ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2011
เคยหรือไม่...ตั้งใจแล้ว ทำไม่สำเร็จ
มธ.14:22-33
        ชายสูงวัยคนหนึ่งพูดว่า “ผมเคยคิดว่า ถ้าผมมีอายุมากขึ้น ผมคงจะถูกผจญให้ทำบาปน้อยลง แต่ความจริงแล้วมันกลับมีมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก”
         แม่คนหนึ่งพูดว่า “ฉันคิดว่าถ้าลูก ๆ โตกันหมดแล้ว ฉันคงมีความอดทนมากขึ้น แต่เปล่าเลย ฉันกลับมีความอดทนน้อยลงทุกที”


              วัยรุ่นคนหนึ่งพูดว่า “ตอนเล็ก ๆ ผมปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างไม่ลำบากอะไรเลย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ายิ่งวันยิ่งปฏิบัติได้ยากขึ้น”
              คุณหมอหนุ่มท่านหนึ่งสารภาพว่า “ผมไม่อยากไปแก้บาปอีกแล้ว เพราะกลับออกมาก็ทำบาปเดิม ๆ อีก ผมเอาชนะใจตนเองไม่ได้”
-------------------------------------------------------------
ท่านคิดว่าตัวของท่านเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ไหม 
              “ตั้งใจแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ หรือทำไม่สำเร็จ” แม้ว่าตัวของท่านจะมีความตั้งใจอย่างดีสักเพียงใดก็ตาม ท่านลองพิจารณาถึงชีวิตประจำวันของท่านดูซิว่า ตัวของท่านถูกผจญให้หลงกระทำความผิดหรือความบาปมากขึ้นทุกวันหรือไม่ ท่านมีความเพียรทนต่อบุคคลในบ้านหรือเพื่อนบ้านน้อยลงหรือไม่ ท่านรู้สึกว่าปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าและพระศาสนจักรได้ยากขึ้นทุกวันหรือไม่ ท่านไปสารภาพบาปกลับมาก็ยังคงกระทำบาปเดิมๆอีก

                ถ้าท่านเป็นเช่นนี้ พระวาจาของพระเจ้าประจำอาทิตย์นี้ จะเป็นคำตอบที่ดีให้กับชีวิตของท่าน
               พระวรสารประจำอาทิตย์นี้เป็นเรื่องของนักบุญเปโตรที่กระโดดจากเรือลงเดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า ขณะที่เขากำลังเดินเข้าหาพระเยซูเจ้านั้น เกิดมีลมพัดแรง ก็เกิดความกลัวแล้วจึงค่อยๆจมลง ในขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตินั้นนั้นเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระเยซู “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย”ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”

ให้เราใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อหาคำตอบชีวิตจากเหตุการณ์นี้
              เปโตร “กระโดดลงจากเรือ” เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า - พฤติกรรมเช่นนี้เปรียบได้กับชีวิตของเราได้หรือไม่ เราพยายามติดตามพระเยซูเจ้า เราได้รับศีลล้างบาปแล้ว (หรือกำลังเตรียมตัว) เรามีเจตนาดีที่จะดำเนินชีวิตตามแบบอย่างและคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้า เราได้ตัดสินใจแล้ว

              เกิด “ลมพายุพัดแรง” แต่แล้วในชีวิตของเราก็เกิดอุปสรรคหรือมีปัญหาต่างๆเข้ามาผจญเรา เรากลัว เราตกใจ – เมื่อเรามีปัญหา เราหลงลืมพระเจ้าไป เราหลงทางไป เราจึงเหมือนกับเปโตรที่กำลังจะจมน้ำ ชีวิตของเราเริ่มตกต่ำ มีความทุกข์ เกิดความเดือนร้อน ซึ่งหลายคนอาจจะจมน้ำไปแล้ว หรือกำลังจมน้ำตาย

              เปโตร “ร้องเรียกพระเยซู” ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ – ในวิกฤติของชีวิต หรือในยามที่เราประสบกับปัญหาต่างๆ เราร้องเรียกหาใคร เราเข้าพึ่งใคร บางคนหลงไปตามกระแสของคนทั่วไป มีใครบอกว่าอะไรดี ก็ไปหาที่นั้น โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นไสยศาสตร์หรือคาถาอาคมหรือไม่อย่างไร

