ccp036.jpgบทเรียนที่      1 เดือนธันวาคม 1996

หัวข้อเรื่อง      นักบุญยอห์น (อัครสาวก) บุรุษผู้ซึ้งในรัก

จุดมุ่งหมาย    
 เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงคุณค่าประการหนึ่งของชายคือเป็นผู้ซึ้งในความรักและจงรักภักดีต่อรักจนถึงที่สุด ตามแบบอย่างของนักบุญยอห์น

ขั้นที่ 1 กิจกรรม
สำหรับเด็กเล็ก
 ครูเล่าเหตุการณ์สัก 3-4 ตอนในพระวรสารต่อไปนี้ พร้อมกับภาพประกอบ เน้นที่ “ยอห์น”
- พระเยซูคริสต์ทรงเรียกสาวกรุ่นแรก (มธ 4:18-22)
- พระเยซูคริสต์ทรงเรียกสาวกสิบสององค์ (มธ 10:1-4)
- พระเยซูคริสต์ทรงจำแลงพระกาย (มธ 17:1-8)
- พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานในวนมะกอก (มก 14:32-42)
- พระเยซูคริสต์ทรงทำนายถึงผู้ทรยศ (ยน 13:21-27)
- เปโตรปฏิเสธพระเยซูคริสต์ (ยน 18:15-18)
- พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน (ยน 19:25-27)
สำหรับเด็กโต
 ครูแจกพระวรสารให้กลุ่มละ 1-2 เล่ม ให้ช่วยกันค้นและศึกษาเหตุการณ์ที่แจ้งข้างบน (สำหรับเด็กเล็ก) ด้วยตนเอง ให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ใครอยู่ในเหตุการณ์นั้นบ้าง

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
ครูตั้งข้อสังเกตและถามผู้เรียนว่า “ทำไมยอห์นจึงมีชื่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นมากกว่าอัครสาวกอื่นๆ โดยเฉพาะในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย เอนกายอยู่แทบพระอุระของพระเยซูคริสต์” และขณะพระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน “พระองค์ทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้ๆ”?
คำตอบ  เพราะยอห์นเป็นสาวกที่พระเยซูคริสต์ทรงรักเป็นพิเศษ และยอห์นเองก็รักพระเยซูคริสต์เป็นพิเศษด้วย ให้สังเกตดูว่ายอห์นมักใช้คำว่า “สาวกที่พระองค์ทรงรัก” แทนชื่อตัวเองอยู่บ่อยๆ
 
ลองค้นดูว่าในพระวรสารของนักบุญยอห์นมีคำว่า “สาวกที่พระองค์ทรงรัก” ปรากฏอยู่กี่ครั้ง? (ยน บทที่ 13, 19, 20, 21)
คำตอบ  5 ครั้ง ยน 13:23 ยน 19:26 ยน 20:2 ยน 21:7 และ 20

สรุป นักบุญยอห์นได้ชื่อว่าเป็นบุรุษซึ้งในรัก ท่านมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักจนกระทั่งหลั่งไหลออกมาจากปลายปากกาที่ท่านเขียนบรรยายถึงความรักตั้งแต่ต้นจนจบ

