ขั้นที่ 1 กิจกรรม
แสดงละคร เรื่อง “พระเยซูในถิ่นทุรกันดาร”
จากคำบรรยายในเทป นักเรียนเป็นผู้แสดง
ตัวละคร 1. พระเยซู
2. ปีศาจ 2 ตัว
3. เทวดา 5 องค์
อุปกรณ์ประกอบ 1. ก้อนหิน
2. ตึกสูงระฟ้า
3. เฮลิคอบเตอร์
คำบรรยาย
เมื่อรับพิธีล้างจากท่านยอห์น บัปติสต์แล้ว พระจิตก็นำพระเยซูเข้าสู่ถิ่นทุรกันดารเพื่อให้พระองคืผ่านการทดลอง พระเยซูจำศีลาวนาในถิ่นทุรกันดารตามลำพังเป็นเวลาถึง 40 วันโดยมิได้กินหรือดื่มอะไรเลย หลังจาก 40 วันผ่านพ้นไป พระองค์ทรงรู้สึกหิว ปีศาจจึงเข้ามาประจญพระองค์กล่าว่า
“ท่านมีฤทธิ์ทุกประการ ทำไมไม่เสกก้อนหินก้อนนี้ให้เป็นขนมปัง จะได้กินให้อิ่มหนำสำราญเล่า” พระเยซูต้องตอบปีศาสจว่า
“มนุษย์มิได้เจริญชีวิตด้วยขนปังอย่างเดียวหรอก แต่เจริญชีวิตด้วยพระวาจาของพระเป็นเจ้าทุกคำที่พระองค์ตรัส”
ปีศาจประจญพระองค์ครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงคิดแผนใหม่ มันพาพระเยซูขึ้นไปบนยอดตึกสูงระฟ้าแล้วกล่าวกับพระองค์ว่า
“ดูข้างล่างซิ ผู้คนมากมายขวักไขว่ไปมา กระโดดลงไปเถิด พระคัมภีรืกล่าวว่าพระเจ้าจะใช้เทาวดามาประคองรับท่านไว้ไม่ให้ตกกระแทกพื้น แล้วคนทั้งหลายก็จะร้องสรรเสริญว่าท่านเป็นผู้วิเศษ” พระเยซูตรัสตอบปีศาจว่า
“ใช่ แต่พระคัมภีร์ก็กล่าวไว้ด้วยว่า เจ้าอย่าได้ทดลองพระเจ้าของเจ้าเป็นอันขาด” ปีศาจล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง มันไม่สามารถเอาชนะพระองค์ได้ มันจึงวางแผนขั้นสุดท้าย มันพาพระเยซูขึ้นเฮลิคอบเตอร์ พาบินวนเวียนดูโลกเบื้องล่างที่กว้างใหญ่ไพศาล แล้วมันก็บอกกับพระองค์ว่า
“อาณาจักรโลกทั้งหมดนี้เป็นของเรา คุกเข่าลง กราบไหว้เราซิ แล้วเราจะมอบอาณาจักรโลกทั้งหมดนี้ให้แก่ท่าน แล้วท่านจะได้เป็นเจ้าผู้สูงสุดในโลก” พระเยซูจึงตรัสสำทับปีศาจอย่างดุดันว่า
“ไปให้พ้น เจ้าปีศาจ พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า เจ้าจงไหว้นมัสการพระเจ้าของเจ้าแต่ผู้เดียว”
ปีศาจตกใจกลัวมาก จึงรีบพาพระเยซูกลับ และขับเฮลิคอปเตอร์หนีไป เทวดาก็ออกมารำฟ้อน โปรยดอกไม้ แสดงความยินดีที่พระเยซูทรงมีชัยเหนือปีศาจอย่างเด็ดขาด
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูถามความรู้สึกของผู้ชมละครว่า
- รู้สึกอย่างไรเมื่อได้ชมละคร?
- ประทับใจตอนไหนมากที่สุด?
- ได้บทสอนอะไรจากเรื่องนี้?
