ขั้นที่ 1 กิจกรรม
ครูพูดคุยกับผู้เรียน เรื่อง “ความสุข” อันเป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคน
-ความสุขอยู่ที่ไหน?
หรือจะให้ผู้เรียนแสดงละครตามเนื้อเรื่องต่อไปนี้
เรื่อง “ความสุขอยู่ที่ไหน?” (โดย ศจ.นพ.ประเวศ วะสี)
“เฮ้ย ใครรู้มั่งวะ ทะอะไรจึงจะมีความสุขที่สุด” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นในวงสนทนา
“กินซีวะ ได้กินของอร่อย ๆ ละก็ สุขราวกับได้ขึ้นสวรรค์ทีเดียว”
เฒ่าหยอยแก่แล้ว แต่ไม่วายเสนอเรื่องกินขึ้นมา
“ไม่จริงหรอก” เจ้าจุ่นขัดคอ “ไอ้เฮงมันกินหมูเห็ดเป็ดไก่อยู่เรื่อง ไม่เห็นมันมีความสุข
ทะเลาะกับเมียทุกวัน นี่ก็ผูกคอยตายไปแล้ว ไม่รู้เรื่องอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนซีวะ” เฒ่าไปล่เสนอ “ข้านี่ลงได้นอนละก็ สุขอย่าบอกใครเชียว”
“อ้าว แล้วไอ้สุขนักนอนทำไมไม่เห็นมันมีความสุขเลย” มีคนขัดคอขึ้นมาอีก
“ไปอยู่ที่ไหนมีแต่คนรังเกียจ เพราะมันชอบนอน มีเมียเมียก็ทิ้งไปแล้ว เพราะมันขี้เกียจ เอาแต่นอน”
“กินเหล้าซีโว้ย” ผู้ใหญ่มาทนอยู่ไม่ไหว
“บาลีท่านว่า สุราเมระยัง ปะระมัง สุขขัง ถือเอาสุราเป็นที่พึ่ง เป็นยอดของความสุข”
“บาลีเถรเทวทัตที่ไหนวะ เกิดมาะไม่เคยได้ยินโว้ย” ทิดแจ่มค้น
“พวกเรากินเหล้าจนเปลี่ยวดำจับตายไปหลายคนแล้ว ลูกเมียลำบากฉิบหายหมด ก่อนเวรแท้ๆ”
“ทำอะไร ๆ ก็ว่าไม่สุขสักอย่าง” เฒ่าไปล่ชักเคือง “งั้นก็อย่าทำมันซะเลยซีวะ”
“อ้าว ข้าจะเล่าให้ฟัง” ทิดแจ่มว่า “ตอนนั้นข้าไปเยี่ยมเจ้าเกียงลูกกำนันผลเป็นนักศึกษา
ตอนเกิดเรื่องยุ่งๆ นั่นแหละถูกจับติดคุกไปหลายคน วันๆ เขาไม่ให้ทำอะไรเลย ให้กินแล้วก็อยู่เฉยๆ
ทุกวันทุกคืน ไอ้พวกนั้นหงุดหงิดจะเป็นบ้าตายกันเสียให้ได้ ต้องไปอ้อนวอนเขาขอทำงาน ทำอะไรก็ได้
กวาดคุกก็เอา ตักน้ำก็เอา ล้างส้วมก็เอา พอเขาจ้างานให้เท่านั้นค่อยหายหงุดหงิดหายบ้า มีความสุขขึ้นได้”
“แสดงว่า ความสุขอยู่ที่ทำงานนี่แหละ” ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูให้ผู้เรียนช่วยกันออกความเห็นว่า
- แล้วทำงานอย่างไรล่ะจึงจะมีความสุข?
