หัวข้อเรื่อง มหาพรต
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้เข้าใจความหมายและปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของเทศกาลมหาพรต
ขั้นที่ 1 กิจกรรม
ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 ทีม (กลุ่ม) แข่งขันกันหาลักษณะเด่นของเปโตรและยูดาส
โดยออกไปเขียนบนกระดานดำ ตัวอย่าง (ครูจะบอกใบ้พระคัมภีร์ให้กับนักเรียนก็ได้)
ลักษณะเด่นของเปโตร ลักษณะเด่นของยูดาส
ชายผู้มาจากภาคเหนือ เมืองเบธไซดา ชายผู้มาจากภาคใต้
น้องชายชื่ออันดรูว์ เหรัญญิก
เป็นชาวประมง ขายพระเยซู 30 เหรียญ
หัวหน้ากลุ่ม สำนึกผิด หมดหวัง ฆ่าตัวตาย
ปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง คนหัวขโมย
พระคัมภีร์กล่าวถึงเป็นคนแรก พระคัมภีร์กล่าวถึงเป็นคนสุดท้าย
ชื่อแปลว่า “ศิลา” กินขนมปังก้อนเดียวกับพระเยซู
พระสันตะปาปาองค์แรก กอดและจูบพระเยซูในสวนเกทเสมมี
ถูกตรึงกางเขนโดยเอาหัวทิ่มลงดิน ออกไปข้างนอกก่อนใครในอาหารค่ำครั้งสุดท้าย
เปรียบเหมือนโฆษกประจำกลุ่ม เป็นบุตรแห่งความพินาศ ฯลฯ
เป็นบุตรของยอห์น ฯลฯ
พระเยซูตำหนิว่า “ไอ้ซาตาน”
สำนึกผิด กลับใจ ใช้โทษบาป
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
1. ลักษณะบางอย่างของเปโตรและยูดาสที่เหมือน เช่น
ก. ถูกพระเยซูตำหนิว่าเป็น “ซาตาน” (เปโตร) และ “หัวขโมย” (ยูดาส)
ข. ปฏิเสธพระเยซู (เปโตร) และขายพระเยซู (ยูดาส)
2. ลักษณะบางอย่างของเปโตรและยูดาสที่ต่างกัน เช่น
ก. เป็น “ชาวเหนือ” (เปโตร) และเป็น “ชาวใต้” (ยูดาส)
ข. มีชื่อเป็นคนแรกในหมู่อัครสาวก (เปโตร) และมีชื่อเป็นคนสุดท้าย (ยูดาส)
ค. สำนึกผิด เสียใจ กลับใจ ใช้โทษบาป (เปโตร)
และสำนึกผิด เสียใจ หมดหวัง ฆ่าตัวตาย (ยูดาส)
สรุป ลักษณะที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เปโตรและยูดาสแตกต่างกันไปคนละขั้วก็คือ
หลังจากสำนึกผิด เสียใจแล้ว เปโตรกลับใจ ใช้โทษบาป จึงรอดได้และกลายมาเป็นศิลา
ของพระศาสนจักร (พระสันตะปาปาองค์แรก) ส่วนยูดาสหมดหวัง ฆ่าตัวตาย
จึงกลายเป็นบุตรแห่งความพินาศตามที่พระเยซูได้ตรัสไว้
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. ชีวิตคริสตชนคือการเดินทางไปสู่ชีวิตนิรันดร เส้นทางเดินในแต่ละปีของพระศาสนจักร หรือปีพิธีกรรม จะต้องผ่านเหตุการณ์สำคัญสุดยอด 2 ประการคือ คริสตืมาส และปัสกา (ดูภาพประกอบที่แนบมา) คริสต์มาสจะเร่มด้วยการเตรียม 4 สัปดาห์ล่วงหน้า เรียกว่าเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า คริสตชนจะเตรียมตัวด้วยการบำเพ็ญพรต คือ ทรมานตัว ใช้โทษบาป