สรุป ชีวิตต้องผ่านการทดลอง การทดลองทุกอย่างล้วนลำบาก ต้องมั่นคงเข้มแข็งจึงจะผ่านการทดลองได้
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. พระเยซูเสด็จเข้าสู่ถิ่นทุรกันดารโดยมีพระจิตทรงนำไป พระจิตทรงนำพระเยซูนับตั้งแต่ทรงบังเกิด จนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่การนำเข้าสู่ถิ่นทุรกันดารครั้งนี้นับว่าสำคัญและมีความหมายมากสำหรับเราคริสตชน เพราะเป็นรูปแบบชีวิตจริงๆ ของเราแต่ละคน
ถิ่นทุรกันดาร หมายถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ เป็นถิ่นที่ครั้งหนึ่งเป็นสวรรค์บนแผ่นดินแต่บัดนี้ได้กลายเป็นถิ่นแห่งความยากลำบาก แห่งการต่อสู้ อาบเหงื่อต่างน้ำ หรืเป็นถิ่นแห่งการทดลองที่ปีศาจจะฉวยโอกาสจะมาประจญเรา การประจญของปีศาจก็สรุปเป็นข้อใหญ่ๆ ได้ 3 ข้อเหมือนพระเยซู คือ
ความสุขในการกินการดื่ม ซึ่งเป็นความหลงละเลิงของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนน้ำมหาวินาศ “ก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กิน ดื่มกัน.....จนถึงวันที่โนอาร์เข้าในเรือ” (มธ 24:38)
นักบุญเปาโลก็เตือนคริสตชนให้เมิตนเสียจากคนที่เห็นแก่ปากท้องของตัวเองว่าปรนนิบัติท้องตัวเอง” (รม 16:18) คนที่ปรนนิบัติท้องตัวเองก็เท่ากับถือว่า “พระเจ้าคือท้อง” ซึ่งตรงกับคนในยุคนี้ที่ตกอยู่ในกระแสบริโภคนิยม จับจ่ายใช้สอย กินดื่ม เที่ยวเล่นกันจนจวนจะหมดเนื้อหมดตัวในยุค “ไอเอ็มเอฟ” หรืเศรษฐกิจตกต่ำนี้ ทางแก้ก็คือพระวาจาเตือนสติจากพระคัมภีร์ที่ว่า “มนุษย์มิได้บิรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียว แต่บำรุงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (ฉธบ 8:3)
คือหันมาสนใจบริโภคอาหารฝ่ายใจ คือพระธรรมจาพระคัมภีร์แทน ซึ่งจะให้ความอิ่มใจ
ความสุขในการแสงหาชื่อเสีย เกียรติยศ ซึ่งเป็นความหลงละเลิงอีกอย่างหนึ่งที่ร้ายกว่าอย่างแรก เพราะคนเรามักจะถือว่า “ท้องแห้งแต่มีเกียรติ ดีกว่าท้องอิ่มแต่ไร้เกียรติ” คนจึงไขว่คว้าหาเกียรติกันทุกวิถีทาง ผิดบ้างถูกบ้าง
ที่จริง ชื่อเสียง เกียรติยศ เป็นสิ่งดี แต่ถ้ายึดติดเกินไปก็จะกลายเป็นเหมือนพวกฟาริสีที่มุ่งทำดีต่อหน้าคนอื่นๆ เพื่อให้เขาชมเชย พระเยซูตรัสว่า “พวกเขาได้รับรางวัลแล้ว” คือรางวัลในโลกนี้ แต่อดรางวัลในโลกหน้า ถ้าอยากได้รางวัลในโลกหน้าก็ต้องยึดพระวาจาจากพระคัมภีร์ที่ว่า “อย่าทดลองพระเจ้าของเจ้า” (ฉธบ 6:16)
คนที่ใฝ่หาชื่อเสียเกียรติยศ ก็เท่ากับทดลองพระเจ้า คือ อยากประลองกำลังกับพระเจ้า ท้าชิงแชมป์กับพระเจ้าโดยมีชื่อเสียง เกียรติยศเป็นเดิมพัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เวลร้ายอย่างสุดๆ
ความสุขในการแสวงหาทรัพย์สมบัติ เข้าทำนองมีทรัพย์ก็เท่ากับมีทุกสิ่ง ทรัพย์จึงกลายเป็นพระเจ้า อย่างที่เรียกกันว่า พระเจ้าเงินตรา บางคนแสวงหาทรัพย์โดยใช้วิธีทุกอย่าง แม้จะเป็นวิธีผิดๆ ก็ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์นั้น เช่น ฉ้อโกง ขูดรีด ไปจนถึงลักขโมย จี้ปล้น
