ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2011
พระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
         
การฉลองพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล หรือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายนั้นได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ในปี ค.ศ. 1925 (86 ปีมาแล้ว)


พระนามหลากหลายของพระเยซูเจ้า
            คนเราแต่ละคนมักจะมีหลายชื่อ ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น ชื่อนักบุญ ชื่อนามสกุล ชื่อที่โรงเรียน ชื่อที่บ้าน ชื่อที่โรงเรียน ฯลฯ ทั้งนี้โดยอาจจะตั้งชื่อตามบุคลิกลักษณะหรือหน้าที่การงานก็ได้ พระเยซูเจ้าก็เช่นกัน พระองค์ทรงมีชื่อหลายชื่อด้วยกัน ทั้งนี้เพราะชื่อแต่ละชื่อเป็นการบรรยายถึงพระคุณลักษณ์ของพระองค์ พระนามหรือชื่อที่สำคัญๆที่ใช้เรียกพระเยซูเจ้า เช่น องค์พระผู้เป็นเจ้า(ยอห์น 20:28) พระวจนาตถ์(ยอห์น 1:1,14) พระเมสสิยาห์(ยอห์น 4:25) อัลฟาและโอเมก้า(วิวิรณ์ 1:8) ผู้ไถ่หรือสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์(มาระโก 10:45) แสงสว่างส่องโลก(ยอห์น 8:12) คนกลางแต่ผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์(1ทิโมธี 2:5)ลูกแกะของพระเจ้า(ยอห์น 1:29) และยังมีพระนามอื่นๆอีกมากมาย แต่ในวันนี้เราฉลองพระคุณลักษณะพิเศษประการหนึ่งของพระเยซูเจ้าในพระนามว่า พระเยซูเจ้า-กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล(The King of Kings)

พระนาม “กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล” มีความหมายว่าอย่างไร
             คำว่า “กษัตริย์” เป็นคำสัญลักษณ์ที่หมายถึงบุคคลที่เป็นเจ้าของอำนาจอันสูงสุด ซึ่งในทางศาสนานั้นหมายถึงองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเอง “พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด”(1ทิโมธี 6:15) และอีกตอนหนึ่งที่ว่า “พระองค์มีพระนามเขียนไว้บนเสื้อคลุมและที่หลังพระชงฆ์ว่า ‘กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย’” (วิวรณ์ 19:16) พระวาจาตอนนี้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อจัดตั้งพระอาณาจักรของพระเจ้าที่แท้จริงในโลกซึ่งในเวลานั้น ทุกคนจะพากันยอมรับและเรียกพระองค์ว่า “พระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล” อย่างพร้อมเพรียงกัน

           กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลหรือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายนี้เป็นพระนามที่หมายถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ กล่าวคือพระเยซูเจ้าทรงมีอำนาจปกครองที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่ากษัตริย์ใดๆในโลกนี้ มนุษย์ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์

             พระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นกษัตริย์ตามความหมายของโลก ที่ต้องมีอำนาจทางการเมือง การทหาร มีอาณาเขตการปกครอง ฯลฯ แต่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งจิตใจ อำนาจของพระองค์มีไว้เพื่อทำลายความชั่วร้ายแห่งบาปและความมืดบอดฝ่ายจิตใจ พระองค์ทรงเป็นผู้นำต่อสู้กับความเลวร้ายของมนุษย์ ทรงเอาชนะพลังอำนาจของปีศาจและความตาย และชี้ทางนำความสุขอันแท้จริงมาสู่โลกของเรา  งานของพระองค์จึงเป็นงานฝ่ายจิตใจอย่างแท้จริง

เราทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวต่อหน้ากษัตริย์เพื่อฟังคำพิพากษา
             วันแห่งการพิพากษา ความจริงแท้ในชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็คือ “ความตายและการพิพากษา” พระวรสารในวันนี้ได้พูดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เราทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันสุดท้ายของชีวิตนั้น การกระทำทุกอย่างที่เราได้กระทำไว้ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้นจะปรากฏแจ้งอย่างที่เราไม่สามารถปิดบังอะไรได้ ในการพิพากษาในครั้งนี้ เราจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอะไรได้อีกแล้ว พระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ผู้พระทัยดี แต่พระองค์ไม่ทรงลืมเรื่องความยุติธรรม ท่านพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพระเยซูเจ้าหรือไม่ ถ้ายังไม่พร้อง อะไรที่ท่านคิดว่าเป็นอุปสรรค อะไรเป็นเรื่องที่ท่านจะต้องปรับเปลี่ยนตนเอง เพื่อจะได้พร้อมที่จะเข้ารับฟังการพิพากษาจากพระองค์

ท่านเป็นแกะหรือเป็นแพะ
             “แกะ” ที่อยู่เบื้องขวาของพระเจ้าได้รับความรอดก็คือบุคคลที่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น คนที่ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือให้คนอื่น ในยามเดือนร้อนหรือมีความต้องการ พระเจ้าไม่ได้ทรงให้ความชมเชยเพราะว่าพวกเขาสวดภาวนามากกว่าคนอื่น การสวดภาวนาก็มีความจำเป็นและสำคัญ แต่การภาวนาเท่านั้นยังไม่เป็นการเพียงพอ และการช่วยเหลือหรือการมีใจเมตตาต่อคนอื่นนั้น พระเยซูเจ้าทรงสอนเราด้วยพระวาจาที่ต้องจดจำว่า “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง” ดังนั้นเราจึงทำดีต่อทุกคนโดยไม่เลือกหน้า และควรเน้นไปยังคนที่ต่ำต้อยโดยเฉพาะ

             “แพะ” ที่อยู่เบื้องซ้ายของพระเจ้าไม่ได้รับความรอด คำพิพากษาถูกตัดสินออกมาเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาไปทำสงคราม ก่อการร้าย ค้าขายสิ่งเสพติด หรือความผิดร้ายแรงอื่นๆ แต่เป็น “การละเลย” ในการแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นในชีวิตประจำวัน พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาสามารถกระทำได้อย่างง่ายๆในชีวิต “เราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน..เราไม่เสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า...” เราอาจจะคิดว่าเราเป็นคริสตชนที่ดีแล้ว เพราะเรามาวัดวันอาทิตย์ เราไม่ได้โกงใคร เราเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่เราลืมทำอะไรที่สำคัญไปกว่าหรือเปล่า
 
            ขณะที่เราฉลองพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล เราที่เป็นประชากรของพระองค์นั้นจะต้องเป็นประชากรที่ดีของพระองค์ เจริญรอยตามพระแบบฉบับและคำสั่งสอนของพระองค์ พระวาจาที่เราต้องจดจำและนำไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือ “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง”
 
ข้อตั้งใจที่อยากให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ คือให้แสดงความรักและกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องอย่างน้อยวันละ 1 ประการ