กลับใจ ทำบุญให้ทาน เป็นการรับความทุกข์ยากลำบาก จากนั้นก็เข้าสู่ความสุขความยินดีในวันสมโภชคริสต์มาส ปัสกาก็เช่นเดียวกันจะเร่มด้วยการเตรียม 4 สัปดาห์ล่วงหน้า เรียกว่า เทศกาลมหาพรต คริสตชนจะเตรียมตัวด้วยการบำเพ็ญพรต คือ ทรมานตัว ใช้โทษบาป กลับใจ ทำบุญให้ทาน เป็นการรับความทุกข์ยากลำบากจากนั้นก็เข้าสู่ความสุขความยินดีในวันสมโภชปัสกา
ปีแล้วปีเล่าชีวิตคริสตชนของเราก็ดำเนินไปในลักษณนี้ คือผ่านจากความทุกข์เข้าสู่ความสุข ผ่านจากชีวิตเก่าเข้าสู่ชีวิตใหม่ ผ่านจากความตายเข้าสู่การกลับเป็นขึ้นมา เราเรียกประสบการณ์นี้ว่า “รหัสธรรมปัสกา”
2. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “ผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตนเอง แบกกางเขนของตคนแล้วตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่เอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิตแต่ผู้ใดเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด” (มธ 16:24-25) เป็นการยืนยันว่ามนุษย์ในสภาพหลังจากตกในบาปจะผ่านเข้าสู่สิริมงคลก็ต้องผ่านกางเขนคือความทุกข์ยากลำบาก จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรก็ต้องผ่านความตาย
พระเยซูคริสตืเองได้ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่าง พระองค์ทรงถ่อมองค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ รับทรมาน สิ้นพระชนม์ เพื่อกลับคืนพระชนม์และเข้าสู่พระสิริมงคล เทศกาลมหาพรตก็คือเทศกาลที่เราคริสตชนพากันดำเนินชีวิตภาคทรมานของพระเยซูคริสต์ คือทรมานตัว ใช้โทษบาป เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในภาคยินดีกับพระองค์ คือการกลับเป็นขึ้นมามีชีวิตมใหม่
3. พระศาสนจักรเชิญชวนคริสตชนให้ทรมานตัว ใช้โทษบาป ในเทศกาลมหาพรตเป็นพิเศษ ทางฝ่ายกายก็ด้วยการอดเนื้อ อดอาหาร ทนร้อน ทนหนาว ทนเจ็บ ทางฝ่ายวิญญาณก็ด้วยการตัดกิเลส ตัดใจตัดความอยาก ฯลฯ ตามที่นักบุญเปาโลพรรณนาไว้ว่า “ความต้องการของเนื้อหนังที่ขัดสู้กับชีวิตฝ่ายวิญญาณ คือ การล่วงประเวณี การโสโครก การลามก การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ทำนองนี้เอง.....คนที่ประพฤติเช่นนี้จะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า” (กท 5:19-21) สิ่งเหล่านี้จะต้องขจัดให้สิ้นซาก
4. อย่ามองมหาพรตเป็นภาระที่ต้องแบกหาม น่าเบื่อหน่าย แต่ต้องมองในแง่สร้างสรรค์คือ ร่างกายที่ได้รับการฝึกปรือ ทำงาน ออกกำลังอยู่เสมอๆ ย่อมเติบโตแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บฉันใด วิญญาณที่ออกกำลังด้วยการสู้รบปรบมือกับปีศาจ คนใจโลกและเนื้อตัวเราเองก็จะเจริญเตอบโตแข็งแรงและก้าวหน้าสู่ความบริบูรณ์มากขึ้นฉันนั้น