ขั้นที่ 3 คำสอน
1. ยอห์นเป็นชาวเมืองเบธไซดา บิดาชื่อ เศเบดี มารดาชื่อ สะโบเม พี่ชายชื่อ ยากอบ (ใหญ่) มีอาชีพเป็นชาวประมง ได้รับเรียกให้เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ขณะที่กำลังปะอวนอยู่กับบิดาที่ชายทะเลกาลิลี “ทันใดนั้น เขา (ทั้งสอง) ก็ละเรือและลาบิดาตามพระเยซูคริสต์ไป” (มธ 4:22) ยอห์นเป็นสาวกที่มีอายุน้อยที่สุด และเป็นหนุ่มโสเดียงคนเดียวใน บรรดาสาวกทั้งสิบสองคน ท่านเป็นคนมีนิสัยใจร้อนทะเยอทะยานเหมือนยากอบพี่ชายจนได้ชื่อว่า ลูกฟ้าร้องทั้งคู่ (มก 3:17) และถูกสาวกอื่นๆ รังเกียจที่บังอาจไปขอนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของพระเยซูคริสต์ในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ (มก 10:35-41) ยอห์นกับเปโตรดูจะมีอะไรที่พิเศษๆ คู่กันอยู่ เช่น ยอห์นเป็นสาวกที่พระเยซูคริสต์ทรงรักมากที่สุด ส่วนเปโตรก็เป็นสาวกที่พระเยซูคริสต์ทรงวางใจมากที่สุดโดยทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของสาวกทั้งหลาย ในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย เปโตรก็กระซิบให้ยอห์นถามพระเยซูคริสต์ว่าใครเป็นผู้ทรยศต่อพระองค์ (ยน 13:24-25) เปโตรและยอห์นวิ่งไปที่พระคูหาด้วยกันหลังจากได้ทราบข่าวว่าพระศพของพระเยซูคริสต์หายไป (ยน 20:3) เปโตรหันมามองยอห์นแล้วถามพระเยซูคริสต์ว่า “แล้วคนนี้เล่าจะเป็นอย่างไร?” พระเยซูคริสต์ทรงตอบว่า “ถ้าเราให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา จะเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า?” จนมีเสียงเล่าลือกันว่ายอห์นจะไม่ตาย  (ยน 21:20-23) และหนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่าเปโตรกับยอห์นขึ้นไปสวดภาวนาที่พระวิหารและได้รักษาคนง่อยให้หายจนถูกพระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชาวยิวจับ ถูกขู่สำทับมิให้เทศน์เรื่องพระเยซูคริสต์อีก (กจ 3:1-8)เชื่อกันว่า ยอห์นได้เดินทางไปเทศนาในแถบเอเชียน้อย โดยพำนักอยู่ที่เมืองเอเฟซัสถูกจับในการเบียดเบียนสมัยจักรพรรดิโดมีเซียน (ค.ศ.95) ถูกโยนลงไปในกระทะน้ำมันเดือด แต่ไม่เป็นอันตรายใดๆ จึงถูกเนรเทศไปที่เกาะปัตมอส (ค.ศ. 96-97) หลังจากจักรพรรดิ์โดมีเซียนสิ้นพระชนม์แล้วจึงกลับมาอยู่ที่เมืองเอเฟซัส และสิ้นชีวิตที่นั่นในราวปี ค.ศ. 104 นับเป็นสาวกที่มีอายุยืนยาวที่สุด สมกับที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ว่า “ถ้าเราจะให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา จะเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า?”

2. ยอห์นเป็นสาวกที่พระเยซูคริสต์ทรงรักมากที่สุด เพราะเหตุนี้เองท่านจึงเป็นสาวกแห่งความรัก ซึ่งจะเห็นได้ชัดในพระวรสารและจดหมายที่ท่านเขียน ยอห์นเป็นเจ้าของนิยามที่ว่า “พระเป็นเจ้าเป็นความรัก” (1ยน 4:) ในตำนานเล่าขานกันกล่าวว่า เมื่อยอห์นล่วงสู่วัยชราแล้วพวกศิษย์มักจะอุ้มท่านไปให้โอวาทแก่กลุ่มคริสตชนบ่อยๆ และท่านก็มักจะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “ลูกเอ๋ย จงรักกันและกันเถิด” จนผู้คนพากันถามว่าทำจึงพูดแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว ท่านก็ตอบว่า “เพราะเป็นคำสั่งของพระเป็นเจ้า ถ้าลูกทำได้เท่านี้ก็พอแล้ว” สัญลักษณ์ของยอห์น คือ “นกอินทรี” เพราะท่านบินสูงลิบสุดขอบฟ้า ใกล้ชิดพระเป็นเจ้าเบื้องบนประดุจนกอินทรี ทำให้ท่านสามารถสัมผัสมิติใหม่ โลกใหม่ คือพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าได้ แม้แต่เพียงบางเบาก็ตาม จดหมายสองฉบับที่นักบุญยอห์นเขียนก็เป็นจดหมายรัก เพราะท่านให้คำนิยามพระเป็นเจ้าว่า “พระเป็นเจ้าเป็นความรัก” (1ยน 4:8) และเสริมต่อว่า “ถ้าพระเป็นเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนี้ เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย” (1ยน 4:11)