ทรัพย์สมบัติก็เป็นสิ่งดีและจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต แต่จงให้ทรัพย์สินเป็นเพียงเครื่องมือรับใช้ชีวิต อย่าให้มาเป็นนายบงการชีวิต พระเยซูเจ้าตรัสว่า “อย่ารับใช้นายสองนาย คือพระเจ้าและเงินตรา” (มธ 6:24) คือจงรับใช้พระเจ้าเป็นนายแต่พระองค์เดียว อย่าให้เงินตรามาเป็นนาย เพราะเหตุนี้เองพระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า “จงไหว้นมัสการและปรนนิบัติพระเจ้าของท่านแต่เพียงผู้เดียว” (มธ 4:10) ปีศาจแห่งความละโมบในทรัพย์สมบัติก็จะกระเจิดกระเจิงหนีไป
2. เราจะสามารถปฏิบัติตามแบบฉบับของพระเยซูได้ก็ต้องอาศัยพลังจากพระจิต เพราะเราเป็นคนอ่อนแอโดยธรรมชาติ นักบุญเปาโลกทราบดีถึงสภาพของตนเองเช่นนี้ดี ท่านจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอ่อนกำลัง มีความกลัวและความหวาดหวั่นมาก.....แต่ข้าพเจ้าก็ได้เทศน์แสดงพระจิตและฤทธิ์เดชของพระเจ้า” (1คร 1:5) หมายความว่า พลังแลฤทธิ์เดชของพระจิตปรากฏชัดในความอ่อนแอของเรา เมื่อเราสมัครใจเข้าพึ่งพิงพระองค์ นั่นก็คือ ยินดีให้พระจิตนำเราเข้าสู่ถิ่นทุรกันดารเหมือนได้ทรงนำพระเยซูคริสต์ และให้พระจิตนำเราออกจากถิ่นทุรกันดารพร้อมด้วยชัยชนะเหนือวิกฤติการณ์แห่งชีวิตเหมือนพระเยซูคริสต์ด้วย
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. “มนุษย์มิได้บำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียว แต่บำรุงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (ฉธบ 8:3)
2. “อย่าทดลองพระเจ้าของเจ้า” (ฉธบ 6:16)
3. “จงไหว้นมัสการและปรนนิบัติพระเจ้าของท่านแต่ผู้เดียว” (มธ 4:10)
4. เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในชีวิตโดยอาศัยพลังและฤทธิ์เดชของพระจิต
ข. กิจกรรม
ร้องเพลง “เชิญพระจิต” (ปรารถนา หน้า 406) 3 ข้อ
1. เชิญพระจิตฤทธิเดชเสด็จมา เยือนวิญญาณ์ข้าพระองค์ที่ทรงสรรค์
เชิญประสิทธิ์โปรดพระพรวรานันต์ เป็นมิ่งขวัญแก่วิญญาณ์ข้าพระองค์
(รับ) เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า
2. พระเจ้าคือผู้บรรเทาเหล่าทุกข์ร้อน พระคือพรจากเจ้าฟ้าค่าสูงส่ง
พระท่อธารชูชีวีอัคคียง พระคือรักปักปลงใจให้ปรีดา (รับ)
3. พระประทานสัปตพรแก่มนุษย์ พระประดุจดัชนีพระหัตถ์ขวา
ของพระองค์ทรงนามะพระบิดา ตามสัญญาพระแจ้งไขไว้เด่นดี (รับ)
สวดภาวนาพร้อมกันดังต่อไปนี้
“ข้าแต่พระจิตเจ้า พระผู้สร้าง พระองค์ทรงอยู่เบื้องหลังการก่อตั้งพระอาณาจักร อาศัยพลังแห่งบรรดานักบุญของพระองค์ โปรดทรงนำพระศาสนจักรให้ก้าวไปสู่สหัสวรรษใหม่ ด้วยความกล้าหาญ เพื่อนำแสงสว่างแห่งองค์พระวจนาถผู้ทรงนำมาซึ่งความรอด ไปสู่ยุคสมัยที่จะมาถึง ข้าแต่พระจิตแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระองค์คือลมปราณ ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เหนือพิภพจักรวาล โปรดเสด็จมาฟื้นฟูโลก โปรดดลบันดาลให้คริสชนทั้งหลาย มีใจปรารถนาที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเขาจะได้เป็นเครื่องหมาย และเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพ ให้โลกได้ใกล้ชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า และนำเอกภาพมาสู่มวลมนุษย์
โปรดเสด็จมาเถิด ข้าแต่พระจิตเจ้าแห่งความรักและสันติ”
ค. การบ้าน
วาดภาพ ลมพายุ (สัญลักษณ์ของฤทธิ์เดช) ตามจินตนาการของผู้เรียน เขียนถ้อยคำประกอบใต้ภาพว่า “พระจิตองค์ฤทธิ์เดช”
นำภาพมาประกวดที่โรงเรียน เสร็จแล้วนำไปติดไว้ที่บ้าน เพื่อเตือนให้คิดถึงพระจิต