บทที่ 35
พระเป็นเจ้าตรัสกับเราในมิสซา

จุดมุ่งหมาย เพื่อนักเรียนเห็นความสำคัญของพระวาจาของพระเป็นเจ้า
ตั้งใจฟังและนำไปปฏิบัติในชีวิต

ขั้นที่ 1 กิจกรรม
 แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละประมาณ 5-6 คน
 แจกหนังสือพิมพ์ให้กลุ่มละ 1 ฉบับ ให้นักเรียนช่วยกันหาข่าวที่ดีที่สุด น่าสนใจมากที่สุดมากลุ่มละ 3 ข่าว
 เสร็จแล้วให้ตัวแทนกลุ่มออกมาเสนอหรืออ่านข่าวนั้นให้เพื่อน ๆ ฟัง

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
 ครูถามนักเรียนว่า
  - ทำไมจึงเลือกข่าวนี้?
  - ข่าวนี้ดีและน่าสนใจอย่างไร?
  - มีความรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ฟังข่าวนี้?
สรุป ข่าวดีคือข่าวที่นความสุขความยินดีและนำสิ่งดี ๆ มาสู่ผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดกำลังใจ อยากฟัง ชอบฟัง และได้รับประโยชน์จากข่าวดีนั้น

ขั้นที่ 3 คำสอน
            1. พระเป็นเจ้าพระบิดาก็ทรงมีข่าวดีสำหรับเราด้วย เพราะพระองค์ทรงห่วงใยคิดถึงเราที่เป็นลูก ๆ พระองค์อยากให้เรามีความสุขความยินดี และมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตคริสตชนด้วยความแน่วแน่ ไม่พะวักพะวนว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนเส้นทางชีวิตของเรานี้

            2. พระเป็นเจ้าทรงบอกข่าวดีแก่เราในพิธีมิสซาหรือศีลมหาสนิทโดยทางพระคัมภีร์ซึ่งมีผู้อ่านให้เราฟัง เราเรียกว่าพระวาจา พระวาจาคือข่าวดีเกี่ยวกับความรอด สอนเราให้ประพฤติดี สร้างสันติระหว่างเพื่อนมนุษย์ ให้เรามองโลกในแง่ดี เปี่ยมด้วยความหวัง และวางใจในพระทัยดีของพระเป็นเจ้า ข่าวดีอย่างนี้เรามีความต้องการมาก เพราะเราอยู่ในยุคที่มีข่าวรายมากมายเหลือเกิน จะเห็นได้จากหนังสือพิมพ์ที่พวกเราอ่านเมื่อสักครู่นี้ พร้อม ๆ กับข่าวดีที่เราพยายามค้นหาก็มีข่าวร้ายมากมายปนเปอยู่ด้วย

             3. พระวรสารกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์เสด็จลงเรือกับพวกสาวกไปยังที่เปลี่ยวตามลำพัง คนเป็นอันมากเห็นพระองค์กับพวกสาวกไปและสังเกตเห็นว่าไปไหน จึงพากันวิ่งออกจากบ้านเมืองทั้งปวงไปถึงก่อน ครั้งพระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นจากเรือแล้วก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ พระองค์ทรงสงสารพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงสั่งสอนพวกเขาหลายข้อหลายประการ” (มก.6,32-34) เป็นอันว่า พระองค์ไม่ได้พักผ่อนและฝูงชนก็หายเหนื่อย สมหวังและอิ่มใจที่ได้ฟังพระวาจาของพระองค์ ถ้าเราเป็นเช่นนี้บ้างก็จะดี คือสนใจติดตามพระวาจาของพระเป็นเจ้าอยู่เสมอ แต่จริง ๆ มิได้เป็นเช่นนั้น พอพูดถึงพระวาจาของพระเป็นเจ้าเราก็หลับกันตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว

             4. เราควรจะพิจารณาเสียใหม่ให้ถ่องแท้ว่า ทำไมฝูงชนพากันไปฟังพระเยซูคริสต์เทศนาสั่งสอนจนหลงใหล และหลงลืมกระทั่งการกินการนอน ก็เพราะฟังพระองค์แล้วชื่นใจ เกิดมีกำลังใจเกิดมีความหวังในชีวิตขึ้นมาใหม่ พระเยซูคริสต์องค์เดียวกันนี่ทุกวันก็ยังคงสั่งสอนฝูงชนคือพวกเราคริสตชนอยู่ในพิธีมิสซาหรือศีลมหาสนิท เราจงตั้งใจฟังพระองค์อย่างจริงจังสักครั้ง ในพระคัมภีร์ก็ดี ในคำเทศน์ของพระสงฆ์ก็ดี แล้วเก็บเอาสักตอนหนึ่งสั้น ๆ ไปปฏิบัติในชีวิต แล้วเราจะพบความสุขความยินดี

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
 1. พระเป็นเจ้าตรัสกับเราทางไหน?
 ตอบ พระเป็นเจ้าตรัสกับเราทางบทอ่านและเทศน์ของพระสงฆ์ในมิสซา
 2. พระเป็นเจ้าตรัสอะไรกับเราในมิสซา?
 ตอบ พระเป็นเจ้าตรัสกับเราถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา ทรงแนะนำ สั่งสอน และชี้ทางความรอดให้แก่เรา
 3. เราควรปฏิบัติอย่างไรต่อพระวาจาของพระเป็นเจ้า?
 ตอบ เราควรพนมมือฟังด้วยความตั้งใจและนำไปปฏิบัติด้วยความยินดี
ข. กิจกรรม
         นำนักเรียนเข้าวัด ชี้ให้ดูที่อ่านพระคัมภีร์ หนังสือพระคัมภีร์ และให้มีการอ่านพระคัมภีร์ตอนสั้นๆ นักเรียนฟังด้วยอิริยาบถที่ถูกต้อง พร้อมทั้งตอบรับและนำไปปฏิบัติ