บทที่ 30
พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิท

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนเข้าใจเรื่องศีลมหาสนิท และรู้สึกซาบซึ้งในคุณค่าที่แอบแฝงอยู่

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

       ครูเตรียมภาพลายเส้นการเลี้ยงอาหารค้ำครั้งสุดท้ายของพระเยซูคริสต์พร้อมสีเท่ากับจำนวนนำเรียน
       แจกภาพให้นักเรียนคนละ 1 ภาพ ให้ระบายสีให้สวยงาม
       ติดภาพที่ระบายสีแล้วหน้าชั้น

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

 ครูถามนักเรียนว่า
 - คนไหนในภาพคือพระเยซูคริสต์?
 - คนไหนในภาพคือเปโตร ยอห์น ยูดาส ฯลฯ
 - เกิดอะไรขึ้นในระหว่างกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย
สรุป พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิทในระหว่างกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นศีลที่สำคัญที่สุด

ขั้นที่ 3 คำสอน

            1. ก่อนที่ญาติผู้ใหญ่จะอำลาจากโลกนี้ไปท่านมักจะมอบมรดกให้ลูกหลานไว้ดูต่างหน้าเป็นที่ระลึกถึงท่าน พระเยซูคริสต์ก่อนจะทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์ ได้ทรงกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายกับพวกสาวก พระองค์ตรัสว่า  เป็นการกินเลี้ยงครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินนี้ พระองค์จึงทรงมอบมรดกชิ้นสุดท้ายและชิ้นสำคัญที่สุด ให้แก่พวกสาวกและแก่มนุษย์ทั้งหลาย คือ ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูคริสต์ทรงหยิบปังขึ้นมา ถวายพระพร ทรงหักออกแล้วยื่นให้พวกสาวกตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ก็ทรงหยิบถ้วยเหล้าองุ่นขึ้นมา โมทนาพระคุณและส่งให้พวกเขาตรัสว่า “จงรับไปดื่มให้ทั่วกัน ด้วยว่านี้เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่ง พันธสัญญาซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก” (มธ.26,26-28)

            2. มรดกของปู่ย่าตายายคงได้แก่ทรัพย์สินที่ดิน แต่มรดกของพระเยซูคริสต์ก็คือ พระกายและพระโลหิตของพระองค์เองซึ่งมอบไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์ และเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณเราทั้งหลาย เป็นมรดกที่ไม่มีวันเหือดแห้งหรือสูญสลาย แต่คงอยู่ตลอดไปจนถึงวันสิ้นโลก พระองค์ตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่กับพวกท่านจนถึงวันสิ้นโลก” (มธ.28,20) และวิธีที่พระองค์จะอยู่กับเราจนถึงวันสิ้นโลกก็คือทางศีลมหาสนิทนี่เอง

            3. เมื่อเรามาร่วมมิสซาก็เหมือนกับเรามาร่วมกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายนี้ เป็นการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะมีพระเยซูคริสต์ประทับเป็นประธาน โดยผ่านทางพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้แทนของพระองค์ พวกสาวกได้แก่ พระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษ ซึ่งล้วนเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ในฐานะต่าง ๆ กัน สังเกตดูว่าพระสงฆ์จะทำเหมือนที่พระเยซูคริสต์ทำไม่ผิดทั้งการกระทำและคำพูด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฤทธิ์อำนาจของพระองค์ผู้ทรงรื้อฟื้นการกินเลี้ยงอาหารค้ำครั้งสุดท้ายซึ่งมีครั้งเดียวนั้นให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ โดยผ่านทางพระสงฆ์ เราจึงเป็นผู้โชคดีได้กินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายบ่อย ๆ ในมิสซาและศีลมหาสนิท

            4. มรดกเป็นสิ่งที่มีค่าและต้องหวงแหน เพราะเป็นอนุสรณ์ของบรรพบุรุษฉันใด ศีลมหาสนิทก็เป็นสิ่งที่มีค่าและต้องหวงแหนของพระเยซูคริสต์ฉันนั้น เราให้คุณค่าและหวงแหนศีลมหาสนิทด้วยการเคารพ กรอบไหว้ นมัสการ สรรเสริญ และเป็นต้นด้วยการรับศีลมหาสนิท เพราะพระเยซูคริสต์ทรงสั่งไว้ว่า จงกิน จงดื่ม

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1. พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิทอย่างไร?
ตอบ  พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิทโดยทรงหยิบปังขึ้นมาตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา” และทรงหยิบถ้วยเหล้าองุ่นขึ้นมาตรัสว่า “นี่เป็นถ้วยโลหิตของเรา”
2. พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิททำไม?
ตอบ  พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลมหาสนิทเพื่อเป็นบูชาไถ่บาปและเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณเรา
3. ศีลมหาสนิทเป็นการกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายได้อย่างไร?
ตอบ  โดยทางมิสซาซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงรื้อฟื้นการกินเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายให้เป็นปัจจุบันเพื่อจะได้อยู่กับเราจนวันสิ้นโลก

ข. กิจกรรม
      ร้องเพลง “เพราะรักเรา” (ปรารถนา หน้า 160 บี)
      ให้นักเรียนวาดภาพต้นข้าวและผลองุ่น ระบายสีแล้ว เขียนคำว่า “ศีลมหาสนิท”

เพราะรักเรา

1.  นี่คือชีวิต   แสนศักดิ์สิทธิ์ของพระบุตรเจ้า
 เพราะทรงรักเรา   จึงรับเอาทุกข์ทรมาน
2. เกิดในรางหญ้า   กลางฝูงลาไม่มีใครเห็น
 ยอมทุกข์ลำเค็ญ   ยอมยากเข็ญเพื่อเป็นแบบอย่าง
3. ถูกทรมาน   ให้แบกกางเขนในมรรคา
 องค์พระบุตรา   ไม่นำพาในความทุกข์ยาก
 ถูกตรึงกางเขน   เลือดกระเซ็นไหลโซมกายา
 องค์พระชุมพา   สิ้นชีวาด้วยความทุกข์ทน
4. และด้วยความรัก   ซึ่งประจักษ์ยิ่งใหญ่เหลือล้น
 ทรงเลี้ยงคริสตชน  ด้วยสกนธ์ในศีลบูชา