ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2011
สัปดาห์ที่ 4 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
จงดำเนินชีวิตตามแบบฉบับของพระแม่มารีย์
(ลูกา 1:26-38)

         
เป็นธรรมเนียมของพระศาสนจักรที่เชิญชวนให้พี่น้องคริสตชนทุกคนได้คิดถึงบทบาทของ “พระแม่มารีย์” เป็นพิเศษในสัปดาห์ที่ 4 ของการเตรียมฉลองวันคริสตมาส ทั้งนี้เพื่อให้ชีวิตของพระแม่มารีย์เป็นรูปแบบหรือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เป็นต้นในการเตรียมจิตใจเพื่อต้อนรับเสด็จพระเยซูในวันคริสตมาส


พระแม่มารีย์อยู่ในแผนการแห่งความรอด
                เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระเยซูคริสตเจ้านั้น เราเน้น “การเตรียม” ซึ่งเมื่อเราจะทำอะไรสักอย่างเราก็จะต้องมีการเตรียมตัว ยิ่งเตรียมดีเท่าไร งานก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเท่านั้น สำหรับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นพระผู้ไถ่บาปของโลกและของเราแต่ละคนนั้น พระเจ้าทรงเตรียมการเรื่องนี้มานานแล้ว เรื่องราวทั้งหมดในพันธสัญญาเดิมเป็นการเหตุการณ์ที่เป็นเตรียมรับเสด็จองค์พระเยซูเจ้าเริ่มตั้งแต่สร้างโลกและมนุษย์ด้วยความรัก แต่มนุษย์กลับทำบาปโดยไม่นบนอบเชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าไม่สิ้นเมตตาทรงสัญญาจะส่งพระผู้ไถ่ลงมา โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกคนๆหนึ่งชื่ออับราฮัมให้เป็นบิดาของชนชาติชาวฮิบรู(อิสราเอล) ต้นกำเนิดของพระผู้ไถ่ จากนั้นพระเจ้าทรงใช้บุคคลต่างๆมามากมาย ที่สุดพระเจ้าทรงเลือก “พระแม่มารีย์” หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่หมั้นกับโยเซฟซึ่งอยู่ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดให้เป็นมารดาของพระผู้ไถ่ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์ เราเรียกว่าเป็น “แผนการแห่งความรอด” เป็นความรอดพ้นจากบาป จากความตายฝ่ายจิตใจ ทำให้เราพ้นจากการเป็นทาสของบาปหรือปีศาจ มาสู่การมีชีวิตใหม่กับพระเจ้า

พระแม่มารีย์เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน
                   ในบทวันทามารีย์ เราภาวนาว่า “วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ” ถ้อยคำเหล่านี้ยกมาจากคำทักทายของทูตสวรรค์ที่มาแจ้งสารแด่พระแม่มารีย์ สาเหตุที่พระเจ้าทรงเลือกพระแม่นั้น เราทราบแต่เพียงว่าพระแม่เป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีประวัติดีเด่นเหนือกว่าเพื่อนๆคนอื่นๆในหมู่บ้าน เธอใช้ชีวิตปรกติ ที่จะมีพิเศษกว่าก็เห็นจะเป็นความตั้งใจของเธอที่จะถือโสดไม่แต่งงาน ไม่มีครอบครัว เธอต้องการถือพรหมจรรย์ แต่พระเจ้ากลับมายกย่องเธอเลือกเธอให้ทำหน้าที่ที่สำคัญกว่าสตรีใด ๆ

                      ข้อคิดประการแรกสำหรับเราคริสตชนก็คือ ความสำคัญของตัวเราไม่ได้อยู่ที่ว่าเราได้ทำอะไรหรือว่าเราเป็นใคร มาจากไหน คุณค่าและความสำคัญของชีวิตของเราอยู่ที่การที่พระเจ้าประทับอยู่กับเรา พระแม่ได้รับพระหรรษทาน ได้รับพระพร ก็เพราะว่าตัวของท่านมีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย ดังนั้น ความสำนึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวของเราแต่ละคนจึงเป็นเรื่องแรกที่ทุกคนต้องตระหนัก ต้องไม่ลืม นี้เป็นความจริงของชีวิตของเราทุกคน ตัวของเราไม่มีค่าอะไรเลย แต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเมตตาต่อเรา และทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่า เราจึงไม่ควรเย่อหยิ่ง จองหอง อวดตัว แต่ต้องสุภาพถ่อมตน เราต้องทำทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ

“อย่ากลัวเลย”
                        ทูตสวรรค์บอกกับพระแม่มารีย์ว่า “อย่ากลัวเลย” ทั้งนี้เพราะเมื่อพระแม่รู้ถึงพันธกิจที่จะต้องกระทำแล้ว พระแม่ทรงวุ่นวายพระทัย ทูตสวรรค์จึงปลอบใจว่าอย่ากลัว และให้เหตุผลว่า “ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน” คำพูดของทูตสวรรค์เหมือนกับบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลอะไร ถ้าพระเจ้าใช้งานเธอแล้ว พระเจ้าย่อมช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน

                        ข้อคิดประการที่สองสำหรับวันนี้ อยากจะบอกว่าหลายครั้งในชีวิตของเรา เราเกิดความกลัวในหลายเรื่อง บางคนไม่กล้ามาเป็นคาทอลิกเพราะกลัวอะไรต่างๆทั้งจากครอบครัว และจากตัวเอง บางคนเมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ช่วยเหลือพระศาสนจักรในงานใดงานหนึ่งก็เกิดความกลัวว่าจะทำไม่ได้ ถ้อยคำว่า “อย่ากลัว” นี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจในกล้าที่จะรับใช้พระเจ้า งานใดที่เราตั้งใจทำเพื่อพระเจ้าแล้ว งานนั้นย่อมจะสำเร็จอย่างแน่นอน

“ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า”
                             ถ้อยคำประโยคนี้เราพบบ่อยๆในงานบวชหรืองานถวายตัวของนักบวช แต่ถ้อยคำๆนี้ยังคงเหมาะสมสำหรับฆราวาสทุกคนด้วยเช่นกัน
พระแม่มารีย์หลังจากที่เกิดความสงสัยก็ได้ใช้วิธีการแบบมนุษย์ทั่วไป คือ ตกใจ หวาดหวั่น รับไม่ได้ ซักถาม ต่อรอง ที่สุดพระแม่ก็ตอบรับคำเชิญของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” และจากชีวิตของพระแม่เอง เราก็ทราบดีว่าพระแม่ปฏิบัติตนเป็น “ผู้รับใช้” ของพระเจ้าอย่างแท้จริง

                            ท่าทีของการเป็นผู้รับใช้เป็นอย่างไร เราต้องเปรียบเทียบกับเจ้านาย ผู้รับใช้ต้องคอยรับคำสั่งและทำตามใจเจ้านาย ถ้าคนใช้ปฏิบัติตนเป็นเจ้านาย ใครๆก็จะพากันตำหนิติเตียนได้

                           ท่าทีของเราคริสตชนไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือผู้น้อย เราได้รับสั่งสอนอบรมให้เป็นคนที่สุภาพถ่อมตน ทำตนให้เป็นผู้รับใช้ไม่ใช่เจ้านาย “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้า  ย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์”(มธ 20:24-28)

                           พระแม่มารีย์ดำรงชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ มีข้อน่าสังเกตคือพระแม่จะปรากฏตัวให้เห็นขณะที่พระเยซูเจ้าต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเสมอ พระแม่คอยสังเกตและรับใช้อยู่อย่างเงียบ และพระแม่ยังคงปฏิบัติต่อเราในลักษณะนี้จนกระทั่งทุกวันนี้

                       ดังนั้นในสัปดาห์สุดท้ายที่เรากำลังเตรียมจิตใจเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสตมาสนี้ ขอให้เราได้ศึกษาไตร่ตรองชีวิตของพระแม่ และนำเอาสิ่งที่เราประทับใจในแบบฉบับของพระแม่มาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา นี้แหละจะเป็นการเตรียมฉลองวันคริสตมาสที่ดีที่สุดของเรา
-------------------------------------------------
ข้อตั้งใจ
• จะสุภาพถ่อมตน ไม่โอ้อวดตน
• จะเป็นผู้รับใช้เหมือนพระแม่
• ทำอะไรให้ทำเพื่อพระเจ้า ไม่ใช่ทำเพื่อชื่อเสียงของตนเอง

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์