               พระเยซู “ทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา” - นี่แหละคือพระเจ้าของเรา ยามที่เราสำนึกผิดและเรียกหาพระองค์ พระองค์ประทับอยู่ใกล้เรามากที่สุด เพียงแต่ว่าเราลืมพระองค์ไป เราไม่ได้นึกถึงพระองค์ เปโตรรอดตายเพราะท่านร้องเรียกหาพระองค์

             ดังนั้นพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้จึงเตือนสติเรา และเป็นข่าวดีสำหรับเราทุกคน พระเจ้าทรงมีวิธีการสอนหรือทรงเรียกเราในหลากหลายวิธีด้วยกัน ความทุกข์หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เป็นเสียงเรียกอย่างหนึ่งให้เรามนุษย์ได้หันมาหาพระองค์ หันมาพึ่งพระองค์

             สิ่งที่สำคัญก็คือ บ่อยครั้งที่เรามนุษย์มักจะมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เราพึ่งพาอาศัยความสามารถของตนเอง นึกว่าตัวเราเก่งแล้ว ยอดแล้ว แต่แท้ที่จริง “เพราะถ้าไม่มีเรา(พระเจ้า) ท่าน(เรามนุษย์)ก็ทำอะไรไม่ได้เลย”(ยน.15:5)

             ย้อนมาดูความตั้งใจของเรา ไม่ว่าการที่เราต้องการที่จะเอาชนะการผจญ หรือการที่เราจะเอาชนะความไม่เพียรทน หรือการเอาชนะตนเองในการปฏิบัติตามพระบัญญัติ หรือการเอาชนะตนเองที่จะไม่กลับไปทำบาปเดิมๆอีกได้นั้น อย่านึกว่าเป็นเรื่องที่ง่าย เพราะเรากำลังสู้กับปีศาจ ปีศาจมีกำลังมากกว่าเรามากนัก (เพราะว่าพวกมันเคยเป็นทูตสวรรค์มาก่อน) ดังนั้นการที่เราจะเอาชนะการล่อลวงของปีศาจเราจำเป็นต้อง “พึ่งพระเจ้า” ตามแบบฉบับของเปโตร
             แน่นอนเราต้องเพียรพยายามที่จะเอาชนะความอ่อนแอด้วยตัวของเราเองก่อน แต่ในฐานะคริสตชน เราต้องไม่เพียงแต่พึ่งพลังกำลังของตนเองเพื่อดำรงตนเป็นคนดีเท่านั้น เราต้อง “ทูลวอน” ขอพละกำลังหรือความเชื่อเหลือจากพระเจ้าด้วย
            ทุกครั้งที่เราถูกผจญหรือตั้งใจแล้วยังล้มเหลว ขออย่าให้เรายอมแพ้ แต่จงยกสายตาของเราขึ้นหาพระเจ้า แล้วทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ นี้แหละคือข่าวดีของพระเจ้าที่มีต่อเราทุกคนประจำอาทิตย์นี้
        “ข้าแต่พระบิดา..โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ อาแมน”
------------------------------------------
       
        เด็กคนหนึ่งกำลังฝึกการเดินเรือ เขาต้องการที่จะเป็นนักแล่นเรือที่ดี วันหนึ่งขณะที่เขากำลังแล่นเรืออยู่นั้นก็เกิดพายุใหญ่ซัดโถมเข้าหาเรือโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว แต่เขาเคยได้รับการสั่งสอนไว้ว่าถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อจะได้เอาตัวรอดให้ไต่ขึ้นไปอยู่บนยอดเสากระโดงเรือ
         ในช่วงแรกนั้น เขาสามารถไต่ขึ้นไปถึงครึ่งหนึ่งของเสากระโดงอย่างง่ายดาย เขาไม่ลดละสายตาจากยอดเสากระโดง แต่ขณะที่ไต่ขึ้นสูงขึ้นๆ เขากลับทำผิดพลาด คือ เขาได้ก้มลงไปมองท้องทะเลที่กำลังปั่นป่วนด้วยพายุ เมื่อเห็นคลื่นใหญ่น้อยที่ม้วนตัวเข้าใส่เรือนั้น เขาก็เกิดความกลัว จนแข็งขาอ่อนแรงลงไปอย่างรวดเร็ว
         นักเดินเรือสูงอายุคนหนึ่ง เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจึงตะโกนบอกเด็กคนนั้นว่า “มองท้องฟ้าไว้ มองท้องฟ้า ไอ้หนู” เด็กคนนี้กระทำตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ท่านนี้ เขาจึงรอดปลอดภัย