3. ความรักคือชีวิตและความสุขของเราทุกคน แต่โดยเฉพาะชายเป็นพิเศษ เพราะธรรมชาติสร้างชายมาให้เป็นที่พักพิงของหญิงและสังคม ชายจะต้องเป็นที่พักพิงที่เข้มแข็ง แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องเป็นที่พักพิงที่อ่อนนุ่ม อบอุ่นด้วยความรัก ให้ผู้ที่พักพิงนั้นได้รับทั้งความปลอดภัยและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน และเพราะชายนั้นเป็นผู้ยึดมั่น เปลี่ยนแปลงยาก ความรักของชายก็ควรจะมีลักษณะที่ยึดมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์ทั้งหมดนี้คือเกียรติและศักดิ์ศรีของชาย จงดูยอห์นเป็นตัวอย่าง ท่านยืนหยัดรักพระเยซูคริสต์ รักมนุษย์จนลมหายใจสุดท้ายเมื่ออายุได้ 104 ปี คำพูดของท่านที่ว่า “ถ้าลูกทำได้เท่านี้ (คือรัก) ก็พอแล้ว” ควรจะเป็นคำขวัญสำหรับชายเป็นพิเศษ

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก.ข้อควรจำ
1. “พระเป็นเจ้าทรงรักโลกยิ่งนัก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้” (ยน 3:16)
2. “ถ้าพระเป็นเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนี้ เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย” (1ยน 4:11)
3. ถ้าลูกทำได้เท่านี้คือรักพระเป็นเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์ ก็พอแล้ว
4. ชายต้องเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยเพราะความเข้มแข็ง และอบอุ่นเพราะความรักในเวลาเดียว
ข.กิจกรรม 
ให้ผู้เรียนระบายภาพ “อาหารค่ำครั้งสุดท้าย” (มียอห์นซบอยู่ที่อกพระเยซูคริสต์) หรือภาพ “ยอห์นยืนอยู่ ณ เชิงกางเขน” เขียนแสดงความรู้สึกของตนลงใต้ภาพนั้น
ร้องเพลง “กิ่ง ก้าน ใบ” (เทียบ ยน 15:1-15 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นลำต้นเราเป็นกิ่งก้าน) พร้อมท่าประกอบ ครูอธิบายความหมาย
                                                            เพลง กิ่ง ก้าน ใบ
                            กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง  กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง
                                             ฝนตกมาแรงจริงๆ   ชะ ชะ กิ่ง ก้าน ใบ
 ท่าทางประกอบ
1. ท่อนแรก “กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง” เอามือซ้ายแตะไหล่ขวา เมื่อร้องว่า “กิ่ง” แตะข้อพับขวาเมื่อร้อง “ก้าน” แตะหลังมือขวา เมื่อร้อง “ใบ” เอามือลง ยักไหล่ทั้งสองตามจังหวะ เมื่อร้อง “ชะ ชะ”  เอามือข้างซ้ายแตะหลังมือขวาเมื่อร้อง “ใบ” แตะข้อพับขวา เมื่อร้อง “ก้าน” และแตะไหล่ขวาเมื่อร้อง “กิ่ง”
2. ท่อนที่สอง “กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง” ทำแบบเดียวกันกับท่อนที่หนึ่ง แต่ใช้มือขวาแตะไหล่ซ้าย ข้อพับซ้าย หลังมือซ้าย
3. ท่านที่สาม “ฝนตกมาแรงจริงๆ” เอามือทั้งสองข้างแตะตามจังหวะที่ไหล่ทั้งสองข้าง
4. ท่านที่สี่ “ชะ ชะ กิ่ง ก้าน ใบ” ยักไหล่ทั้งสองข้างเมื่อร้องคำว่า “ชะ ชะ” เอามือซ้ายแตะไหล่ข้างขวา เมื่อร้องคำว่า “กิ่ง” แตะข้อพับขวา เมื่อร้องคำว่า “ก้าน” และแตะหลังมือขวา เมื่อร้องคำว่า “ใบ”
ค.การบ้าน
สวดให้พ่อ พี่ชาย น้องชาย เพื่อนชาย ขอพระอวยพรให้พวกเขาเป็นผู้ที่รักพระและรักผู้อื่นมากๆ