สรุป ครูสรุปว่า ทำงานให้มีความสุขมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่ได้ผลที่สุด
คือ ทำไปพลางก็เพ่งมองดูผลงานที่กำลังเกิดขึ้นจากน้ำมือของตนเอง
ทำให้ให้เกิดปิติกับผลงานนั้น เช่น กวาดบ้าน ล้างชาม ฯลฯ
ขั้นที่ 3 คำสอน
1. นักบุญยอแซฟ มีอาชีพเป็นช่างไม้ ทุกวันก็ขลุกอยู่กับการเลื่อยไม้ ไสไม้ ตอกตะปู พอมีผลงานออกขายได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวให้อยู่อย่างปกติสุขได้ พระวรสารบอกว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรม” (มธ 1:19) หมายความว่า ท่านคงมีความสุขกับการทำงานตามประสาของท่าน และมิได้คิดที่จะกอบโกยหากำไรอย่างมากมายใหญ่โตเพื่อให้ครอบครัวมั่งคั่งมีอันจะกิน จะได้เสวยสุขจากการมั่งคั่งนั้น ท่านจนอย่างไรก็จนอย่างนั้น แต่ภายใต้ความยากจนนั้นกลับมีความสุขที่ได้ใช้เรี่ยวแรงพละกำลังทำงานเลี้ยงครอบครัวทุกวันมิใช่อยู่เปล่าๆ และเชื่อเหลือเกินว่าทั้งแม่พระและพระกุมารก็คงเจริญรอยตามแบบอย่างของยอแซฟ คือช่วยทำงานจิปาถะ มิได้นิ่งดูดายปล่อยให้ยอแซฟทำงานคนเดียวเป็นแน่ จึงเหมาะสมแล้วที่พระศาสนจักรได้แต่งตั้งนักบุญยอแซฟให้เป็นผู้อุปถัมภ์กรรมกรทั้งหลาย และกำหนดให้ทำการฉลองในวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี
2. พระเป็นเจ้าเองทรงทำงานอยู่เสมอ และพระองค์ก็ทรงสุขอยู่กับงานของพระองค์ เมื่อเราทำงานเราก็ทำเหมือนพระเป็นเจ้า คือสุขอยู่กับงานของเรา แต่น่าเสียดายที่บาปของมนุษย์ทำให้ความสุขในการทำงานมีความทุกข์เข้ามาปะปน การทำงานได้พ่วงเอาลักษณะของโทษบาปเอาไว้ด้วย “เจ้าจะต้องทำมาหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต..... เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า” (ปฐก 3:17-19)
3. แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานก็ยังเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยเฉพาะสำหรับชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว นักบุญเปาโลกล่าวว่า “เราขอกำชับท่านในพระนามพระเยซูคริสต์ว่า จงปลีกตัวออกห่างจากพี่น้องทุกคนที่อยู่อย่างเกียจคร้านและไม่ประพฤติตามโอวาทของเรา..... เรามิได้เกียจคร้านเลยเมื่อเราอยู่ในหมู่พวกท่าน และเรามิได้กินข้าวเปล่า ๆ จากมือของผู้ใด แต่เราได้ทำงานหนักด้วยความพากเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด..... แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับว่า ถ้าใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน เพราะเราได้ยินว่า บางคนในพวกท่านอยู่อย่างเกียจคร้าน ไม่ทำงานอะไรเลย แถมยังชอบเข้าไปยุ่งกับกิจธุระของผู้อื่น เราขอกำชับและเตือนสติคนเหล่านั้นในพระนามพระเยซูคริสต์ว่าให้เขาทำงานด้วยจิตใจสงบเยือกเย็นและหากินเอง” (2ทส 3:6-12)
4. เมื่อพูดถึงการทำงาน เราก็มักจะคิดถึงชาย เพราะชายเป็นคนแข็งแรงบึกบึน มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับงานทั้งหนักเบา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าและมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างสูงด้วย ชายทุกคนจึงพึงสำนึกถึงบทบาทหน้าที่ประการนี้ของตนให้มากๆ โดยยึดเอานักบุญยอแซฟเป็นแบบอย่างในด้านความชอบธรรม กล่าวคือพึงทำงานด้วยใจซื่อมือสะอาด ปราศจากความละโมบเมื่อได้ทำเต็มความสามารถแล้วก็จงพอใจแค่นั้นส่วนหญิงก็ใช่ว่าจะนิ่งดูดาย นอกจากจะเป็นกำลังใจสนับสนุนชายให้ทำงานเต็มกำลังแล้ว ก็ยังต้องทำงานในส่วนของตนเองด้วย เหมือนแม่พระกระทำกับนักบุญยอแซฟ ความสุขจึงเกิดขึ้นได้
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
1. ความสุขอยู่ที่การทำงาน
2. พระเป็นเจ้าทรงทำงานเสมอ เมื่อเราทำงาน เราก็ทำเหมือนพระเป็นเจ้า
3. นักบุญยอแซฟเป็นผู้ชอบธรรม ความสุขของท่านคือได้ทำงานเลี้ยงครอบครัวทุกวัน
3. พึงทำงานด้วยใจซื่อ มือสะอาด ปราศจากความละโมบ
ข. กิจกรรม
แจกหนังสือพิมพ์ให้ผู้เรียน ให้แต่ละคนค้นหางานหรืออาชีพที่ตนชอบ ตัดมาติดลงในสมุด แล้วเขียนชี้แจงเหตุผลว่า งานหรืออาชีพนั้นดีอย่างไร เสร็จแล้วนำมาแสดงหน้าชั้น
ค. การบ้าน
กลับบ้านวันนี้และวันต่อๆ ไป จงเริ่มทำงานที่เป็นหน้าที่ หรือช่วยเหลือคนอื่นๆ ทำงานด้วยความยินดีและมีสุข