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจดจำ
1. ชีวิตคริสตชนคือการเดินทางไปสู่ชีวิตนิรันดร
2. ปีพิธีกรรมจะต้องผ่านเหตุการณ์สำคัญสุดยอด 2 ประการคือ คริสต์มาสและปัสกา
3. ชีวิตคริสตชนของเราต้องดำเนินผ่านจากความทุกข์เข้าสู่ความสุข ผ่านจากชีวิตเก่าเข้าสู่ชีวิตใหม่ ผ่านจากความตายเข้าสู่การกลับเป็นขึ้นมา เราเรียกประสบการณ์นี้ว่า “รหัสธรรมปัสกา”
4. เทศกาลมหาพรตคือการเตรียม 4 สัปดาห์ล่วงหน้าก่อนปัสกา คริสตชนจะเตรียมตัวด้วยกาบำเพ็ญพรต คือ ทรมานตัว ใช้โทษบาป กลับใจ ทำบุญให้ทาน เป็นการรับความทุกข์ยาก จากนั้นก็เข้าสู่ความสุขความยินดีในวันสมโภชปัสกา
5. อย่ามองมหาพรตเป็นภาระที่ต้องแบกหาม น่าเบื่อหน่าย แต่ต้องมองในแง่สร้างสรรค คือร่างกายที่ได้รับการฝึกปรือ ทำงาน ออกกำลังกายอยู่เสมอๆ ย่อมเติบโตแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บฉันใด วิญญาณที่ออกำลังด้วยการสู้รบปรบมือกับปีศาจ คนใจโลก และเนื้อตัวเราเอง ก็จะเจริญเติบโตแข็งแรง และก้าวหน้าสู่ความบริบูรณืมากขึ้นฉันนั้น
ข. กิจกรรม
-ครูแจกเชือกให้นักเรียนคนละเส้น แล้วให้เอาเชือกของตนไปผูกติดกับเชือกของเพื่อนๆ เป็นเส้นเดียวกัน เสร็จแล้วนำมามัดเพื่อนคนหนึ่งโดยสมมติว่าเป็นพระเยซูเจ้า
-ครูอธิบาย เชือกหมายถึงบาปความผิดที่เราทุกคนมี ความผิดนี้เมื่อนำมารวมกันก็กลายเป็บาปความผิดของมนุษยชาติที่ไปมัดพระเยซู ทำให้พระองค์ต้องทรมานเหมือนตรึงกางเขน กระดุกกระดิกไม่ได้
-ครูให้นักเรียนแก้มัดเพื่อน และแก้เชือกออกจากกันและกัน
-ครูอธิบาย การแก้เชือกเป็นการแก้บาปความผิดโดยการสำนึกผิด เสียใจ กลับใจ และชดเชยความผิดบาปนั้น
ค. การบ้าน
1. ให้นักเรียนทำต้นไม้แห่งความดีในบ้าน (หรือกระป๋องความดี) ตัวอย่างต้นไม้ความดี
- ให้วาดต้นไม้ (เอาเพียงลำต้นกิ่งก้าน) ลงในกระดาษโปสเตอร์ (ไม่ต้องตัด) เอาไปติดไว้หน้าบ้านหรือหน้าห้องรับแขก
- ตัดกระดาษเป็นรูปใบไม้ (หมายถึงพ่อ) ดอกไม้ (หมายถึงแม่) ผลไม้ (หมายถึงลูก) เตรียมไว้หลายๆ ชิ้น
ง. ปฏิบัติ
1) เมื่อสมาชิกคนใดในบ้านทำความดีอะไรสักอย่าง ก็ให้นักเรียนเอาสัญลักษณ์ (ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้) ที่เตรียมไว้ไปติดที่ต้นไม้ทุกวัน จนกว่าจะจบเทศกาลมหาพรต เมื่อจบแล้วให้เชิญครู เพื่อนๆ ไปดูที่บ้าน หรือถ่ายรูปมาให้ดูก็ได้
2) ทำพลีกรรม เช่น อดเนื้อ งดดูโทรทัศน์ วีดีโอ ภาพยนตร์ เดินรูป 14 ภาค พูดจาไพเราะ ทำบุญให้ทาน ฯลฯ