให้เราต้องขยายความรักความเอาใจใส่ของเราให้ออกไปยังทุกๆคนด้วย เราต้องไม่จำกัดความรักของเราไวเฉพาะคนที่เรารู้จัก คนที่เป็นพวกเรา แต่ต้องแผ่ออกไปยังทุกคนโดยไม่เลือกหน้า การรักที่ไม่เลือกหน้านี้เองที่เป็นพันธกิจของเราในฐานะที่ทุกคนต่างเป็นบุตรของพระเจ้าด้วยกัน มีพระบิดาองค์เดียวกัน เราเป็นพี่เป็นน้องกัน “จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว” เราทุกคนจึงมีหน้าที่ประกาศข่าวดีนี้ให้ทุกคนได้ทราบ และนำคนอื่นๆให้เข้ามาอยู่ภายใต้ผู้เลี้ยงแกะคนเดียวนี้คือพระเยซูเจ้า นี้คืองานแพร่ธรรมหรือการประกาศข่าวดีของเรานั้นเอง
มีผู้เผยแผ่ธรรมคนหนึ่งเดินทางเข้าไปเผยแพร่ในหมู่บ้านของชนพื้นเมืองแห่งหนึ่งในประเทศคานาดา ครั้งหนึ่งหัวหน้าเผ่าได้พูดกับผู้เผยแผ่ธรรมว่า “เมื่อท่านพูดถึงจิตที่ยิ่งใหญ่ ผมได้ยินท่านเรียกจิตนั้นว่า ‘พ่อของเรา’ ใช่ไหม” “ใช่แล้ว” ผู้เผยแผ่ธรรมตอบ “คำนี้เป็นคำใหม่ที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนและผมรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำที่อ่อนหวานน่าฟัง”
“พวกเราไม่เคยคิดเลยว่าจิตที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นบิดาหรือพ่อของเรา เราได้ยินเสียงของพระองค์ในเสียงของฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และพายุ ซึ่งทำให้เรากลัวมากๆ ดังนั้นเมื่อท่านบอกเราว่าจิตที่ยิ่งใหญ่คือพ่อของเรา เราพอใจคำๆนี้มาก พระองค์คือพ่อของเรา”
หัวหน้าเผ่าหยุดนิ่งไปสักครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า....
“ท่านครับ ท่านพูดว่าจิตยิ่งใหญ่คือพ่อของท่าน”
“ใช่แล้ว” ผู้เผยแผ่ธรรมตอบรับ
“ดังนั้น...ท่านและผมเป็นพี่น้องกัน”
(เรื่องนี้มาจาก William Barclay)
นี้เป็นพันธกิจที่พระเยซูเจ้าทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ นำเราที่อยู่กระจัดกระจายให้กลับเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน ความบุคคลที่เกียจชังกันให้เข้ามาคืนดีต่อกัน สังคมของเราต้องไม่มีพวกเขาพวกเรา เพราะเรามีพ่อคนเดียวกัน
เรามักจะใช้เหตุผลเพื่อการตัดสินปัญหาจนลืมหลักความเชื่อที่เราศรัทธา หลักเหตุผลก็คือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน และหลักแห่งศรัทธาคือยกโทษให้แก่กันและกัน 7x70 หน
เราจะต้องให้พ่อของเราถูกตรึงบนกางเขนสักกี่ครั้ง เราจึงจะยอมรักกันและกัน
พระเยซูทรงเป็นชุมพาบาลที่ดี ยอมตายเพื่อเราได้ แล้วเราล่ะจะยอมกันและกันบ้างไม่ได้หรือ