ข้อคิดวันฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
ข้อคิดวันฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
(อสย 42:1-4,6-7; กจ 10:34-38; มธ 3:14-17)
          1. การฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างเตือนใจเราให้คิดถึงความสำคัญของศีลล้างบาป และเป็นต้นการรับศีลล้างบาปของตัวเราเอง
          2. เหตุการณ์การเข้ารับพิธีล้างนี้ “การเริ่มต้นชีวิตท่านกลางสาธารณชนของพระเยซู” (เทียบ 3:23) โดยที่พระองค์ทรงเลือกที่จะปรากฏพระองค์ต่อหน้าสาธารณชนท่ามกลางฝูงชนที่มีทั้งคนบาป คนเก็บภาษี และทหาร ฟาริสิ สะดูสี รวมทั้งโสเภณี ทั้งนี้เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยธรรมดาคนหนึ่งที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้ พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางคนบาปเพื่อนำคนบาปให้ได้รับความรอด ตามที่พระองค์ทรงแสดงเจตนาไว้ว่า “เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” (มธ 9:13) และยังมีคนต่อว่าพระองค์ว่า “เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป” (มธ 11:19) นี้แหละจึงเป็นบุญของเราที่เป็นคนบาปโดยแท้จริง

          3. “เราควรทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (มธ 3:15) เป็นการแสดงถึงความนบนอบเชื่อฟังที่พระเยซูเจ้าทรงมีต่อพระบิดา และชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ก็เป็นการทำตามพระประสงค์ของพระบิดา ตั้งแต่การบังเกิดจนสิ้นพระชนม์ นี้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเราทุกคน ในบทข้าแต่พระบิดาฯเราสวดว่า “พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” และในบทสวดในพิธีมิสซาฯที่ว่า “อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า” สามคำนี้ควรที่จะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและในการทำงานของท่าน คือ ทำอะไรก็ตามขอให้กระทำโดยอาศัยพระคริสตเจ้า ทำพร้อมๆกับพระคริสตเจ้า และทำในองค์พระคริสตเจ้า” เช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระบิดา

           4. เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้วเสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้น “ท้องฟ้าเปิดออก” (มธ 3:16) ท้องฟ้าซึ่งบาปของอาดัมได้ปิดสนิทได้ถูกเปิดออกให้มวลมนุษย์ได้เข้าไปสู่สวนสวรรค์หรือสวนเอเดนได้แล้ว พิธีล้างบาปจึงมีความจำเป็นต่อชีวิตของเรา เพราะทำให้เรามนุษย์สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้(เทียบ CCC 536)

            5. พระจิตเจ้าทรงปรากฏองค์ในรูปนกพิราบ(เทียบ มธ 3:16) บินร่อนเหนือน้ำ เหมือนกับนกพิราบซึ่งครั้งหนึ่งได้บอกโนอาห์ว่า น้ำมหาวินาศได้สิ้นสุดลงแล้ว ฉะนั้นบัดนี้นกพิราบต้องการเผยแสดงว่าสภาพแห่งการแตกแยกแห่งสายสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เพราะบาปกำเนิดได้สิ้นสุดลงแล้ว สัญญาณครั้งนี้จะไม่ใช่กิ่งมะกอกที่งอกจากลำต้นเก่า แต่เป็นพระจิตเองซึ่งหลั่งพระพรอย่างอุดมบริบูรณ์มายังพระคริสตเจ้า และเป็นการเผยแสดงว่าอาศัยการล้างบาปจะช่วยทำให้ชีวิตเก่าๆของเราสิ้นสุดลง และจะนำเราไปสู่ชีวิตใหม่ด้วยพระพรของพระจิตเจ้า(นักบุญเปโตร คริโซโลโก พระสังฆราช)

            6. “น้ำ” ไม่ได้ชำระพระเยซูเจ้าให้บริสุทธิ์ แต่การที่พระองค์ทรงนำเอาพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จุ่มลงไปในน้ำนั้น กลับทำให้น้ำธรรมดากลายเป็นน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ และใครก็ตามที่ได้จุ่มตัวลงในน้ำนี้ คนๆนั้นก็ย่อมได้รับการชำระให้ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับสภาวะพระเจ้าจากการเกิดใหม่ในศีลล้างบาปโดยน้ำและพระจิต จึงทำให้เราเป็นทายาทแห่งเมืองสวรรค์ร่วมกับพระคริสตเจ้า(น.ฮิบโปลิต)

            7. ใครก็ตามที่จุ่มตัวลงในน้ำแห่งการบังเกิดใหม่ด้วยความเชื่อ ก็ได้ปฏิญาณตนเป็นปฏิปักษ์กับปีศาจ และผูกมัดตนเองกับพระคริสตเจ้า เขาจะต้องปฏิเสธมารร้ายและยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้า ละทิ้งความเป็นทาส(น.ฮิบโปลิต)

            8. ดังนั้น ศีลล้างบาปจึงมีคุณค่าและความสำคัญต่อชีวิตของเราทุกคนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ศีลล้างบาปมีความจำเป็นสำหรับความรอดพ้นของจิตวิญญาณ นี้เป็นสาระสำคัญที่เราจะต้องช่วยกันประกาศข่าวดีประการนี้ และเชิญชวนคนที่เรารักเข้ามาเรียนรู้และเลือกที่จะรับการชำระล้างบาปเพื่อเข้าสู่ความรอดพ้นเช่นเดียวกับเรา

            9. ที่สุดการฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจึงต้องเตือนใจเราให้คิดถึงการเข้ารับพิธีล้างบาปและความรับผิดชอบของเราแต่ละคน เมื่อเราได้รับพิธีล้างบาปตัวของเราได้กลับกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพระเจ้าแล้ว คำถามที่เราจะต้องถามและตอบตัวของเราเองก็คือ ฉันได้ดำเนินชีวิตตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ในขณะที่รับพิธีล้างบาปหรือไม่ ฉันเชื่อในสิ่งที่ได้กล่าวสัญญาไปหรือไม่ ฉันได้ปฏิบัติในสิ่งที่ฉันเชื่อหรือไม่ ฉันเหมาะสมที่จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าหรือไม่